"หวยซอง เลขเด็ด เขียนโดยสาธารณชน เป็นการเสนอแนะเพื่อเสี่ยงโชคซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกกฎหมายเท่านั้น ไม่มีการขายหวยทุกชนิด และ ไม่มีใครทราบว่าหวยจะออกตัวไหน โปรดใช้วิจารณญาณ"

เรื่อง: มาทำความรู้จักกับประโยชน์ของสมุนไพรกันดีกว่าค่ะ
 
 30509

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
05 กรกฎาคม 2014, 17:23:50น.





ว่านหางจระเข้

          ไม้ล้มลุกใบใหญ่หนาที่ทุกคนรู้จักกันดี แม้ถิ่นกำเนิดจะอยู่ไกลถึงฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน และแอฟริกา แต่ในประเทศไทยก็มีการปลูกว่านหางจระเข้อย่างแพร่หลาย ซึ่งในตำรับยาไทยก็ใช้ว่านหางจระเข้บำบัดอาการต่าง ๆ ได้มากมาย จนเป็นที่รู้จักว่า เป็นพืชอัศจรรย์ที่มีสรรพคุณสารพัดประโยชน์

          โดย "วุ้นในใบสด" สามารถนำมาบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ แต่สรรพคุณเด่น ๆ ที่ทุกคนน่าจะรู้จักก็คือ นำมาพอกแผลน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ แก้ปวดแสบปวดร้อน แผลเรื้อรัง รักษาผิวที่ถูกแดดเผา แผลในกระเพาะอาหาร และช่วยถอนพิษได้ เพราะว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยสมานแผล แต่มีข้อแนะนำว่า ก่อนใช้ควรทดสอบดูก่อนว่าแพ้หรือไม่ โดยเอาวุ้นทาบริเวณท้องแขนด้านใน ถ้าผิวไม่คันหรือแดงก็ใช้ได้ นอกจากส่วนวุ้นในใบสดแล้ว ส่วน "ยางในใบ" ก็สามารถนำมาทำเป็นยาระบายได้ และส่วน "เหง้า" ก็นำไปต้มน้ำรับประทาน แก้โรคหนองในได้ด้วย
 


ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #1 05 กรกฎาคม 2014, 17:26:15น.





ขมิ้นชัน

          เรียกกันทั่วไปว่า "ขมิ้น" เป็นไม้ล้มลุกมีสีเหลืองอมส้ม มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีกลิ่นหอม คนนิยมนำ "เหง้า" ทั้งสดและแห้งมาใช้รักษาอาการที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร รวมทั้งแก้ท้องเสีย ท้องร่วง จุกเสียดแน่นท้อง และสามารถนำขมิ้นชันมาทาภายนอก เพื่อใช้รักษาแผลเรื้อรัง แผลสด โรคผิวหนัง พุพอง รักษาชันนะตุได้ด้วย

          นอกจากนั้น "ขมิ้นชัน" ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ "คูเคอร์มิน" ที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งตับ อีกทั้งยังสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนัง หรือใครที่มีแผลอักเสบ "ขมิ้นชัน" ก็มีสรรพคุณช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เพราะมีฤทธิ์ไปลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง และหากรับประทานขมิ้นชันทุกวัน ตามเวลาจะช่วยให้ความจำดีขึ้น ไม่อ่อนเพลียยามตื่นนอน และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นด้วย
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #2 05 กรกฎาคม 2014, 17:28:56น.





ทองพันชั่ง

          เป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าไม่ต่างไปจากชื่อ "ทองพันชั่ง" หลายพื้นที่อาจเรียกว่า "ทองคันชั่ง" หรือ "หญ้ามันไก่" เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ออกดอกสีขาว ส่วนที่ใช้ทำยาคือ ใบและราก ที่หากนำปริมาณ 1 กำมือมาต้มรับประทานเช้าเย็น จะช่วยดับพิษไข้ รักษาโรคผิวหนัง ริดสีดวงทวารหนัก แก้ไอเป็นเลือด ฆ่าพยาธิ นอกจากนั้น ยังสามารถนำใบและรากมาตำละเอียด เพื่อรักษาโรคกลาก เกลื้อน ได้ด้วย

          นอกจากสรรพคุณข้างต้นแล้ว มีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมพบว่า "ทองพันชั่ง" มีฤทธิ์ยับยั้งมะเร็งเยื่อบุช่องปาก มะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูกได้ รวมทั้งช่วยขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิตสูง แก้ผมร่วง รักษาโรคนิ่ว ฯลฯ แต่ข้อควรระวังคือ ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง โรคหัวใจ โรคหืด โรคความดันโลหิตต่ำ โรคมะเร็งในเม็ดเลือด ไม่ควรรับประทาน
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #3 05 กรกฎาคม 2014, 17:31:31น.






กะเพรา

          แม้จะเป็นผักที่คนไทยนิยมสั่งมารับประทานเวลาที่นึกไม่ออก แต่ก็มีน้อยคนที่จะรู้ว่า กะเพรา มีสรรพคุณอะไรบ้าง ที่เห็นชัด ๆ เลยก็คือ ใบกะเพรา มีฤทธิ์ขับลม ช่วยแก้จุดเสียด แน่นท้อง แก้ปวดท้องอุจจาระ ส่วนน้ำสกัดทั้งต้น สามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหาร สำหรับเมล็ดกะเพรา ก็สามารถพอกตาให้ผงหรือฝุ่นที่เข้าตาหลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นแล้ว รากกะเพราแห้ง ๆ ยังนำมาชงกับน้ำร้อนดื่มแก้โรคธาตุพิการได้ด้วย

          และสรรพคุณเด็ดของกะเพราอีกประการก็คือ ช่วยขับไขมันและน้ำตาล เคยสงสัยบ้างไหมล่ะ ทำไมอาหารตามสั่งต้องมีเมนูผัดกะเพราเนื้อ กะเพราไก่ กะเพราหมู นั่นก็เพราะนอกจากใบกะเพราจะช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้แล้ว ยังมีฤทธิ์ขับไขมัน และน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย อีกทั้ง กะเพราจะช่วยขับน้ำดีในตับออกมาให้ช่วยย่อยไขมันได้ดีขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น หากบอกว่า รับประทานกะเพราแล้วจะช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ ก็คงไม่ผิดนัก
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #4 05 กรกฎาคม 2014, 17:33:34น.





