"หวยซอง เลขเด็ด เขียนโดยสาธารณชน เป็นการเสนอแนะเพื่อเสี่ยงโชคซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกกฎหมายเท่านั้น ไม่มีการขายหวยทุกชนิด และ ไม่มีใครทราบว่าหวยจะออกตัวไหน โปรดใช้วิจารณญาณ"

เรื่อง: ศรัทธา ความเชื่อ ความเหงา กับ 6 เทพเจ้ากลางเมืองกรุง..
 
 3952

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

bua ออฟไลน์
  • พลังน้ำใจ: 633
04 ตุลาคม 2009, 17:37:05น.


ศรัทธา ความเชื่อ ความเหงา กับ 6 เทพเจ้ากลางเมือง

หากจะวัดพลังแห่งศรัทธาที่หนาแน่นที่สุดของเมืองหลวง คงปฏิเสธ "ย่านราชประสงค์" แห่งหนที่ประดิษฐานของเหล่าทวยเทพสำคัญในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ไศวะนิกาย และพุทธศาสนา อยู่ถึง 6 องค์ไม่ได้

สี่แยกใจกลางเมืองแห่งนี้แม้จะได้ชื่อว่า เป็นย่านธุรกิจสำคัญ เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่แสดงถึงความทันสมัย มีรถราเนืองแน่น รถไฟลอยฟ้าวิ่งขวักไขว่ไปมา แต่ในอีกมิติหนึ่ง ราชประสงค์คือแหล่งรวมของเทพเจ้าที่มีผู้นิยมเดินทางมาสักการะ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติอย่างคึกคักหนาแน่น

เป็นมหัศจรรย์แห่งศรัทธาที่ไม่เคยขาดสาย ตลอดระยะเวลาที่มีศาลของเทพเจ้าเหล่านี้สถิตอยู่ !

6 เทพที่พึ่งใจกลางเมือง

นับแต่ปี พ.ศ.2499 ที่มีศาลท้าวมหาพรหมประดิษฐานในย่านราชประสงค์ ความเชื่อ ความศรัทธาก็คลาคล่ำสู่ถนนสายนี้อย่างต่อเนื่อง

ยิ่ง ศาลท้าวมหาพรหม ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ หน้าศูนย์การค้าเอราวัณแบงค็อก สิ่งปลูกสร้างใหญ่ที่จะผุดพรายขึ้นในย่านนั้นต่างก็ต้องพึ่งศาสตร์ทางฮวงจุ้ยเพื่อตั้งรับพลังอันแรงกล้าตามความเชื่อที่ผู้ประกอบการธุรกิจทุกคนในย่านนี้ยอมรับว่า "ละทิ้งความเชื่อนี้ไม่ได้ !"

และนั่นจึงเป็นที่มาของศาลต่างๆ ของอีก 5 ทวยเทพ ไม่ว่าจะเป็น พระลักษมี (ชั้น 4 ศูนย์การค้าเกษร), พระตรีมูรติ (เซ็นทรัลเวิลด์ฝั่งอิเซตัน), พระพิฆเนศ (เซ็นทรัลเวิลด์ฝั่งอิเซตัน), พระอินทร์หรือองค์อมรินทร์ (หน้าศูนย์การค้าอัมรินทร์) และ พระนารายณ์ทรงสุบรรณ (หน้าโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล)

ในการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับเทวะกำเนิดของเทพเจ้าทั้ง 6 องค์ อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ วิเคราะห์ถึงการที่ผู้ประกอบการนำเทพมาประดิษฐานว่า "หากพูดในแง่ธุรกิจไม่ได้ช่วยหนุน แต่เป็นการช่วยทางด้านจิตใจของเจ้าของสถานที่ การทำธุรกิจ ก็มีขึ้น-ลง อย่างน้อยก็มีเทพมาปรับทุกข์ ขอให้เทพช่วยหน่อย ขณะเดียวกันการเชิญเทพมาประดิษฐานในย่านธุรกิจของตัวเอง ทำให้คนอยากมากราบ ทำให้สถานที่นั้นคึกคัก ถ้าเกิดไม่มีธุรกิจ ไม่มีคนมาช็อปปิ้ง แล้วไม่มีคนมากราบไหว้ สถานที่นั้นมันไม่ยิ่งโหรงเหรง เหงาไปใหญ่หรือ ?"

แต่ดูเหมือนการเกิดขึ้นของทั้ง 6 ศาล จะยิ่งทำให้พลังแห่งศรัทธา และความเชื่อของย่านการค้าแห่งนี้แกร่งกล้าขึ้น โดยในทุกวันจะมีคนไทยและคนต่างชาติ (ประเทศในแถบเอเชีย) ทยอยเดินทางมาสักการะเทพแต่ละองค์ตามความเชื่อที่เล่าต่อกันมาอย่างเนืองแน่น

กลิ่นธูปและควันเทียน ลอยฟุ้งจนแสบตาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา

ว่ากันว่า การมาไหว้องค์เทพทั้ง 6 ต่างก็มีความเชื่อที่เขาว่า ...ท้าวมหาพรหม ที่มีชื่อเสียงในการประทานโชคลาภ ...องค์อมรินทราธิราช พระผู้ดูแลทุกข์สุขของมนุษย์โลก ...พระตรีมูรติ เป็นที่นิยมบูชาในฐานะเทพแห่งความรัก ....พระพิฆเนศ นิยมบูชาในศิลปะเป็นเทพแห่งความสร้างสรรค์และ พระผู้ปกป้องคุ้มครองจากภยันตราย...พระลักษมี นิยมบูชาเพื่อความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ และ...พระนารายณ์ทรงสุบรรณ ที่นิยมบูชาตามความเชื่อว่าจะคุ้มครองรักษาให้กิจการรุ่งเรืองและปกป้องคุ้มครอง

เวลาเปลี่ยนความเชื่อเปลี่ยน

"อย่างที่พระตรีมูรติ มีคนมาบูชาเพื่อหาคู่ พระลักษมี มีคนบูชาเพื่อความมั่งคั่งร่ำรวย อันนี้เป็นคติที่แปรเปลี่ยนไป แต่เดิมไม่ได้บูชาเพื่อหาคู่ แต่ว่าความเชื่อของคนในปัจจุบันให้ความสำคัญกับเรื่องของคู่ แล้วบอกว่าพระตรี มูรติจะช่วยได้ คิดดูว่าเทพแต่ละองค์อายุไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี ทั้งนั้น ถ้าพูดตามหลักโบราณคดี เพราะฉะนั้นคติความเชื่อในเทพแต่ละองค์ถูกปรับไปตามยุคสมัยตลอดเวลา" อาจารย์เผ่าทองกล่าว

...อีกประการหนึ่งก็คือ ในสังคมปัจจุบัน เราอาจจะมีความว้าเหว่ เพราะในสังคมระบบทุนนิยม คนมีความห่างเหินกับครอบครัวมากขึ้น เทพจึงเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว บางคนมีโอกาสได้คุย ระบายเรื่องในใจกับเพื่อนฝูงน้อยมาก แต่เมื่อเราได้มาอธิษฐาน มันเหมือนเราได้ปรับทุกข์ กับใครคนใดคนหนึ่ง เพราะฉะนั้น สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องช่วยทางด้านจิตใจ คนไทยเราโชคดีมาก ที่เรามีเทพในย่านนี้ตั้ง 6 องค์ ที่รับฟังความทุกข์ของชีวิตของเรา ไม่มีใครที่มีความสุขและมานั่งอธิษฐาน ทุกคนมีทุกข์แล้วมานั่งอธิษฐานถึงจะมาตรงนี้ เวลาที่มีความสุขนะเหรอนอนกระดี๊กระด๊า หรือไม่ก็ไปเที่ยวกันหมด ถ้าไม่ทุกข์ ไม่มีความโศกเศร้าจริงๆ ไม่มาถึงเทพหรอก !