กระชายดำ

          สมุนไพรแสนมหัศจรรย์ของท่านชาย (อิอิ) เพราะสรรพคุณของกระชายดำที่ได้รับการกล่าวขานกันมากก็คือ สรรพคุณเพิ่มพลังทางเพศ หรือแก้โรคกามตายด้าน เนื่องจากฤทธิ์ของกระชายดำจะไปบำรุงกำลัง เพิ่มฮอร์โมนให้หนุ่ม ๆ ทำให้สมรรถภาพทางเพศเพิ่มขึ้น

          แต่ใช่ว่า กระชายดำ จะมีประโยชน์แค่เรื่องเพิ่มพลังทางเพศเท่านั้นนะ เพราะกระชายดำยังสรรพคุณมากมาย ทั้งบำรุงหัวใจ บำรุงกำลัง เป็นยาเจริญอาหาร และบำรุงธาตุ แก้หัวใจสั่นหวิว แก้ลมวิงเวียนแน่นหน้าอก แผลในปาก ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนดีขึ้น ผิวพรรณผ่องใส ขับปัสสาวะ แก้โรคกระเพาะ ฯลฯ และด้วยสรรพคุณอันแสนมหัศจรรย์มากมายขนาดนี้ กระชายดำ เลยถูกขนานนามว่าเป็น "โสมไทย" ซึ่งนิยมปลูกมากจนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดเลยทีเดียว
 

หวยซอง เลขเด็ด อภิโชควิเคราะห์เลขรวย หวยรัฐบาล : Apichoke.net


ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #5 05 กรกฎาคม 2014, 17:35:00น.





ว่านชักมดลูก

          มาที่พืชสมุนไพรสำหรับสาว ๆ กันบ้าง แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้ว เหมาะกับคุณสุภาพสตรีเป็นที่สุด เพราะเหง้าของว่านชักมดลูกมีสรรพคุณช่วยขับประจำเดือนในสตรีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ ส่วนผู้หญิงที่เพิ่งคลอดบุตร ว่านชักมดลูกก็จะช่วยบีบมดลูกให้เข้าอู่เร็วขึ้น ขับน้ำคาวปลา และรักษาโรคมดลูกพิการปวดบวมได้

          นอกจากนั้น ว่านชักมดลูก ยังแก้ริดสีดวงทวาร แก้ไส้เลื่อน แก้โรคลม รักษาอาการอาหารไม่ย่อย ขณะที่รากของว่านชักมดลูกสามารถใช้แก้ท้องอืดเฟ้อได้อีกต่างหาก

 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #6 05 กรกฎาคม 2014, 17:37:10น.





กระเจี๊ยบแดง

          หลายคนนำใบและยอดของกระเจี๊ยบแดงไปใส่ในแกง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มรสเปรี้ยวในอาหารแล้ว ใบกระเจี๊ยบแดงยังแก้โรคพยาธิตัวจี๊ด แก้ไอ ละลายเสมหะ ส่วนดอกใช้แก้โรคนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ขัดเบา ละลายไขมันในเส้นเลือด

          แต่ส่วนที่มีสรรพคุณมากเป็นพิเศษก็คือ ส่วนกลีบเลี้ยงของดอก หรือกลีบที่เหลืออยู่ที่ผล สามารถช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดน้ำหนัก ลดความดันโลหิต นำไปทำเป็นน้ำกระเจี๊ยบดื่มช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดความเหนียวข้นของเลือด ขับปัสสาวะ ป้องกันต่อมลูกหมากโตให้คุณผู้ชายได้ด้วย และมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า หากรับประทานกระเจี๊ยบแดงต่อเนื่อง 1 เดือน จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ระดับไขมันในเลือด ทั้งคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันเลว (LDL) ลดลง และยังเพิ่มไขมันชนิดดีคือ HDL ได้ด้วย
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #7 05 กรกฎาคม 2014, 17:38:49น.





มะขามป้อม

          เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก-กลางที่จัดเป็นยาอายุวัฒนะ เพราะมีสรรพคุณเพียบในแทบทุกส่วนของต้น แต่ที่รู้จักกันดีก็คือ ผลของมะขามป้อมจะมีรสเปรี้ยวมาก ๆ แต่ก็ชุ่มคอ และให้วิตามินซีสูงมากเช่นกัน ดังนั้น จึงมีคนนำผลมะขามป้อมสดมาใช้เป็นยาแก้หวัด แก้ไอ ละลายเสมหะ รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน

          นอกจากนั้นแล้ว ส่วน "ราก" ยังแก้พิษตะขาบกัด แก้ร้อนใน ลดความดันโลหิต แก้โรคเรื้อน ส่วนเปลือก แก้โรคบิด และฟกช้ำ ส่วนปมก้าน ใช้เป็นน้ำยาบ้วนปาก แก้ปวดฟัน "ผลแห้ง" ใช้รักษาอาการท้องเสียง หนองใน เยื่อบุตาอักเสบ แก้ตกเลือด และส่วน "เมล็ด" ก็สามารถนำไปเผาไฟผสมกับน้ำมันพืช ทาแก้คัน แก้หืด หรือจะตำเมล็ดให้เป็นผง ชงกับน้ำร้อนดื่มแก้โรคเบาหวาน หอบหืด หลอดลมอักเสบก็ได้
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #8 05 กรกฎาคม 2014, 17:40:37น.





ฟ้าทะลายโจร

          ฟ้าทะลายโจร เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 30-70 เซนติเมตร ทุกส่วนมีรสขม สรรพคุณเด่น ๆ ที่ทุกคนรู้จักกันดีก็คือ ใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้หวัดใหญ่ แก้ร้อนใน เพราะมีฤทธิ์ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย หากรับประทานบ่อย ๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหวัดง่าย นอกจากเรื่องหวัดแล้ว ฟ้าทะลายโจรยังระงับอาการอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ ขับเสมหะ รักษาอาการท้องเสีย ลำไส้อักเสบ รักษาโรคตับ เบาหวาน โรคงูสวัด ริดสีดวงทวาร และรสขมของฟ้าทะลายโจรยังช่วยให้เจริญอาหารอีกด้วย

          ข้อควรระวัง ก็คือ คนที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อ Streptococcus group A , ผู้ที่เป็นโรคหัวใจรูห์มาติค , มีอาการเจ็บคอ เนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย, เป็นความดันต่ำ และสตรีมีครรภ์ ไม่ควรทานฟ้าทะลายโจร  และหากใครทานแล้วเกิดปวดท้อง ปวดเอว วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น ควรหยุดใช้ฟ้าทะลายโจร นอกจากนั้นแล้ว ยังไม่ควรรับประทานต่อเนื่องนานเกินไป เพราะอาจทำให้แขนขามีอาการชา หรืออ่อนแรงได้
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #9 06 กรกฎาคม 2014, 12:35:36น.






บอระเพ็ด

          เมื่อเอ่ยชื่อ "บอระเพ็ด" หลายคนคงรู้สึก "ขม" ขึ้นมาทันที แต่เพราะความที่เจ้าบอระเพ็ดมีรสขมนี่ล่ะ ถึงทำให้ตัวมันเต็มเปี่ยมไปด้วยสรรพคุณทางยามากมาย ดังสำนวนที่ว่า "หวานเป็นลม ขมเป็นยา"

          อย่างเช่น "ราก" สามารถนำไปดับพิษร้อน แก้ไข้พิษ ไข้จับสั่น ช่วยให้เจริญอาหาร "ต้น" ก็ช่วยแก้ไข้ได้เช่นกัน และยังช่วยบำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ร้อนใน แก้สะอึก แก้เลือดพิการ ส่วน "ใบ" นอกจากจะช่วยแก้ไข้ได้เหมือนส่วนอื่น ๆ แล้ว ยังช่วยแก้โลหิตคั่งในสมอง ขับพยาธิ แก้ปวดฝี ช่วยลดความร้อน ทำให้ผิวพรรณผ่องใส รักษาโรคผิวหนัง ผดผื่นคันตามร่างกาย

          มาถึง "ดอก" ช่วยฆ่าพยาธิในท้อง ในฟัน ในหู "ผล" ใช้แก้เสมหะเป็นพิษ แก้สะอึกได้ดี แต่ถ้านำทั้ง 5 ส่วน คือ ราก ต้น ใบ ดอก ผล มารวมกัน "บอระเพ็ด" จะกลายเป็นยาอายุวัฒนะเลยทีเดียว เพราะแก้อาการได้สารพัดโรค รวมทั้งโรคริดสีดวงทวาร ฝีในมดลูก เบาหวาน ฯลฯ


 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #10 06 กรกฎาคม 2014, 12:36:51น.




เสลดพังพอน

          "เสลดพังพอน" มี 2 ชนิด คือ "เสลดพังพอนตัวผู้" และ "เสลดพังพอนตัวเมีย" ซึ่งทั้งสองชนิดมีสรรพคุณเด่น ๆ คือ ใช้ถอนพิษ แต่ "เสลดพังพอนตัวผู้" จะมีฤทธิ์อ่อนกว่า และส่วนใบจะมีรสขมกว่า

          ลองไปดูสรรพคุณของ "เสลดพังพอนตัวผู้" กันก่อน "ราก" ช่วยแก้ตาเหลือง ตัวเหลือง กินข้าวไม่ได้ ถอนพิษงู แมลงสัตว์กัดต่อย แก้ปวดฟัน ส่วน "ใบ" ก็ช่วยถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย และยังแก้ปวดแผล แผลจากของมีคมบาด แก้โรคฝี โรคคางทูม ไฟลามทุ่ง งูสวัด เริม ฝีดาษ แก้ฟกช้ำ น้ำร้อนลวก ยุงกัด แก้ปวดฟัน เหงือกบวม

          ส่วน "เสลดพังพอนตัวเมีย" จะนำรากมาปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับประจำเดือน แก้ปวดเมื่อยที่เอว ส่วน "ใบ" ซึ่งมีรสจืดจะนำมาสกัดทำเป็นยาใช้รักษาแผลผิวหนังชนิดเริม แผลร้อนในในปาก แผลน้ำร้อนลวกได้ นอกจากนั้น ส่วนทั้ง 5 คือ ราก ต้น ใบ ดอก ผล สามารถใช้ถอนพิษต่าง ๆ ได้ดี ทั้งพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ตะขาบ แมลงป่อง รักษาอาการอักเสบ งูสวัด ลมพิษ แผลน้ำร้อนลวก
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #11 06 กรกฎาคม 2014, 12:38:07น.






มะแว้ง

          มีทั้ง "มะแว้งต้น" และ "มะแว้งเครือ" ที่มีสรรพคุณเด่น ๆ คือ ใช้เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ เราจึงมักเห็นมะแว้งถูกนำมาผสมเป็นยาอมช่วยแก้ไอ ซึ่งตามตำรับยาแก้ไอแล้ว สามารถใช้ได้ทั้ง ราก ใบ ผล นอกจากนั้น ยังช่วยลดน้ำลายเหนียว บำรุงธาตุ รักษาวัณโรค แก้คอแห้ง ขับปัสสาวะ รักษาโรคทางไตและกระเพาะปัสสาวะ แก้โลหิตออกทางทวารหนัก และแก้โรคหอบหืดได้ด้วย

          นอกจากนั้น ลูกมะแว้งเครือสามารถนำไปปรุงอาหาร ทานเป็นผักได้ ส่วนลูกมะแว้งต้นก็ใช้ปรุงอาหารได้เช่นกัน แต่คนนิยมน้อยกว่าลูกมะแว้งเครือ


 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #12 06 กรกฎาคม 2014, 12:40:53น.





รางจืด

          เมื่อพูดถึงสมุนไพรถอนพิษ หลายคนนึกถึง "รางจืด" หรือ "ว่านรางจืด" ทันที เพราะส่วนใบและรากของรางจืดสามารถปรุงเป็นยาถอนพิษยาฆ่าแมลงได้ มีประโยชน์ในเวลาที่หากใครเกิดเผลอทานยาฆ่าแมลง ยาพิษ หรือยาเบื่อเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และอยู่ไกลโรงพยาบาล การทานรากรางจืดก็จะช่วยบรรเทาพิษในเบื้องต้นได้

          นอกจากนั้นแล้ว รางจืด ยังสามารถปรุงเป็นยาถอนพิษไข้ พิษแอลกอฮอล์ พิษสำแดง บรรเทาอาการเมาค้าง บรรเทาอาการผื่นแพ้ เป็นยาแก้ร้อนใน กระหายน้ำได้ แล้วรู้ไหมว่า ยังมีงานวิจัยจากกลุ่มหมอพื้นบ้านพบว่า การนำรางจืดไปต้มแล้วนำมาอาบจะช่วยทำให้ผิวพรรณผุดผ่อง และหากนำรากรางจืดมาฝนกับน้ำซาวข้าวแล้วนำไปทาหน้า จะทำให้หน้าขาว ไม่มีสิวฝ้าอีกด้วย อุ้ย...สาว ๆ ยิ้มเลยทีนี้
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #13 12 กรกฎาคม 2014, 09:48:01น.