"ถ้ามองในแง่ดีก็คือ เราโชคดีตรงที่เราได้บูชาเทพโดยไม่ต้องเสียสตางค์เลย ซื้อดอกไม้มาบูชา ก็นิดหน่อยไม่สิ้นเปลืองมากมาย ผิดกับในยุโรป อเมริกา ถ้ามีความทุกข์ก็ต้องไปหาจิตแพทย์ ที่นั่นจิตแพทย์เลยทำเงินได้มหาศาล"

ที่น่าตกใจก็คือ อาจารย์เผ่าทองวิเคราะห์ว่า... เหตุที่คนในปัจจุบันเริ่มหันมาไหว้เทพเจ้ากันมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะค่านิยมที่เปลี่ยนไป เนื่องจากการไหว้พระไม่ได้บอกว่าจะดลบันดาลทรัพย์สินเงินทองได้ การเข้าวัดก็เพื่อไปหาความสงบ แต่ในคนปัจจุบัน เรามองแต่ในเรื่องของความฉาบฉวย เปลือกนอก ในการบูชาเทพ บางครั้งบางคนบอกว่าเห็นเร็วดี เหมือนบูชาเทพแล้วได้คู่ บูชาเทพแล้วได้เงิน ไหว้พระได้แต่ความสงบสันโดษ ปลีกวิเวก แล้วจะไปบูชาทำไม ถ้าเรายังอยากอยู่ ผมเชื่อว่าทุกคนไม่อยากหลุดออกไปจากวัตถุนิยม เพราะฉะนั้นเราบูชาเทพดีกว่า !

แต่ศรัทธาที่มากเกินไป บางครั้งก็เป็นโทษ อาจารย์เผ่าทองจึงย้ำว่า

...เราต้องไม่ลืมว่า เทพมีส่วนช่วยก็จริง แต่ไม่ได้เป็นผู้ดลบันดาลให้สำเร็จโดยผู้บูชาไม่ทำอะไรเลย !!!

ศรัทธาจำเป็นของคนทำธุรกิจ

อย่าแปลกใจหาก 6 ศาลแห่งศรัทธาในย่านราชประสงค์จะได้ชื่อว่าเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศและคนไทยเอาไว้ โดยเฉพาะกลุ่ม

นักท่องเที่ยวชาวจีน ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์

"ผมมองอย่างนี้นะ การที่ชาวจีน ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ เดินทางมาไหว้ศาลในย่านนี้ เป็นเพราะหนึ่งการแข่งขันทางธุรกิจของเขาค่อนข้างสูงหนึ่ง สองคือเครื่องยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจในประเทศของเขาไม่มี เพราะฉะนั้น คนในประเทศที่ผมเอ่ยนามมามีอาการป่วยทางจิต ถ้าเทียบเปอร์เซ็นต์ต่อประชากรแล้วค่อนข้างมากกว่าคนไทยนะ อนาคตที่จะทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบหนึ่ง ผมว่าจึงทำได้ เพราะเทพเหล่านี้เป็นที่รู้จักของชาวต่างประเทศอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น การที่จะสร้างความรู้สึกต่างๆ สร้างความเข้าใจให้กับชาวต่างชาติ คนไทยด้วยกันก็เป็นเรื่องดี เพียงแต่เราต้องไม่งมงายอย่างที่ไม่ลืมหูลืมตา บางทีบอกว่าอยากทำมาค้าขาย อยากโชคดี มาไหว้ แต่ไม่ทำอะไรเลย คงไม่สำเร็จ" อาจารย์เผ่าทองกล่าว

ด้าน ชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ยอมรับว่า แม้จะไม่เคยมีการบันทึกตัวเลขผู้มาสักการะชัดเจน แต่ดูในแง่การบูชา เราจะเห็นว่าทุกศาลมีดอกไม้มาบูชากันเยอะมาก ผู้ประกอบการค้าที่นี่เองก็มีคววามเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ละที่จะมีปาฎิหาริย์ มีคนมาขอพรมากมาย อย่างที่เกษร เราอัญเชิญพระลักษมีมาประดิษฐานตั้งแต่แรก ผมกลับมาจากเมืองนอก ตอนที่ยังเป็นห้องแถวอยู่ก็เห็นว่ามีดอกไม้ไหว้เต็มทุกวัน จนเมื่อเราสร้างอาคารก็อัญเชิญท่านขึ้นไปอยู่บนชั้น 4 ตำแหน่งเดิม ท่านจึงเป็นเทพองค์เดียวในย่านนี้ ที่เท่ที่สุด เพราะยืนอยู่บนหลุยส์ วิตตองพอดี ที่สำคัญเป็นเทพผู้หญิงด้วย !

ซึ่งขนาดเขาเป็นหนุ่มนักเรียนนอก แต่ทว่าความเชื่อในเรื่องนี้ก็ไม่เคยถูกมองข้าม

"จำได้ว่าตอนนั้นอินเตอร์คอนฯในปัจจุบัน ไฟไหม้ก็มีคนมาดูเรื่องพวกนี้ ถึงตั้งศาลพระนารายณ์เพราะพระพรหมเล็งเข้ามาตรง แล้วพลังแรงมากก็เลยเกิดอุบัติเหตุ ก็เลยต้องตั้งเพื่อให้เกิดความสมดุล ยอมรับว่าผู้เช่าส่วนใหญ่เชื่อเรื่องพวกนี้มาก เราเองก็เชื่อ ผมคิดว่าในแง่ของการสร้างอะไรต่างๆ ในย่านนี้จึงต้องมีเรื่องฮวงจุ้ยเข้ามา เพราะแต่ละที่แรงหมด จึงต้องทำความดีเยอะๆ"

"ผมว่าเทพ 6 องค์ที่มีอยู่ในย่านราชประสงค์นี้ก็เปรียบเหมือนความดี 6 อย่าง เวลาสักการะจริงๆ ก็คือสักการะความดี เป็นความดีที่บริสุทธิ์นะ"

........................

ทุกวันนี้ ศรัทธา ความเชื่อกับการสักการะ 6 เทพเจ้า ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่สิ้นสุดลงง่ายๆ แม้ความศิวิไลซ์จะอยู่รายล้อม

กลิ่นควันธูปยังคงฟุ้ง...

ยิ่งหากเป็นวัยหนุ่มสาวในสังคมที่ปริมาณคนว้าเหว่ คนเหงา เพิ่มเป็น เท่าทวี ภาพที่พวกเขาถือพวงมาลัย ดอกไม้ธูปเทียน เดินตระเวนสักการะ 6 ศาลจึงเป็นภาพที่ชินตาคนในย่านนั้นไปแล้ว !!!



 ][j ][j ][j ][j ][j ][j ][j ][j ][j ][j ][j "#' "#' "#' ][j ][j ][j ][j



bua ออฟไลน์
  • พลังน้ำใจ: 633
ตอบกลับ #1 04 ตุลาคม 2009, 17:55:19น.
ความเชื่อเรื่องโชคลาง...กับตัวเลข..1 2 3 4 5 6 7 8 9

4-9-13 อิทธิพลของตัวเลขร้ายๆ ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น ส่งผลให้สายการบิน Air Nippon Airways ไม่มีที่นั่งหมายเลข 4, 9 และ 13

7 เลข 7 ถือเป็นเลขนำโชคตามความเชื่อของนักการพนันทั่วโลก ด้วยเหตุนี้เครื่องโยกสล็อตแมชีนจึงนำตัวเลข 777 มาเป็นเครื่องหมายแจ๊คพ็อตที่ให้รางวัลสูงที่สุด มีโอกาสเกิดตรงกันยากที่สุด ฉะนั้นจึงเหมาะกับคนที่โชคดีมากที่สุดเช่นกัน

7 แม้แต่เหล่าคนดังก็มักจะใช้เลข 7 เป็นตัวเลขนำโชค เช่น เจ เค โรว์ลิ่ง ผู้เขียน แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่วางแผนมาตั้งแต่ต้นว่าจะจบบทนิยายขายดีของเธอไว้แค่เล่มที่ 7 ขณะที่กุญแจความเชื่อเรื่องเลข 7 ยังซุกซ่อนอยู่ในนิยายดีเล่มนี้มากมาย เช่น ชั้นเรียนเวทมนตร์ของฮอกวอตส์ต้องเรียนทั้งหมด 7 ปี, ลอร์ดโวลเดอมอร์แยกวิญญาณออกเป็น 7 ดวงเพื่อความเป็นอมตะ, แฮร์รี่เกิดในกรกฎาคม ซึ่งเป็นเดือนที่ 7 ของปี ฯลฯ

8 ชาวตะวันตกเชื่อว่าเลข 8 มีรูปลักษณ์เหมือนกันกับสัญลักษณ์แห่งความเป็นนิรันดร์หรืออนันต์ในเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ที่หมายถึงความไม่มีที่สิ้นสุด (infinity) จึงถือเป็นเลขโชคลางที่ใช้สื่อความหมายถึงความเป็นอมตะ ไม่มีที่สิ้นสุด

8 ชาวจีนโดยเฉพาะผู้ที่ทำอาชีพค้าขายยกให้เลข 8 เป็นเลขแห่งมงคล เพราะในภาษากวางตุ้งมีความหมายว่า ร่ำรวย หรือ มั่งมี อีกทั้งยังหมายความได้ถึงตำนานแปดเซียนหรือโป๊ยเซียน ที่คอยดูแล ปกป้องรักษาลูกหลาน

88 ตัวเลข 88 ถือว่าเป็นตัวเลขนาซี

แม้เลข 8 จะมีรูปทรงสมมาตรสวยงามและเป็นเลขนำโชคของคนจีน แต่อย่านำเลข 8 สองตัวมาใช้ในยุโรปเด็ดขาด ถ้าไม่อยากโดนเข้าใจผิดว่าคุณเป็นพวกนิยมนาซี เพราะในยุคฮิตเลอร์เรืองอำนาจ ชาวเยอรมันจะตะโกนว่า Heil Hitler เมื่อย่อเป็นภาษาเขียนก็จะกลายเป็น HH ซึ่งมีรูปร่างคล้ายหมายเลข 88 และตัว H ยังเป็นตัวอักษรตัวที่ 8 ของภาษาอังกฤษอีกด้วย เลข 88 จึงมีการนำมาใช้เพื่อประกาศว่า ข้าเป็นนาซี ซึ่งพบเห็นได้บ่อยๆ ใน email address หรือชื่อ websiteของกลุ่มนีโอนาซีที่มักลงท้ายด้วยเลข 88

9 เลข 9 กับคนไทยนั้น ถือเป็นมงคลที่อยู่คู่กันมาช้านาน โดยเชื่อว่าเลข 9 ออกเสียงที่ไปพ้องกับคำว่า ก้าว หมายถึง ก้าวไปข้างหน้า ส่งผลให้ตัวเลข 9 กลายเป็นเลขมงคลที่คนไทยนิยมมากทุกยุคทุกสมัย

ล่าสุดจากข้อมูลของกรมการขนส่งทางบกรายงานว่า การประมูลป้ายทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ในปี 2549 ในหมวดตัวอักษร ส ร ป้ายทะเบียนรถที่มีมูลค่าสูงที่สุดคือ 9999 ราคาอยู่ที่ 660,000 รองลงมาคือ 8888 และ 7777 ราคาอยู่ที่ 470,000 และ 320,000 ตามลำดับ

9 แต่อย่าได้นำเลขนี้ไปใช้กับหนุ่มสาวแดนปลาดิบเชียว เพราะตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นนั้น เลข 9 ในภาษาญี่ปุ่นจะอ่านออกเสียงว่า คุ ซึ่งไปพ้องเสียงกับคำที่หมายถึง ความยากลำบาก จึงถือว่าไม่ดีและไม่งาม โดยเฉพาะบรรดานักเรียน ม.ปลาย ที่กำลังเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยถือว่าสำคัญต่ออนาคตของหนุ่มสาวญี่ปุ่นมาก ถ้าใครได้ทะเบียนสอบหมายเลข 9 ถือว่าซวยสุดๆ เห็นทีคงต้องสะเดาะเคราะห์กันขนานใหญ่

11 วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 ถือได้ว่าเป็นฝันร้ายของอเมริกันชน เมื่อประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจและการทหารถูกลอบโจมตีโดยกลุ่มผู้ก่อการร้าย ด้วยการทำลายสัญลักษณ์สำคัญแห่งทุนนิยมของประเทศอย่างตึดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์
และหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นก็มีผู้ที่คิดถอดรหัสความหมายของเลข 11 ที่ซุกซ่อนอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของอเมริกามากมายจนชวนให้ขบคิดว่า หมายเลข 11 ต้องการจะบอกอะไรกับอนาคตอเมริกันชนกันแน่ เริ่มจาก

วันที่ 11 เดือนกันยายน = วันที่ 254(ของปีที่เกิดเหตุการณ์) = 2+5+4 = 11

และหลังจากวันที่ 11 กันยายน (ของปีที่เกิดเหตุการณ์) จะมีวันเหลือในปฏิทินอีก 111 วัน ถึงจะครบสิ้นปี

รหัส 119 คือ รหัสของประเทศอิรัก / อิหร่าน = 1+1+9 = 11

ตึกแฝด เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ยืนตระหงานอยู่คู่กันด้วยลักษณะที่ดูคล้ายหมายเลข 11

เครื่องบินลำแรกที่พุ่งชนตึกเวิลด์เทรดเป็นเที่ยวบินที่ 11

เครื่องบินลำที่สองที่พุ่งชนเป็นเที่ยวบินที่ 77 ซึ่ง 77 ก็คล้าย 11 เสียเหลือเกิน

รัฐนิวยอกร์กเป็นรัฐลำดับที่ 11 ของสหรัฐอมเริกา

เที่ยวบินที่ 11 มีผู้โดยสาร 92 คน = 9+2 = 11

เที่ยวบินที่ 77 มีผู้โดยสาร 65 คน = 6+5 = 11

เมือง New York City มีตัวอักษรทั้งหมด 11 ตัว

ประเทศ Afghanistan (ซึ่งเชื่อว่าให้การสนับสนุนขบวนการอัล-เคดา ของโอซามา บิน ลาดิน) ก็มีตัวอักษรทั้งหมด 11 ตัว

กระทรวงกลาโหม หรือ The Pentagon (หนึ่งในเป้าหมายสำคัญในเหตุการณ์คราวนั้น) ก็มีตัวอักษรทั้งหมด 11 ตัว

13 ถือเป็นเลขแห่งความโชคร้ายและอัปมงคลตามความเชื่อของชาวตะวันตก โดยมีที่มาจากหลายๆ ตำนานในศาสนาคริสต์ เช่น ตำนานอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูคริสต์ที่ชื่อว่า เดอะลาสต์ซัปเปอร์ The Last Supper มีผู้ร่วมโต๊ะพร้อมหน้ากับพระองค์รวม 13 คนและจูดาร์ซึ่งเป็นศิษย์ทรยศก็นั่งในตำแหน่งที่ 13 ทำให้หมายเลขนี้กลายเป็นอาถรรพณ์ที่ชาวตะวันตกเกลียดกลัว และนำไปตีความถอดรหัสมากมาย เช่น โรงแรมส่วนใหญ่มักไม่มีห้องหมายเลข 13 หลายเมืองมักไม่มีถนนหมายเลขที่ 13 วงการรถแข่งไม่เคยปรากฏรถหมายเลขที่ 13 ฯลฯ

13 ปัจจุบันทางการแพทย์ได้เรียกกลุ่มคนที่มีความกลัวหมายเลข 13 จนขึ้นสมองว่า Triskaideka Phobia โดย ดร.โดนัลด์ ดอสซีย์ นักจิตวิทยาบำบัดที่ชำนาญด้านการรักษาอาการกลัวบอกว่า เฉพาะในสหรัฐฯ ประเทศเดียวมีคนเป็นโรคผวาศุกร์ที่ 13 เป็นจำนวนมากถึง 21 ล้านคน

13 แต่ที่หลุดโลกที่สุด เห็นจะเป็นในประเทศตุรกี ที่ถึงขนาดตัดเลข 13 ออกจากสารบบของตัวเลขเลยทีเดียว

17 ชาวอิตาลีเชื่อว่าเลข 17 มีระดับความน่ากลัวพอๆ กับเลข 13 สาเหตุเพราะเมื่อเขียนเลข 17 เป็นเลขโรมันจะอยู่ในรูปของ XVII ซึ่งเมื่อสลับตัวอักษรเป็น VIXI จะมีความหมายว่า ฉันเคยมีชีวิตอยู่ ซึ่งแปลว่าตายแล้ว
จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นอาคารในอิตาลีมักไม่มีชั้น 17 สายการบินหลายสายไม่มีที่นั่งหมายเลข 17 แม้แต่รถสัญชาติฝรั่งเศสอย่างเรโนลต์ รุ่น R17 เมื่อเข้าไปจำหน่ายในอิตาลีก็ยังต้องเปลี่ยนชื่อรุ่นเป็น R177

25 ว่ากันว่าเมื่อหนุ่มหน้าใสถึงวัย 25 ตามคติพราหมณ์คัมภีร์พฤติกรรมศาสตร์เขาว่า ต้องเบญจเพส หมายถึง การเข้าสู่โชคและเคราะห์ที่รุนแรงไม่ทางบวกก็เป็นลบต่อชีวิต แต่ไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็ถือเป็นจังหวะชีวิตที่ต้องระมัดระวังตัวในการเกิดอุบัติเหตุหรือเคราะห์ร้ายให้ดี (ฉะนั้นสาวๆ ที่เคยเข้าใจผิดคิดว่าเหมารวมเพศหญิงเข้าไปด้วย ก็เตรียมชนแก้วฉลองกันได้)

26 ปัจจุบันวันที่ 26 กลายเป็นวันแห่งแผ่นดินไหวตามความเชื่อของคนกลุ่มหนึ่งที่อ้างพบสถิติที่ว่า ในรอบหลายปีที่ผ่านมาแผ่นดินไหวทั่วโลกมักจะเกิดขึ้นในวันที่ 26 ยกตัวอย่างเช่น การเกิดแผ่นดินไหวระดับ 9.0 ริกเตอร์ บริเวณตะวันตกของเกาะสุมาตราเหนือ ที่ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ บริเวณเกาะพีพี เกาะภูเก็ต กระบี่ พังงา ฯลฯ มีรายงานผู้เสียชีวิตมากที่ศรีลังกา อินเดีย ก็เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 เวลาประมาณ 8.00 น.