บัวบก

          หลายคนอาจเคยดื่มน้ำใบบัวบก ที่เมื่อดื่มเข้าไปแล้วช่วยแก้ร้อนใน แก้ช้ำใน ลดการกระหายน้ำได้ดีนักแล ซึ่งนอกจากใบบัวบกจะนำมาคั้นน้ำดื่มได้แล้ว ยังสามารถนำไปทาแผล ช่วยบรรเทาอาการฟกช้ำของแผลได้ด้วย เพราะในใบมีกรดมาดีคาสสิค (madecassic acid) และกรดเอเซียติก (asiatic acid) ที่มีฤทธิ์สมานแผน ไม่ว่าจะเป็นแผลสด แผลเรื้อรัง แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือแผลหลังผ่าตัด ใบบัวบกจะช่วยการอักเสบและทำให้แผลหายเร็วขึ้น

          นอกจากนั้น ใบบัวบกยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดเชื้อเป็นหนองในได้  วิธีการใช้ก็ง่าย ๆ นำใบบัวบกสดทั้งต้น 1 กำมือ ล้างน้ำให้สะอาด แล้วตำให้ละเอียด เอาน้ำมาทาบริเวณที่เป็นแผลเป็นบ่อย ๆ ใช้กากพอกด้วยก็ได้ จะช่วยลดอาการอักเสบและทำให้แผลหายเร็วขึ้น

          ส่วนต้นของใบบัวบก ก็มีสรรพคุณทางยามากมายไม่แพ้ใบ โดยสามารถใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า แก้พิษงูกัด แก้ปวดศีรษะข้างเดียว ช่วยขับปัสสาวะ แก้เจ็บคอ ใช้เป็นยาห้ามเลือด ส่าแผลสด แก้โรคผิวหนัง ลดความดัน แก้ช้ำในได้เช่นกัน และถ้าใครชอบทำอาหาร อย่าลืมใส่ใบบัวบกลงผสมลงไปในเมนูของคุณด้วย เพราะในใบบัวบกมีสารอาหารเพียบ โดยเฉพาะวิตามินเอที่มีสูงมาก และยังให้คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามิน และไนอาซีน เรียกว่า คุณค่าครบเลยล่ะ

          จะเห็นได้ว่าสมุนไพรใกล้ตัวมากมายเหล่านี้มีประโยชน์อย่างที่นึกไม่ถึงมาก่อน แต่คำนึงไว้ด้วยว่า สมุนไพรจะรักษาโรคได้ต้องขึ้นอยู่กับวิธีการใช้สมุนไพรตามตำรับยาด้วย และที่สำคัญ คือสมุนไพรบางชนิดก็ไม่เหมาะกับคนที่ป่วยด้วยโรคบางประเภท หรือสตรีมีครรภ์ ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูล และข้อควรระวังทุกครั้งก่อนจะใช้สมุนไพรจะดีที่สุดค่ะ 
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #14 12 กรกฎาคม 2014, 09:51:19น.





กานพลู

          ใครที่ปวดฟัน นี่คือสมุนไพรที่ช่วยรักษาอาการปวดฟันได้เป็นอย่างดี โดยตามตำรับยา ให้นำดอกที่ตูมไปแช่เหล้าขาว แล้วเอาสำลีไปชุบน้ำมาอุดรูฟัน จะช่วยบรรเทาอาการปวดฟันได้ เพราะน้ำมันหอมระเหยในกานพลูมีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่ หรือจะเคี้ยวทั้งดอกแล้วอมไว้ตรงบริเวณที่ปวดฟันก็ได้ นอกจากนั้น ยังนำไปผสมน้ำเป็นน้ำยาบ้วนปาก ช่วยลดกลิ่นปาก แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้รำมะนาดได้

          กานพลูยังมีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้ ฉะนั้น ใครที่มีอาการปวดท้อง กานพลู ก็ช่วยลดอาการปวดท้อง ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ จุกเสียดจากการย่อยอาหารได้ เพราะจะไปช่วยขับน้ำดีมาย่อยไขมันได้มากขึ้น แถมยังกระตุ้นการหลั่งเมือก และลดภาวะกรดเกินในกระเพาะอาหารได้ด้วย
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #15 08 กันยายน 2014, 09:22:12น.







เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนอาจเคยเห็นเจ้าผักแพวผ่านตากันมาบ้าง แต่อาจจะยังไม่รู้จักกันดีสักเท่าไหร่ โดยทางภาคเหนือเรียกว่าผักไผ่ เพราะใบที่เรียวคล้ายใบไผ่ ทุกส่วนของผักแพวจะมีกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหย สามารถช่วยดับกลิ่นคาวได้ ส่วนใบมีรสเผ็ดเล็กน้อย โดยส่วนที่นิยมรับประทาน คือ ยอดอ่อน และใบสด แกล้มกับน้ำพริก หรือเป็นเครื่องเคียงก็ได้ มีประโยชน์ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีวิตามิน A ในปริมาณที่สูงมาก จึงช่วยบำรุงสายตาได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ใช่เฉพาะวิตามิน A ที่สูงอย่างเดียว เพราะผักแพวเป็นผักที่ติดอันดับ 8 ของผักที่มีวิตามิน C สูง เช่นกัน จึงช่วยบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงแคลเซียมซึ่งมีปริมาณสูงถึง 390 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม มีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง นอกจากนี้ผักแพวยังมีธาตุเหล็กสูงติด 1 ใน 5 อันดับของผักที่มีธาตุเหล็กสูงอีกเช่นกัน จึงสามารถช่วยให้ระบบเลือดทำงานได้ดี
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #16 12 กันยายน 2014, 09:09:27น.