666 ถ้านำชื่อของจอมเผด็จการ ฮิตเลอร์มาถอดเป็นตัวเลขโดยตั้งค่าให้ A=100, B=101, C=102, D=103, E=101 (ไล่ตามลำดับไปเรื่อยๆ) คำว่า HITLER จะมีค่าเท่ากับ H+I+T+L+E+R = 107+108 +119+111+104+117 = 666

666 ชื่อเต็มของอดีตประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน แต่ละวรรค 6 ตัวพอดี คือ Ronald-Wilson-Reagan ทำให้เขามีชื่อเล่นในหมู่คนสนิทว่า 666 นอกจากนั้นบ้านที่แคลิฟอร์เนียของเขาในช่วงที่พ้นจากตำแหน่งคือ บ้านเลขที่ 666 ซึ่งต่อมาถูกขอให้เปลี่ยนเป็น 668

666 ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์และในพระคริสตธรรมคัมภีร์มาแต่โบราณ เลข 6 ถือเป็นสัญลักษณ์ของซาตาน ทั้งเวลาออกเสียงภาษาอังกฤษเลข 6 (six) ยังไปพ้องกับคำว่าเจ็บป่วย (sick) ในภาษาอังกฤษ ทำให้มีผลของความเชื่อด้านความเลวร้ายของ 666 ตามมามากมาย

666 ที่สหรัฐอเมริกามีทางหลวงหมายเลข 666 ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น The Highway of the Beast (เส้นทางของปีศาจ) ต่อมาถูกเปลี่ยนหมายเลขเป็น 491 ในปี 2003

เอามาฝากให้อ่านเล่น ๆ ค่ะ
 ][j ][j ][j ][j "#' "#' "#' "#'

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

bua ออฟไลน์
  • พลังน้ำใจ: 633
ตอบกลับ #2 04 ตุลาคม 2009, 18:00:13น.
                                                                                                                                                                                                 

มหัศจรรย์ตัวเลข แฝงไว้...กับความเชื่อ

คนเรามีความผูกพันเกี่ยวข้องกับตัวเลขมาตั้งแต่เกิดจ นกระทั่งสิ้นอายุขัยกันเลยทีเดียว...และที่ผ่านมากับ เลข 7 ในวันที่ 7 เดือน 7 ปี 2007 ที่สร้างความฮือฮาให้กับผู้คนจนเกิดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นทั่วโลก ทั้งแต่งงาน คลอดลูก จัดงานรื่นเริงตลอดจนนัดพบปะสังสรรค์กัน...

กระแสฮอตฮิตเลข "7" แพร่อิทธิพลมาถึงคนไทย ทำให้ทารกหลายคนต้องลืมตามาดูโลกในวันนี้ และที่ฮือฮากับทารกที่เกิดบนแท็กซี่ ที่มีทะเบียนรถ "7777" ด้านโปลิศบ้านแพ้วยังขอเกาะกระแส ถือเลขมงคลตามแบบฝรั่งถือฤกษ์ "7 โมง วันที่ 7 เดือน 7 ปี 2007" จัดงานแต่งลูกชายพร้อมกัน 2 คน เช่นเดียวกับบ่าวสาวทั่วโลกอีกกว่า 7 พันคู่

ความเชื่อในเรื่องของตัวเลขแต่ละชนชาติมีความเชื่อที ่แตกต่างกันไป สำหรับเลข 7 คนยุโรปถือว่าเป็นเลขที่ดีและให้โชคลาภ เป็นเลขศักดิ์สิทธิ์และมีอำนาจพิเศษ ยิ่งถ้ามีหลายๆ ตัวจะยิ่งทำให้เกิดโชคดีมากขึ้นไปอีก ตรงกับความเชื่อของคนญี่ปุ่นที่ถือว่าเลข 7 เป็นเลขมงคล เพราะเลข 7 คนญี่ปุ่นอ่านว่า ชิจิ

ประเทศญี่ปุ่นมีประเพณีกินสมุนไพร 7 ชนิด เชื่อกันว่าทำให้สุขภาพดี ต่างจากความเชื่อของไทย มีคำกล่าวโบราณเป็นความเชื่อทางโหราศาสตร์ที่ว่า โทษทุกข์ทายเสาร์ เลข 7 เป็นเลขแห่งความทุกข์ ความอมทุกข์ จึงมักถือว่าเป็นเลขไม่เป็นมงคลนักสำหรับคนไทย

อีกทั้งเลข 7 ยังเป็นความเชื่อเกี่ยวกับความรักตามแบบฉบับของฝรั่ง อีกด้วย เรื่องราวอาถรรพณ์ของเลข 7 กับทฤษฎี "เซเว่น เยียร์ อิทส์" (seven year itch) มีอยู่ว่า ใครที่เป็นแฟนกันแล้ว 7 ปี หากยังไม่แต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกันจะต้องมีเหตุให้เ ลิกรากันไป ที่มีมูลเหตุมาจากผลงานวิจัยของชาวต่างชาติในเรื่องค ุณภาพของชีวิตสมรสที่เริ่มต้นแบบหวานแหววเหมือนกันหม ด และจะเริ่มตกลงในราวปีที่ 7 ที่ความรักเริ่มจืดจางลง

เรื่องนี้มีทั้งฝ่ายที่เชื่อและไม่เชื่อ ซึ่งฝ่ายที่เชื่อให้เหตุผลว่า เพราะระยะเวลา 7 ปี เป็นเวลานานพอที่จะทำให้ต่างฝ่ายต่างพบเจอคนใหม่และเ ริ่มเบื่อคนรักเก่า ในขณะที่คนไม่เชื่อตอบโต้ว่า คนเราถ้าคิดจะมีคนใหม่ไม่ต้องรอให้ถึง 7 ปี ก็เลิกกันได้ เพราะถ้าเป็นคู่รักคู่ตุนาหงันกันจริงๆ เลข 7 หรือไม่ว่าจะเป็นเลขใดๆ ก็ตาม คงไม่มีอิทธิพลต่อความรักทั้งสิ้น

ความเชื่อเรื่องตัวเลขของคนไทยนั้นเป็นที่ทราบกันดีว ่าเลข 9 เป็นเลขดี เลขมงคล ยอดฮิตติดลมบนมาโดยตลอด เพราะด้วยการออกเสียงที่พ้องกับคำว่าก้าว ที่หมายถึง ก้าวไปข้างหน้า ซึ่งจะนิยมใช้ในงานมงคลต่างๆ โดยยึดเลข 9 เป็นหลักนำมาใช้ในเรื่องของฤกษ์ยามที่ต้องเป็นวันที่ 9 เดือน 9 รวมทั้งขึ้นต้นหรือลงท้ายของเวลาด้วยเลข 9

ความเชื่อเรื่องเลข 9 สำหรับคนจีนถือเป็นเลขมงคลเช่นกัน เนื่องจากเป็นเลขที่มีค่ามากที่สุดจึงเป็นสัญลักษณ์ข องความยิ่งใหญ่ ความเป็นที่สุด นอกจากนี้เสียงอ่านของเลข 9 ยังพ้องเสียงกับคำว่า นาน ยาวนาน ที่แสดงถึง การมีอายุยืน จึงทำให้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเลข 9 จึงครองใจชาวจีนตลอดมาไม่ต่างจากคนไทย

แต่สำหรับชาวญี่ปุ่นนั้นกลับมีความเชื่อเลข 9 ที่ต่างจากคนไทยและจีน โดยเลข 9 ในภาษาญี่ปุ่นอ่านออกเสียงว่า คุ ซึ่งไปพ้องเสียงกับคำที่หมายถึง ความยากลำบากในภาษาญี่ปุ่น ดังนั้นแดนซามูไรจึงถือว่าเลข 9 เป็นเลขที่ไม่ดี มีความหมายถึงความยากลำบาก

เลขที่คนญี่ปุ่นเห็นแล้วส่ายหน้ารองจากเลข 9 คือเลข 4 เนื่องจากว่าในภาษาญี่ปุ่น 4 อ่านออกเสียงว่า ชิ ความตายก็อ่านว่า ชิ เช่นเดียวกัน ซึ่งออกเสียงคล้ายกันมาก จึงทำให้ห้องตามอพาร์ตเมนต์หรือโรงพยาบาลในญี่ปุ่นจะ ข้ามเลข 4 มีแต่ห้อง 1 2 3 ห้องต่อไปเป็นเลข 5 โดยที่ไม่มีเลข 4 ให้เห็นเลย

ซึ่งคล้ายกับความเชื่อของฝรั่งตาน้ำข้าวที่ตามโรงแรม จะข้ามห้องหมายเลข 13 ไปเหมือนกัน และยิ่งถ้าวันที่ 13 ตรงกับวันศุกร์ ถือว่าวันนั้นเป็นวันที่โชคร้ายเข้าไปใหญ่ อาถรรพณ์เลข 13 นั้น ชาวคริสต์มีความเชื่อว่าเลข 13 เป็นเลขอัปมงคล เนื่องจากเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูคริสต์ที่เร ียกกันว่า "เดอะ ลาสต์ ซัปเปอร์" (The Last Supper) ที่มีสาวกร่วมโต๊ะพร้อมหน้ากันกับพระองค์รวม 13 คน และความเชื่อว่าวันศุกร์เป็นวันโชคร้ายเพราะเป็นวันท ี่พระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขน และเป็นวันที่อดัมกับอีฟละเมิดกัดแอปเปิ้ลต้องห้ามขอ งพระผู้เป็นเจ้าในสวนเอเดนจนต้องถูกขับไล่ออกมา ยิ่งกว่านั้นยังเชื่อว่าเป็นวันที่อดัมกับอีฟล้มตายจ ากโลกอีกด้วย ดังนั้นเมื่อวันศุกร์ตรงกับวันที่ 13 จึงเป็นวันที่เลวร้ายมากวันหนึ่ง

เลข 13 มีอิทธิพลขยายไปอย่างกว้างขวางในอเมริกาและยุโรป ที่ทำให้นักเดินเรือในบางประเทศไม่ยอมออกเรือในวันที ่ 13 และที่แปลกไปกว่านั้นในประเทศตุรกีถึงขนาดตัดเลข 13 ออกจากสารบบของตัวเลขเลยทีเดียว

ตัวเลขอีกตัวหรืออีกชุดหนึ่งที่ฝรั่งไม่ชอบคือเลข 666 หรือเลข 6 เชื่อกันว่าเป็นเลขอาถรรพณ์ การนอกลู่นอกรอย เป็นความวิตถาร ประหลาด ผิดเพี้ยน เป็นเลขซาตาน รวมทั้งเวลาออกเสียงแล้วไม่เป็นมงคลเพราะเลข 6 ออกเสียงแล้วพ้องกับคำว่าเจ็บไข้ได้ป่วยในภาษาอังกฤษ อีกด้วย

ต่างจากความเชื่อของชาวจีนที่เลข 6 กลับถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของความราบรื่น หนุ่มสาวคู่ใดที่จะแต่งงานจึงมักเลือกวันที่มีเลข 6 เป็นวันมงคล เช่นวันที่ 6 หรือไม่ก็วันที่ 16 รวมทั้งวันที่ 26 เพื่อเป็นเคล็ดให้ชีวิตคู่ราบรื่นสมหวังนั่นเอง จึงทำให้เห็นว่าเบอร์โทรศัพท์บ้าน เบอร์โทรศัพท์มือถือหรือทะเบียนรถที่มีหมายเลข 6 8 และ 9 เป็นที่นิยมของชาวจีนเป็นอย่างมาก

เลข 4 ตามความเชื่อของคนญี่ปุ่นกลับไปสอดคล้องกับความเชื่อ ของคนจีนที่ไม่ชอบเลข 4 เพราะออกเสียงคล้ายกับคำว่าตายในภาษาจีนเช่นเดียวกัน รวมทั้งเลข 73 กับเลข 84 ถือเป็นเลขอัปมงคลเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุ เพราะมีความเชื่อว่าขงจื๊อเสียชีวิตเมื่ออายุ 73 ปี และเมิ่งจื่อเสียชีวิตเมื่ออายุ 84 ปี ขนาดปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ยังไม่สามารถข้ามพ้นตัวเลขนี้ไ ปได้ คนธรรมดายิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง เมื่อผู้เฒ่าผู้แก่มีอายุ 73 หรือ 84 ตนเองและบุตรหลานจะเลี่ยงไม่กล่าวถึงกัน

เลขมงคลในความเชื่อของชาวแดนอาทิตย์อุทัยถือว่าเลข 8 เป็นเลขมงคลอีกเลขหนึ่ง คนญี่ปุ่นอ่านออกเสียงว่า ฮะจิ มีความเชื่อว่าเป็นเลขแห่งความสมบูรณ์ ความสมดุล มีที่มาจากความเชื่อเรื่องศาสตร์แห่งความสมดุลของขงจ ื๊อ รวมทั้งความเชื่อในนิกายเซน ซึ่งไปพ้องกับความเชื่อของคนญี่ปุ่น

ชาวจีนที่ทำการค้าจะชื่นชอบเลข 8 เป็นที่สุด เพราะ 8 ในภาษากวางตุ้งไปพ้องกับคำที่มีความหมายว่า ร่ำรวย มั่งมี ตั้งแต่เปิดประเทศมานั้นชาวกวางตุ้งเป็นรุ่นแรกๆ ที่เริ่มทำการค้าและประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง คนจีนในมณฑลอื่นๆ จึงถือเป็นแบบอย่างในการทำธุรกิจและถือเลข 8 เป็นเลขมงคลตามอย่างคนกวางตุ้งรวมทั้งยังหมายถึง 8 เซียน หรือโป๊ยเซียน ที่คอยดูแลปกป้องรักษา อีกทั้งยังไปคล้องกับสัญลักษณ์ความเป็นนิรันดร์ในยุโ รป ซึ่งในปีหน้าจีนจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิม ปิก ซึ่งตรงกับ ค.ศ. 2008 อีกด้วย

แต่กลับตรงกันข้ามกับความเชื่อของไทยเพราะเลข 8 ในความเชื่อของไทยมักเป็นเลขไม่ดี เลขแห่งราหู หมายถึงการทะเลาะวิวาท ความเดือดร้อน อีกเลขที่คนไทยมักขยาดกันคือเลข 6 อาจด้วยเหตุผลเดียวกันกับฝรั่งในเรื่องของการออกเสีย งมาแล้วไม่เป็นมงคล ที่หมายถึงหก ตก ทำอะไรไม่ขึ้น ล้มไม่เป็นท่า

ทั้งหมดนี้เป็นความเชื่อที่ยากแก่การพิสูจน์ได้ แต่อย่างหนึ่งที่พอจะสมเหตุสมผลคือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดกับตัวเรา ล้วนเป็นผลมาจากการกระทำทั้งสิ้น...!!