Dieffenbachia หรือ สาวน้อยปะแป้ง ที่เราคุ้นตานั่นแหละเป็นไม้อีกชนิดหนึ่งที่น่ากลัวสุดๆ หากเอาไว้ในบ้านหรือกลางคืนให้ลองสังเกตุดูมันจะมีน้ำใสๆไหลออกมาจากปลายติ่งใบ นั่นแหละยอดของยาพิษร้าย โดนตาอาจบอดได้ภายในไม่ถึงสองนาที
 
หลายคนไม่รู้และมักจะใช้ตกแต่งบ้าน ถ้ามีใครเด็ดใบไม้แล้วเอามือมาป้ายตา อาจทำให้ตาบอดชั่วคราว หรือบอดสนิทได้เลย
พิษของมันสามารถฆ่าเด็กได้ภายในเวลา 1 นาที และสำหรับผู้ใหญ่ก็อาจตายได้ในเวลา 15 นาที
 
ผู้ที่ได้รับพิษที่รับประทานต้นสาวน้อยประแป้งเข้าไป พบว่ามีอาการเผ็ดร้อนในปาก การบวมของข้างแก้ม ลิ้น เพดานและหน้าบวม พูดไม่ชัด บางรายถึงกับเสียงหายไป อาการบวมและปวดมีมากจนกระทั่งกลืนอาหารไม่ได้ และบางครั้งจะมีอาการระคายเคืองทางเดินอาหาร แต่ไม่มีผลต่อไตหรือทำให้ชัก การสัมผัสกับผิวหนังอาจมีอาการแพ้เป็นผื่นบวมแดง
 
แม้ว่าอาการพิษที่เกิดจากต้นสาวน้อยประแป้งจะพบได้ไม่บ่อยนัก แต่ต้นสาวน้อยประแป้ง จัดเป็นพืชที่หาง่ายและขึ้นอยู่ทั่วไป โอกาสที่จะเกิดการสัมผัสยางหรือรับประทาน พืชต้นนี้เข้าไป โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจเกิดขึ้นได้ จึงควรที่จะระมัดระวังโดยเฉพาะเด็กเล็ก และเชื่อว่าผู้ใหญ่หลายคนก้ยังไมเคยรู้ด้วยซ้ำว่ามีพิษ

 
 

อาจารย์มงกุฏทอง C7 *
  • พลังน้ำใจ: 17675
ตอบกลับ #17 12 กันยายน 2014, 12:45:00น.


"ร้อยคนรัก ไม่เท่าหนึ่งคนที่ภักดี  ร้อยคำหวานที่มี ไม่อาจเท่าหนึ่งคำที่จริงใจ"

  • พลังน้ำใจ: 19932
ตอบกลับ #18 12 กันยายน 2014, 18:08:22น.
 +|p +|p +|p +|p ty: ty: ty: ty: ty: ty:

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #19 13 กันยายน 2014, 10:17:11น.





มะละกอ : ป้องกันมะเร็งลำไส้

ผลไม้ริมรั้วมากด้วยคุณค่าสารต้านอนุมูลอิสระเมื่อผลสุก น้ำมีรสชาติหวานหอม มีวิตามินเอและแคลเซียมสูง ป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก บำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้มะละกอสุกยังนำมามาสก์หน้าบำรุงผิวหน้าอ่อนนุ่ม หรือมีปัญหาเรื่องสิวบนใบหน้า ทั้งนี้ ผู้ที่ควบคุมอาหาร ไม่ควรกินมากเกินไป
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #20 18 กันยายน 2014, 12:19:15น.




มะระขี้นก : ขมเป็นยา

ผักพื้นบ้านที่มีอยู่ทั่วไป มะระขี้นกมีสรรพคุณเป็นยาลดไข้ แก้ริดสีดวงทวาร บาดแผลอักเสบ หืดหอบ ตับและม้ามอักเสบ เป็นยาระบายช่วยเจริญอาหาร บำรุงร่างกาย ขับพยาธิ ทั้งนี้มะระขี้นกมีฤทธิ์เย็น จึงไม่ควรกินติดต่อกันนานเกินไป ควรกินผักอื่นบ้างให้ร่างกายเกิดสมดุล
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #21 03 ธันวาคม 2014, 21:18:08น.







กระดูกเสื่อม หายจริงๆๆ !!!!!! "น้ำกระชาย น้ำมะนาว น้ำผึ้ง"

 เก็บตก จากวัดเขาพุทธโคดม คอร์สก่อน....
 "หมอเพชร' หรือ ดร. กฤษณา รัตนชาลี ศัลยแพทย์ด้านหัวใจ วัย 60 ต้นๆ เรียน จบแพทย์จากอังกฤษ และทำงานประจำอยู่ที่ต่างประเทศ เพิ่งบินกลับมาปฏิบัติธรรม ที่วัดเขาฯ เป็นครั้งแรก เล่าให้ฟังถึงเพื่อนหมอ ซึ่งไปตรวจที่ รพ.ศิริราช พบว่า เป็นโรคกระดูกเสื่อมเฉียบพลัน รพ.ให้ยามากินมากมาย หมอเพชรบอกเพื่อน เอายาทิ้งไปและลองกินน้ำกระชาย ซึ่งตามสูตรธรรมชาติบำบัดเป๊ะยิ่งกว่า ท่าน อ.สุทธิวัสส์ ซะอีก คือ ห้ามเพื่อนใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า ให้ใช้ครกหินอ่างศิลาตำๆ พอกระชายแหลก ก็เอามากรองด้วย "กระชอนไม้" ปูรองด้วยผ้าขาวบาง จนได้หัวเชื้อ มาผสมกับ น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว กินอยู่ประมาณ ๑ เดือน ไปตรวจใหม่ หมอที่ศิริราชตกก๊ะใจ สงสัยว่าไปทำอะไรมา มวลกระดูกถึงแน่นปึ้กขนาดนี้!!!!! คนไข้ก็ไม่กล้าบอก หมอถามต่ออีกว่าแล้วยาที่ให้ไปกินหมดรึยัง?.....ยังค่ะ


 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพื่อนหมอเพชรคนนี้ก็กินน้ำกระชายเป็นเครื่องดื่มประจำตัว ประจำบ้าน แล้วไม่เคยป่วยด้วยโรคกระดูกเสื่อมอีกเลย