 0,> ?1,> ?2,> ?3,> ?4,> ?5,> ?6,> ?7,> ?8,> ?9,>

bua ออฟไลน์
  • พลังน้ำใจ: 633
ตอบกลับ #3 04 ตุลาคม 2009, 18:05:22น.
ความเชื่อ เรื่องเลข 13


>>เลข13<<

ในยุคต้นๆ ที่กล่าวกันว่าอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูคริสต์ที่เรียกกันว่า "The Last Supper" นั้นมีผู้ร่วมโต๊ะพร้อมกัน 13 คน

และมีความเชื่อว่าวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันแห่งความโชคร้ายนั้นก็เพราะว่าเป็นวันที่พระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขนและ เป็นวันที่อดัมกับอีฟว์ละเมิดกัดแอปเปิ้ลต้องห้ามของพระผู้เป็นเจ้าในสวนเอเดนจนต้องถูกขับไล่ออกมา และยังเชื่อว่าเป็นวันที่ทั้งอดัมกับอีฟว์ตายอีกด้วย

ดังนั้นเมื่อวันศุกร์มาตรงกับวันที่ 13 จึงเหมือนเป็นวันมหาอัปมงคล แต่เหล่านี้เป็นเรื่องราวของความเชื่อในโชคลางเท่านั้น ซึ่งยากที่จะตรวจสอบถึงต้นตอของความจริง

แต่คนก็ยังเชื่อกันอย่างกว้างขวางทั่วโลก เช่น นักเดินเรือจะไม่ยอมออกเรือในวันที่ 13 หรือห้องพักตามโรงแรมต่างๆ ในบางประเทศไม่ค่อยมีห้องเบอร์ 13 หรือไม่มีชั้น 13 และที่แปลกก็คือ ประเทศตุรกีตัดเลข 13 ออกจากสารบบตัวเลข...



>>" ศุกร์ 13 " วันแห่งความโชคร้าย? <<

ไม่มีใครรู้ว่าต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องศุกร์อาถรรพ์ “ศุกร์ 13” นั้นมาจากไหน ไม่ว่าจะด้วยอิทธิพลทางศาสนา หรือการประชาสัมพันธ์ของฮอลลีวูด แต่ทุกวันนี้หลายคนในโลกตะวันตกเลือกที่จะลาหยุดงานในวันศุกร์ที่ 13 ไม่ออกจากบ้านไปไหน และที่แน่ ๆ คือ ไม่คิดจัดงานแต่งงานในวันนี้


การศึกษาชิ้นหนึ่ง ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ บริติช เมดิคัล เจอร์นัล ปี 1993 ตั้งหัวข้อไว้ว่า "ศุกร์ 13 เป็นอันตรายต่อสุขภาพคุณหรือไม่?" นักวิจัยพยายามหาความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพ พฤติกรรม และความเชื่อเกี่ยวกับวันศุกร์ที่ 13 ในอังกฤษ โดยเปรียบเทียบสัดส่วนความคับคั่งของการจราจรต่อจำนวนอุบัติเหตุ ในวันศุกร์สองศุกร์ คือศุกร์ที่ 6 และศุกร์ที่ 13 ตลอดช่วงหนึ่งปี



น่าประหลาดที่การศึกษาพบว่า ในวันศุกร์อาถรรพ์ที่ 13 นั้น คนอังกฤษขับรถออกนอกบ้านกันน้อยกว่าวันศุกร์ปกติ แต่กลับกลายเป็นว่าจำนวนคนที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากประสบอุบัติเหตุนั้น มีมากกว่าวันศุกร์ทั่วๆ ไปเสียอีก ผู้ทำการวิจัยเลยสรุปว่า "วันศุกร์ที่ 13 นั้นเป็นวันโชคร้ายสำหรับบางคน ความเสี่ยงที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุท้องถนนนั้นเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 52% ฉะนั้นขอแนะนำให้อยู่บ้านดีกว่า"


โลกตะวันตกมีความเชื่อเรื่องโชคร้ายในวันศุกร์ที่ 13 มานาน บางคนไม่ไปทำงานในวันศุกร์ที่ 13 บางคนไม่ไปกินอาหารนอกบ้าน ที่แน่ ๆ หลายคนไม่คิดจะจัดงานแต่งงานวันนี้ ดร.โดนัลด์ ดอสซีย์ นักจิตศาสตร์ที่ชำนาญด้านการรักษาอาการกลัวบอกว่า เฉพาะในสหรัฐฯ ประเทศเดียวมีคนเป็นโรคผวาศุกร์ที่ 13 มากถึง 21 ล้านคน


แม้จะไม่มีใครบอกได้ว่าต้นกำเนิดของความเชื่อนี้มาจากไหน แต่ก็ยืนยันได้ว่าความสำคัญของวันศุกร์ และเลข 13 นั้นย้อนหลังไปได้ไกลมาก

>>วันศุกร์<<

ทำไมวันศุกร์ถึงกลายเป็นวันโชคร้ายไปได้ ใคร ๆ ก็เฝ้ารอให้ถึงวันศุกร์ วันสิ้นสุดการทำงานกันทั้งนั้น


ภาพลักษณ์เลวร้ายของวันศุกร์ น่าจะเริ่มจากความเชื่อที่ว่า มันเป็นวันที่อีฟยั่วให้อดัมกินผลไม้ต้องห้ามในสวนอีเดน คัมภีร์ไบเบิลระบุว่าวันศุกร์เป็นวันแรกที่เกิดน้ำท่วมโลกและที่สำคัญวันศุกร์เป็นวันที่พระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขน นอกจากนี้วันศุกร์ยังเป็นวันประหารนักโทษ ตั้งแต่สมัยโรมันโบราณ


ความเชื่อยุคนี้บอกว่า วันศุกร์เป็นวันที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับการออกเรือ ย้ายบ้าน เริ่มงานใหม่ เขียนจดหมาย ถักนิตติ้ง หรือตัดเล็บ แต่เชื่อหรือไม่ ในยุคโบราณนั้นชาวนอร์เวย์ถือว่าวันศุกร์ (Friday) เป็นวันโชคดีที่สุดในสัปดาห์ เพราะตั้งชื่อวันตามเฟรยา (Freya) เทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์ คนยุคนั้นจึงนิยมแต่งงานกันในวันศุกร์ ขณะเดียวกันชาวเรือก็งดออกเรือในวันศุกร์ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเฟรยา ซึ่งเป็นเทพแห่งท้องทะเลด้วย






เมื่อคริสต์ศาสนาเริ่มเข้ามามีอิทธิพล ภาพลักษณ์ของเทพธิดาวันศุกร์ถูกเปลี่ยน กลายเป็นแม่มดผู้ชั่วร้าย วันศุกร์จึงกลายเป็นวันแห่งความชั่วร้ายไปในที่สุด


>>เลข 13<<

ความเชื่อเรื่องเลข 13 นั้นรุนแรงมากในหลายพื้นที่ เมืองหลายเมืองไม่มีถนนสาย 13 ตึกหลายหลังไม่มีชั้น 13 นอกจากนี้ที่ฝรั่งเศสยังมีบริษัทตั้งเฉพาะ สำหรับจัดหาแขกเพิ่มให้กับงานเลี้ยงที่บังเอิญมีแขกมาร่วม 13 คนพอดี เนื่องจากเชื่อกันว่าหากคนนั่งร่วมโต๊ะกัน 13 คนแล้ว คนแรกที่ลุกจากโต๊ะจะเสียชีวิตภายในปีเดียว

แต่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นเลข 13 เป็นเลขร้ายไปเสียหมด สำหรับชาวอียิปต์โบราณ เลข 13 เป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิตหลังความตายอันเป็นอมตะ เป็นความรุ่งโรจน์ ความเปลี่ยนแปลงอันพึงประสงค์ แต่ความหมายดังกล่าวถูกนำมาเชื่อมโยง กับความหวาดกลัวความตายในยุคหลัง

เลข 13 เป็นสัญลักษณ์ของเพศหญิง และเคยถูกยกย่องในวัฒนธรรมการบูชาเทพธิดาในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เพราะเมื่อดูปฏิทินตามจันทรคติแล้ว มันตรงกับรอบของดวงจันทร์ และการมีระดูของผู้หญิงในหนึ่งปี (13x28 = 364 วัน) แต่เมื่อปฏิทินตามระบบสุริยะ ถูกนำมาใช้แทนดวงจันทร์ ตามวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ เลข 12 ถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์ ขณะที่เลข 13 กลายเป็นความโชคร้าย


ทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด ว่าทัศนคติอันเลวร้ายต่อวันศุกร์ที่ 13 นั้น เป็นการผสมผสานความโชคร้ายของวันศุกร์ และเลข 13 ไว้ด้วยกันหรือไม่ และเหตุใดความหมายของวันศุกร์ และเลข 13 ที่เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีกลับแปรเปลี่ยน


อย่างไรก็ตามความเชื่อนี้กำลังแพร่หลาย จากสังคมตะวันตกไปทั่วโลก แม้แต่ในประเทศจีนเอง ซึ่งสมัยก่อนนั้นถือว่าเลข 4 เป็นเลขแห่งความโชคร้ายมากที่สุด เดี๋ยวนี้ก็จัดให้เลข 13 เข้ากลุ่มเลขโชคร้ายไปด้วย และแทบไม่มีอาคารสมัยใหม่อาคารไหนที่มีชั้น 13 ขณะเดียวกันโรงแรมส่วนใหญ่ก็หลีกเลี่ยงที่จะทำห้องพักหมายเลข 13 ด้วย
 ?1,> ?3,>    ?1,> ?3,>    ?1,> ?3,>

bua ออฟไลน์
  • พลังน้ำใจ: 633
ตอบกลับ #4 04 ตุลาคม 2009, 18:09:48น.
เรื่องของ"เลข 9" ในวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009
บทความ   .เรื่องของ"เลข 9" ในวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009

โดย สกุณา ประยูรศุข



หากลองสังเกตรอบตัวสักนิด ณ เวลานี้ จะเห็นป้ายผ้า ป้ายโปสเตอร์ขนาดใหญ่ขึ้นหราทั้งตามสี่แยก ห้างสรรพสินค้า และแม้กระทั่งตามวัดวาต่างๆ ชักชวนให้ทำบุญ หรือประกอบกิจกรรม กิจพิธีอย่างใดอย่างหนึ่ง ในวันที่ 9 เดือน 9 เวลา 09.09 น. ปี 2009

เพราะความเชื่อในเรื่องของ "เลข 9" ว่าเป็นเลขมงคล เป็นฤกษ์งามยามดี เป็นโชค หรืออะไรก็แล้วแต่ที่หมู่คนไทยเวลานี้นิยมยึดเหนี่ยวเป็นที่พึ่งทางใจ

โดยเฉพาะตัวเลขที่ปรากฏบนปฏิทินของปีฉลู 2009 วันที่ 9 เดือน 9 ถือเป็นเลขสวยที่สุดของศตวรรษก็ว่าได้

ความคิดเห็นความเชื่อของเลข 999 ที่ปรากฏขึ้นนี้ แบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายที่เห็นว่าเป็น เลขมงคล จะทำการต่างๆ หรือพิธีต่างๆ ในวันนี้กันอย่างคึกคัก คนที่ยังไม่มีกิจกรรม ก็จะสรรหา คิดค้นขึ้นมาให้สอดคล้องต้องกับวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงไปยังเลข 9 อาทิ การจัดงานไหว้พระทำบุญ 9 วัด ในวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 หรือ ทำพิธีปลุกเสกพระศักดิ์สิทธิ์ตามวัดต่างๆ เป็นต้น

อีกฝ่ายเห็นว่าเป็น เลขลึกลับ น่ากลัว โดยเฉพาะในฝ่ายของคริสต์ศาสนา ที่มีบางพวกเชื่อว่าเป็นวันฟื้นคืนชีพของซาตาน- - ว่าเข้าไปโน่น

ความจริงคนถือฤกษ์ยาม วันที่ 9 เดือน 9 มีมาเกือบทุกปี พ.ศ.อยู่แล้ว เพราะถือเป็น "กระทิงวัน" ซึ่งความหมายของกระทิงวันบอกไว้ว่า เป็นวันใดวันหนึ่งที่มีเลขตรงกันสามตัวขึ้นไป

และปีนี้ปรากฏว่ามีเลข 9 ตรงกัน คือ วันที่ 9 เดือน 9 (กันยายน) ปี 2009 วันเช่นนี้ถือเป็นวันที่มีความแข็งกล้า มีความสำคัญในหลักโหราศาสตร์และไสยศาสตร์

โดยเฉพาะในด้านไสยศาสตร์ สายเกจิอาจารย์ที่มีคาถาอาคม ความเชื่อทางไสยศาสตร์ เรื่องเลข 9 สนุกสนานไม่แพ้กัน โดย อาจารย์หนู กันภัย เกจิอาจารย์ด้านสักยันต์ลงคาถาอาคมชื่อดัง กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า เดือนกันยายนมี "วันเสาร์ห้า" เป็นวันแข็ง ถ้าทำพิธีปลุกเสกตามวัดต่างๆ จัดว่าดี และถ้าเป็นวันเสาร์ห้าที่มีเลข 9 คือวันเสาร์ห้าในเดือน 9 แล้วยิ่งจะแรงขึ้นอีกหลายเท่า

"ยิ่งถ้าเป็น 999 ก็จะยิ่งดีเข้าไปใหญ่ คือวันที่ 9 เดือน 9 แรม 9 ค่ำ ซึ่งก็คือวันที่ 9 ในเดือนกันยายนนี้ ถือเป็นเลขมงคลอย่างยิ่ง ส่วนใหญ่จะใช้เป็นฤกษ์ในการทำพิธีปลุกเสก หรือพุทธาภิเษกเครื่องรางของขลัง เรียกกันในวงการว่าเป็นฤกษ์ 5 มหาเศรษฐี เป็นวันธงชัย เพราะฉะนั้น ฤกษ์ที่เป็นเสาร์ห้าก็ดี หรือกระทิงวัน 999 ก็ดี จะไม่มีพวกอุบาทว์ จะไม่มีพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก จะเป็นฤกษ์ที่รุกขเทวดามาชุมนุมกัน ซึ่งทางพระสงฆ์เองก็ถือว่าเป็นวันดีวันแข็งขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"


พระพรหมวชิรญาณ


อย่างไรก็ดี อาจารย์หนูบอกว่า เรื่องแบบนี้มันแล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลด้วย เพราะบางคนไม่ถือฤกษ์ยาม หรือมีวิธีแก้เคล็ด พร้อมยกตัวอย่างวัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือวัดหลวงพ่อโสธร มีการจัดงานประจำปีทุกปี และบังเอิญว่าวันที่จัดไปตรงกับฤกษ์วันโลกาวินาศ แต่ทางวัดก็ยังจัดโดยมีวิธีแก้ คือจัดพิธีบูชาฤกษ์

"สำหรับผมแล้วเห็นว่าวันของคนไทยเราดีทุกวัน ตราบใดที่มีลมหายใจอยู่ดีทุกวันก็ถือว่าดี ส่วนเลข 9 ก็เป็นความเชื่อของคนไทย ที่เชื่อว่าเลข 9 ตามตำราเป็นเลขดีเลขมงคล ขณะที่คนจีนกลับบอกว่า เลข 8 ดี จริงๆ แล้วอย่าไปยึดติดตัวเลขอะไรกันมาก วันไหนก็ดีทุกวัน ขอให้ยึดถือทำความดีเป็นที่ตั้ง เราจะทำความดีจุดธูปไหว้พระ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นวันไหน ทองย่อมเป็นทองแม้อยู่ในน้ำครำก็เป็นทอง หากมีเวลาอยากให้ไปทำบุญกันให้มากๆ ไม่ว่าวันไหนก็ตาม เช่นตอนนี้ที่วัดแม่ตะไคร้ ต.ทาเหนือ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ กำลังจะสร้างโรงทาน ใครอยากไปทำบุญไปได้ทุกวัน เวลา.."

ส่วนความเชื่อในทางโหราศาสตร์นั้น "นงนภัส ลิมวิภา" หมอดูที่เรียกตัวเองว่า "มิติแห่งจิตสัมผัส" พูดถึงเรื่องของเลข 9-9-9 ว่า ในวันที่ 9 กันยายนนี้ตามตำราจีนถือว่าเป็นวันธงชัย เหมาะแก่การทำงานมงคลต่างๆ

แต่คนไทยส่วนมากจะคิดว่าเลข 9 เป็นสัญลักษณ์ของดาวเกตุ-ดาวเกตุเหมือนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดาวมงคลคุ้มครอง ในความเห็นของตน เลข 9 เหมือนดาบสองคม ถ้าปฏิบัติดีเลขก็จะส่งเสริม แต่ถ้าไม่ได้ทำในสิ่งที่ดี เลข 9 ก็จะไม่ส่งผลอะไร

"จริงๆ แล้วในหลักของตัวเลขวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 มันคือ 9 สามตัวบวกกันแล้วจะได้ 27 ความหมายของศาสตร์ ตัวเลข 27 ร้ายแรงมาก หมายถึงความเป็นอัปมงคล มีแต่เรื่องสูญเสีย โรคภัยไข้เจ็บ ชีวิตมีแต่ปัญหา แต่ไม่ต้องกังวลอะไรมาก คนเราจะทำความดีวันไหนก็ได้ เพราะวันไหนก็ดีทั้งนั้น ถ้าพร้อม เมื่อพร้อมใจก็สบายไม่ว่าจะทำอะไรก็ราบรื่นลงตัว"
(ซ้ายบน) นงนภัส ลิมวิภา (ขวาบน) อาจารย์หนู กันภัย (ล่าง) คนแห่สักยันต์