 วิธีทำ
 กระชาย1ขีด
น้ำผึ้ง2ช้อนโต๊ะ
มะนาว2ลูก
กระชายล้างน้ำให้สะอาดปั่น(ถ้าขยันก็ตำเอานะคะ)ให้ละเอียดเติมน้ำสะอาดลงไป 2 แก้ว กรองเอาแต่น้ำ ใส่น้ำผึ้งและมะนาวผสมลงไปปรุงรสตามใจชอบเสร็จแล้วดื่มได้เลย
 

  • พลังน้ำใจ: 1766
ตอบกลับ #22 04 ธันวาคม 2014, 13:30:42น.
บัวบก กับ มะขามป้อม รูปน่าจะสลับกันครับ
 ]E[ ]E[ ]E[

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #23 04 ธันวาคม 2014, 13:43:51น.
บัวบก กับ มะขามป้อม รูปน่าจะสลับกันครับ
 ]E[ ]E[ ]E[


 <t,7>
 

  • พลังน้ำใจ: 27426
ตอบกลับ #24 04 ธันวาคม 2014, 13:44:19น.
 S|d' ty: +|p

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #25 09 มกราคม 2015, 10:58:08น.





การปรุงอาหาร
สำหรับบุกเป็นผักที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายประเภท เริ่มต้นที่ดอกของบุกนิยมนำไปทำเป็นแกงเผ็ดหัวบุก อาจจะนำไปแกงส้มก็สามารถทำได้ ส่วนใบอ่อนของบุกก็เช่นกันนำไปแกงส้ม และเรายังสามารถนำมาลวกหรือต้มให้สุกก่อนนำไปประกอบอาหารต่างๆได้ ก็จะได้รสชาติอีกสไตล์หนึ่งซึ่งก็อร่อยเช่นกัน นอกจากนี้หัวอ่อนของบุกก็สามารถนำมาประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวาน โดยจะนำมาผัดหรือแกง และรวมไปถึงการนำมาเป็นขนมอย่างแกงบวดหัวบุกก็น่ารับประทานเช่นกัน

สรรพคุณทางยา
บุกสามารถนำไปช่วยในเรื่องการลดน้ำหนัก และลดคอเรสเตอรอลในเลือดได้และเป็นที่ยอมรับในปัจจุบันแล้ว ทำให้มีการนำเอาบุกไปเป็นส่วนผสมของอาหารเสริมที่ช่วยในการลดน้ำหนักและเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ทั้งยังมีสรรพคุณในการสมานแผล ไม่ทำให้เกิดอาการอักเสบและเป็นหนองได้ และสามารถช่วยขับเสมหะ บรรเทาอาการเจ็บคอและแก้ไอรวมไปถึงช่วยบำรุงและรักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับไตได้ดีในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคไต
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #26 09 กุมภาพันธ์ 2015, 21:09:12น.




เรื่อง...ใบทุเรียนเทศ
รักษามะเร็งระยะสุดท้าย
********************
ข่าวบุญกุศลบอกต่อ
กันได้ครับเป็นกุศลจริงๆ

เรื่องใบทุเรียนเทศ
แห้งเอามาต้มน้ำ
รักษาโรคมะเร็ง ระยะสุดท้ายหายสบายๆ
คุณผู้หญิงเล่าในเฟชฯ เพื่อนๆส่งมาให้
แม่เคยเป็นมะเร็งลำไส้ หมอผ่าตัดแล้วบอกว่า
แม่ต้องให้ คีโม บำบัด ลูกๆทุกๆคนปรึกษากัน
แล้วมีความเห็นว่า ไม่เอาดีกว่าเพราะ
ดูจากอาการของแม่ไม่ดีเลย กลัวว่าแม่จะรับคีโมไม่ไหว
เพราะเหตุว่าแม่มีอายุมากแล้ว อายุ 86 ปีแล้ว จึงตัดสินใจพาแม่
กลับบ้าน เพราะคิดว่าให้แม่ได้รับความอบอุ่นอยู่ใกล้ลูก
ใกล้หลานดีกว่า ถึงจะตายจะได้นอน
ตายตาหลับไม่ต้องมีห่วง ในวาระสุดท้ายแห่งชีวิต

แต่เมื่อแม่กลับมาอยู่
กับเราๆจะยอมอยู่เฉยๆ
กันได้อย่างไร โดยที่ไม่ต้องต่อสู้
กับโรคมะเร็ง

เราเคยได้ยินข่าวว่า
ทุเรียนเทศ หรือ ทุเรียนน้ำ พืชในตระกูลน้อยหน่า สามารถรักษาโรคมะเร็งได้ จึงได้สืบเสาะแสวงหาจนพบ เพื่อมารักษามะเร็งให้แม่ และได้ข้อมูลว่า ต้องใช้ส่วนใบนำมา
ตากแห้งเท่านั้น จึงได้ดำเนินการนำ
มาต้มน้ำเพื่อให้แม่กิน

ตามตำราเขาบอกว่า
ให้กินก่อนอาหาร
วันละ3เวลา แต่ด้วยว่าแม่เป็นคน
ไม่ค่อยกินน้ำเลย การให้น้ำต้มใบทุเรียน
เทศกับแม่จึงยาก แม้กระทั่งน้ำเปล่า
ยังกินจิบๆเท่านั้น ต้องหาวิธีโดยใน

ตอนเช้าเอาน้ำต้ม
ใบทุเรียนเทศชง
กับเนสต้าให้แม่กิน

กลางวันต้มข้าวต้ม
ให้แม่กินก็ใช้น้ำต้ม
ใบทุเรียนเทศ ในการต้มข้าวให้แม่กิน

เย็นทำแกงจืดก็ใช้
น้ำต้มใบทุเรียนเทศ
ทำน้ำแกงจืดให้กิน โดยทำทุกวิถีทาง
ให้แม่ได้รับน้ำต้ม
ใบทุเรียนเทศอย่าง
น้อยวันละ 3 แก้ว
เป็นอย่างน้อย
โดยไม่คิดเลยว่า
แม่จะหายวันหายคืน มาถึงวันนี้แม่สบายดีแล้ว ทุกอย่างกลับเป็นปกติ ต้องขอขอบคุณ
ใบทุเรียนเทศ
จริงๆที่ได้ช่วยต่อชีวิต
แม่ให้ยืนยาวต่อไปอีก มาถึงวันนี้ก็ 10 เดือนพอดี
ที่เรารักษาแม่ด้วย
น้ำต้มใบทุเรียนเทศแห้ง แม่หายป่วยสุขภาพ
แข็งแรงดีมากจริงๆ

กลับไปให้หมอที่
โรงพยาบาลและเช็คค่า
ของเลือดปกติ
ไม่มีค่าของมะเร็ง
หลงเหลืออยู่เลย

ตอนนี้แม่กลับไปอยู่
จตุรัส ชัยภูมิ ช่วยลูกอีกคนขายของ
โชว์ห่วยได้แล้ว

มะเร็งไม่เคยปรานีใคร แต่เราก็พึ่งรู้ว่ามะเร็ง
พ่ายแพ้ต่อใบทุเรียนเทศ ก็ตอนแม่ตัวเอง
เป็นมะเร็งนี่แหละ ถ้าครอบครัวใด
มีคนเป็นมะเร็งอย่าท้อ รีบหาใบทุเรียนเทศ
มาตากแห้งต้มกินต่างน้ำ หรือกินแบบน้ำชา อย่างน้อยให้ได้
วันละ 3แก้วนะ มันคุ้มค่ากับชีวิตจริงๆ


Cr.โดย. ท่านศรีวิการ์
ไชโย. กุศลาธรรมมา
จงเจริญ
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #27 03 มีนาคม 2015, 20:23:45น.





ผักชีลาว : แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
 ชื่ออื่นๆ : ผักชี เทียนข้าวเปลือก เทียนตาตั๊กแตน ผักชีตั๊กแตน ผักชีเทียน ผักชีเมือง สามร้อยยอด ฯลฯ ผักพื้นบ้านอาหารอีสานและภาคเหนือ เช่น แกงอ่อม แกงหน่อไม้ แกงปลา ขนมจีน ดับกลิ่นคาว หรือเป็นผักสดจิ้มแกล้มน้ำพริกต่างๆ มีกลิ่นหอมฉุนเป็นเอกลักษณ์ ให้คุณค่าทางโภชนาการด้วยแร่ธาตุอย่างแคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และธาตุเหล็ก มีเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี ฯลฯ สรรพคุณทางยา ช่วยกระตุ้นระบบทำงานกระเพาะ ช่วยย่อยอาหาร แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ แก้เสมหะพิการ แก้นอนสะดุ้ง ลดความดันโลหิตสูง ลดไขมันและน้ำตาลในเลือด ช่วยขยายหลอดเลือด ช่วยกระตุ้นระบบหายใจ บำรุงร่างกาย และกระตุ้นน้ำนมสำหรับสตรีเพิ่งคลอดบุตร
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #28 05 มีนาคม 2015, 11:08:48น.


 



กินขมิ้นชันตามเวลาต่อไปนี้จะได้ผลโดยตรงกับอวัยวะส่วนนั้น

เวลา 03.00 - 05.00 น. ช่วยบำรุงปอด ป้องกันการเป็นมะเร็งปอด ช่วยทำให้ปอดแข็งแรง ช่วยเรื่องภูมิแพ้ของจมูกที่หายใจไม่สะดวก และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิวหนัง

เวลา 05.00 - 07.00 น. ช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ ถ้าเคยกินยาถ่ายมาเป็นเวลานาน ให้กินขมิ้นชันเวลานี้ ขมิ้นชันจะฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ แต่ต้องกินเป็นประจำ ถึงจะทำให้ลำไส้ใหญ่บีบรัดตัวเพื่อขับถ่ายอย่างปกติ แก้ปัญหาลำไส้ใหญ่กลืนลำไส้เล็ก หรือลำไส้ใหญ่มีปัญหาถ่ายมากเกินไปหรือถ่ายน้อยเกินไป ถ้าลำไส้ใหญ่ไม่มีปัญหา ให้กินขมิ้นชันพร้อมกับสูตรโยเกิต + นมสด + น้ำผึ้ง + มะนาว หรือน้ำอุ่นก็ได้ จะไปช่วยล้างผนังลำไส้ที่มีหนวดเป็นขนเล็กๆ อยู่เป็นล้านๆ เส้น ซึ่งขนเหล่านี้มีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารเพื่อไปสร้างเม็ดเลือด ขมิ้นชันจะช่วยล้างให้สะอาดได้ ก็จะไม่ค่อยมีขยะตกค้าง จึงไม่เกิดแก๊สพิษที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว และจะไม่ค่อยเป็นริดสีดวงทวาร ไม่เป็นมะเร็งลำไส้

เวลา 07.00 - 09.00 น. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหาร เกิดจากการกินข้าวไม่เป็นเวลา ท้องอืด จุกแน่น ปวดเข่า ขาตึง ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันความจำเสื่อม

เวลา 09.00 - 11.00 น. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลที่ปาก อ้วนเกินไป ผอมเกินไปที่เกี่ยวกับม้าม ลดอาการของโรคเก๊าต์ ลดอาการเบาหวาน

เวลา 11.00 - 13.00 น. สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ มีหรือไม่มี ถ้ากินขมิ้นชันเวลานี้ จะช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง ถ้าเลยเวลา 11.00 น.ไปแล้ว ขมิ้นชันจะไปทำงานที่ตับ แล้วตับจะส่งมาที่ปิด ปอดจะส่งไปยังผิวหนัง แต่ส่วนมากมาไม่ถึงเพราะกินขมิ้นชันน้อยเกินไป อวัยวะส่วนอื่นจะดึงไปใช้งานก่อนเลยมาไม่ถึงผิวหนัง จึงต้องลงขมิ้นชันทางผิวหนังช่วยอีกทางหนึ่ง

เวลา 15.00 - 17.00 น. ช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้ปัญหาเรื่องตกขาวของสตรี และควรกินน้ำกระชายเวลานี้ด้วย จะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงือกออกจะดีมาก เพราะร่างกายต้องการขับสารพิษให้ได้มากที่สุดในเวลานี้

กินเหลือเลยเวลาจากช่วงนี้ จนไปถึงการกินก่อนนอน ขมิ้นชันจะไปช่วยเรื่องความจำให้ความจำดี ตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้าจะไม่ค่อยอ่อนเพลีย และช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น กินขมิ้นชันมากๆ จะช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ผิวหนังไม่เป็นผดผื่นคันง่ายๆ และช่วยขับไขมันในตับ ถ้ากินปริมาณมาก