นงนภัสกล่าวเพิ่มเติมในแง่ของโหราศาสตร์ทำนายดวงชะตาในปีที่มีเลข 999 ปี 2552 ว่า สถานการณ์ทั่วไปไม่ถึงกับรุนแรงวิปโยค แต่จะเต็มไปด้วยความขัดแย้ง วุ่นวาย และน่าเบื่อหน่ายพอสมควร

"ที่น่าห่วงคือเรื่องที่เกี่ยวกับน้ำและไฟ น่าห่วงมากที่สุด ขอให้อย่าประมาทในภัยธรรมชาติ จะรุมกระหน่ำพอสมควร แต่อย่าได้ตกใจกับข่าวต่างๆ มากเกินไป มีสติ แล้วทุกอย่างจะแก้ไขได้ จากนี้ไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2553 เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น จะมีดีเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้น คนส่วนใหญ่ยังเหนื่อยมาก ไม่มีใครช่วยได้นอกจากช่วยตัวเอง โดยการใช้จ่ายอย่างพอเพียง ลดสิ่งที่ไม่จำเป็นลงบ้างแค่นี้ก็ดำรงชีพอยู่ได้แล้ว"

ส่วนช่วงปลายปี 2552 ในเดือนธันวาคม นงนภัสบอกว่า จะมีเหตุการณ์ขัดแย้งหนัก ขอให้ทุกคนใจเย็น ใช้ธรรมในการดำรงสติและชีวิต โดยเฉพาะรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน จะสร้างความรักความสุขให้เกิดขึ้น เหตุการณ์ไม่ดีก็จะอ่อนลงไม่ทำร้ายกันในที่สุด

"อยากแนะนำให้ทุกคนสวดมนต์บท มงกุฎพระพุทธเจ้า วันละ 18 จบ จะแคล้วคลาดปลอดภัย และอย่าลืมแผ่เมตตาให้สรรพสิ่งด้วย" สาวผู้มีมิติแห่งจิตกล่าว

ทางด้านพระพุทธคุณ พระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา เขตสาทร ซึ่งขณะนี้กำลังมีงานพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พูดถึงเรื่องของเลข 9 ในเดือนกันยายนนี้ ว่า ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ยึดถือตัวเลขอะไรทั้งนั้น ฉะนั้น ความเชื่อเรื่องเลข 9 เป็นความเชื่อของประชาชน คือวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 เป็นตัวเลขที่สวย

"อาตมาว่าการทำความดีไม่ต้องไปยึดกับตัวเลข ทำดีได้ทุกวัน การทำความชั่ววันไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น วันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 ถ้าประชาชนได้ร่วมกันทำความดีเพื่อประเทศชาติ ก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตาม ทางโบราณเขามีกำหนดเอาไว้ตามหลักสถิติ ก็ว่ากันไป ยกตัวอย่างวัดเสาร์ห้ามขึ้นบ้านใหม่ ทำไปแล้วมีเรื่องเดือดร้อน หรือแต่งงานวันพุธไม่ดี ปูที่นอนส่งตัววันพุธไม่ดี อาตมาเองไม่เคยเชื่อในเรื่องโหราศาสตร์ อาตมาเชื่อมั่นตามหลักพระพุทธเจ้าสอน ทุกวันเป็นวันดีหมด เวลาญาติโยมมากราบพระ อยากจะได้วันไหนก็เป็นเรื่องที่ญาติโยมกำหนดเอาเอง ว่าวันไหนทำแล้วสบายใจก็ทำ"

หลวงพ่อศิษย์ตถาคตยังบอกด้วยว่า เวลานี้ทางวัดยานนาวาได้จัดกิจกรรมในวันเสาร์-อาทิตย์ มีพระมาเทศนา สอนธรรมะ สอนปฏิบัติธรรม นอกจากนี้ ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาให้ประชาชนได้สักการะบูชากัน

"ถ้าอยากทำความดีก็มา ไม่ว่าวันไหน เดือนไหน ตัวเลขอะไร ดีทั้งนั้น อาตมาขอแนะนำ"

เรื่องความเชื่อเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ ใครเชื่ออย่างไหนก็ทำอย่างนั้น แต่เรื่องของความดี ทำดีได้ดี เป็นเรื่องจริง เป็นของจริง



ที่มาของชื่อ"เดือนกันยายน"

ชื่อเดือนที่ 9 ของปีตามปฏิทินสุริยคติ ข้อมูลพื้นฐานบอกว่า เป็น 1 ใน 4 เดือนที่มีจำนวนวัน 30 วัน

เดือนกันยายนเริ่มต้นขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีกันย์ และสิ้นสุดเมื่อยกเข้าสู่ราศีตุลย์ แต่ในทางดาราศาสตร์ ต้นเดือนกันยายนดวงอาทิตย์อยู่ในกลุ่มดาวสิงโตและปลายเดือนไปอยู่ในกลุ่มดาวหญิงสาว

ภาษาอังกฤษเรียกเดือนนี้ว่า "September" มาจากภาษาละติน "septem" ที่แปลว่า "เจ็ด-7"

แต่กลายเป็น 9 ในปีปฏิทินทางสุริยคติ นั่นเป็นเพราะว่าเดิม "September" เป็นเดือนที่ 7 ของปีในปฏิทินโรมัน จนกระทั่ง 153 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีการปฏิรูปปฏิทินขึ้นมาใหม่ จากเดิมที่นับเดือน "มีนาคม" เป็นเดือนที่ 1 ของปี ก็เปลี่ยนมานับ "มกราคม" เป็นเดือนที่ 1 ของปีแทน จึงทำให้เดือนเซ็พเทมเบอร์ (กันยายน) กลายเป็นเดือนที่ 9

ส่วนในเมืองไทย มีการประกาศใช้ปฏิทินแบบใหม่ตามอย่างฝรั่ง (แบบสุริยคติ) ในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ถึงแม้จะประกาศใช้อย่างเป็นทางการ คนไทยก็ยังใช้ปฏิทินตามอย่างจันทรคติควบคู่ไปด้วย สมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ จึงทรงคิดตั้งชื่อเดือนในปฏิทินไทยขึ้น ตั้งแต่มกราคม ถึงธันวาคม โดยทรงใช้ตำราตามจักรราศีตามวิชาโหราศาสตร์มาตั้งชื่อเดือนทั้ง 12 เดือน

ทำให้เดือนกันยายนในความหมายปฏิทินไทย คือ "กันย" (สาวพรหมจารี) + "อายน" (การมาถึง) รวมความเป็น "กันยายน" หมายถึงการมาถึงของราศีกันย์
 ?9,> ?9,> ?9,> ?9,> ?9,> ?9,> ?9,> ?9,> ?9,> ?9,> ?9,> ?9,> ?9,>

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

หวยซอง เลขเด็ด อภิโชควิเคราะห์เลขรวย หวยรัฐบาล : Apichoke.net


 

เว็บไซต์ในเครือข่ายอภิโชค : apichokeonlin.com | apichoke.net | apichoke.biz | apichoke.me | apichoke.org | apichoke.info
"ศาสตร์ของการคำนวณหวย สถิติหวยความน่าจะเป็น บนเว็บนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน-นักคำนวณ และบุคคลทั่วไปตลอดจนเลขจากไสยศาสตร์ต่างๆ การที่ใครจะถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือถูกหวย รวยด้วยหวย ก็เป็นเพียงแต่ การเสี่ยงโชค เสี่ยงดวง เท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ และไม่ควรงมงาย หากต้องการเสี่ยงโชค ซื้อหวย เล่นหวย ก็ขอให้ เสี่ยงโชคแต่พอเพียงตามกำลังของตนเอง อย่าซื้อเกินกำลังอาจทำให้เดือนร้อนได้"
คำเตือน : อย่าหลงเชื่อหากมีผู้อ้างตนเป็นอาจารย์ดังสามารถให้หวยถูก100%หรือให้ถูกทุกงวดแน่นอน หรืออวดอ้างว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่กองสลาก แล้วเรียกเก็บเงินจากท่าน
ข้อมูลในเว็บนี้ใช้ประกอบเสี่ยงโชคสำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ไม่สนับสนุนหวยที่ผิดกฏหมาย