กินขมิ้นชัน แบบผงหรือบรรจุแคปซูล ควรเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐานและสะอาดเชื่อถือได้ ไร้สารเคมีไม่มีสเตรอยที่เกิดจากการอบแห้งด้วยความร้อนเกิน 65 องศา ควรตัดสินใจเอง เพราะเราจะต้องกินทุกวัน ก็ควรกินให้ปลอดภัยและสบายใจ ถ้ากินขมิ้นชัน แบบผง 1 ช้อนชา ใช้ผสน้ำ 1 แก้ว (ไม่เต็ม) ขมิ้นชันจะไหลผ่านส่วนต่างๆ ตั้งแต่

- ผ่านลำคอ ช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ลำคอ ไปผ่านปอดช่วยดูแลปอดให้หายใจดีขึ้น ลดความชื้นของปอด

- ผ่านม้าม ก็ลดไขมัน และปรับน้ำเหลืองไม่ให้น้ำเหลืองเสีย

- ผ่านกระเพาะอาหาร ก็จะรักษาแผลในกระเพาะอาหาร

- ผ่านลำไส้ ก็สมานแผลลำไส้

- ผ่านตับ ก็ไปบำรุงตับ ล้างไขมันในตับ

ขมิ้นชันยังช่วยดูแลเซลล์ต่างๆ ที่ฉีกขาดก็จะไปเชื่อมให้ และไปกวาดขยะ กวาดไขมันมากองไว้ ถ้าจะอุ้มขยะไปทิ้งโดยการถ่ายก็กินอาหารปกติ เช่น พืช ผัก ผลไม้ ที่มีกากใย หรือกินน้ำลูกสำรอง (พุงทลาย) เพื่ออุ้มไขมัน อุ้มแก๊สไปทิ้ง

คนธาตุเบา แสดงว่ามีการระคายเคือง อักเสบ เป็นแผลเรื้อรังบางอย่างที่ผนังลำไส้เป็นอาจิณ

คนธาตุหนัก แสดงว่าปลายประสาทลำไส้ใหญ่เสื่อม อาจเกิดจากการกินยาถ่ายเป็นประจำ หรือดื่มน้ำน้อย ทั้งธาตุเบาและธาตุหนักไม่ดีทั้งคู่ ถ้าเป็นอย่างนี้แสดงว่ามีปัญหาที่ลำไส้ และปลายประสาทลำไส้ใหญ่ผิดปกติ หากปล่อยไว้วันข้างหน้าจะมีโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ควรกินขมิ้นชันเป็นประจำ เพื่อค่อยๆ ปรับให้เข้าที่แล้ว จะกลับมาถ่ายเป็นปกติ

Cr : www.nathasorn.com
 

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 230182
ตอบกลับ #29 08 กรกฎาคม 2015, 12:53:37น.




      "ใบเตย" เชื่อว่าทุกคนมักจะรู้จักเป็นอย่างดี  เตยหอม ที่มักถูกนำมาใช้ในอาหารทำอาหาร เพื่อให้อาหารมีกลิ่นหอม และช่วยให้ขนมไทยมีสีเขียวสวยงาม ซึ่งบางคนอาจจะรู้ว่าประโยชน์ของ "เตยหอม"ว่ามีสรรพคุณทางยาอีกด้วย
           เตยหอมนั้นสามารถนำมาทำเป็น น้ำเตยหอม เป็นเครื่องดื่มได้ เป็นยาบำรุงหัวใจ เพราะใบเตยมีฤทธิ์ลดอัตราการเต้นของหัวใจ จึงช่วยบำรุงหัวใจได้อย่างดี นอกจากนี้ยังจะช่วยดับกระหาย คลายร้อน ทานแล้วรู้สึกสดชื่น และชุ่มคอ
ลักษณะทั่วไปของใบเตย
           ใบเตยเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวลักษณะแตกกอเป็นพุ่มขนาดเล็ก ลำต้นเป็นข้อ ใบออกเป็นพุ่มบริเวณปลายยอด เมื่อโตจะมีรากค้ำจุนช่วย
พยุงลำต้นไว้ ใบเป็นใบเดี่ยวออกเป็นกระจุกเรียงสลับเวียนเป็นเกลียวขึ้นไปจนถึงยอด ลักษณะใบยาวเรียวคล้ายใบหอก ปลายใบแหลม บริเวณกลางใบเป็นร่อง ขอบใบเรียบตรง ผิวใบเป็นมัน ด้านท้องใบจะเห็นเป็นรูปคล้ายกระดูกงูเรือใบ มีกลิ่นหอม
 

ส่วนที่ใช้ : ต้นและราก, ใบสด
สรรพคุณ
    ต้นและราก
        – ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้กระษัย
    ใบสด
        – ตำพอกโรคผิวหนัง
        – รักษาโรคหืด
        – น้ำใบเตย ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น
        – ใช้ผสมอาหาร แต่งกลิ่น ให้สีเขียวแต่งสีขนม
 

 

เว็บไซต์ในเครือข่ายอภิโชค : apichokeonlin.com | apichoke.net | apichoke.biz | apichoke.me | apichoke.org | apichoke.info
"ศาสตร์ของการคำนวณหวย สถิติหวยความน่าจะเป็น บนเว็บนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน-นักคำนวณ และบุคคลทั่วไปตลอดจนเลขจากไสยศาสตร์ต่างๆ การที่ใครจะถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือถูกหวย รวยด้วยหวย ก็เป็นเพียงแต่ การเสี่ยงโชค เสี่ยงดวง เท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ และไม่ควรงมงาย หากต้องการเสี่ยงโชค ซื้อหวย เล่นหวย ก็ขอให้ เสี่ยงโชคแต่พอเพียงตามกำลังของตนเอง อย่าซื้อเกินกำลังอาจทำให้เดือนร้อนได้"
คำเตือน : อย่าหลงเชื่อหากมีผู้อ้างตนเป็นอาจารย์ดังสามารถให้หวยถูก100%หรือให้ถูกทุกงวดแน่นอน หรืออวดอ้างว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่กองสลาก แล้วเรียกเก็บเงินจากท่าน
ข้อมูลในเว็บนี้ใช้ประกอบเสี่ยงโชคสำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ไม่สนับสนุนหวยที่ผิดกฏหมาย