หวยซอง เลขเด็ด อภิโชควิเคราะห์เลขรวย หวยรัฐบาล : Apichoke.net

ปกิณณกะ => สุขภาพ-สมุนไพร => ข้อความที่เริ่มโดย: Namtaan ที่ 02 สิงหาคม 2014, 09:16:26น.

หัวข้อ: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 02 สิงหาคม 2014, 09:16:26น.




(http://upic.me/i/a5/10360340_605032426280317_4072382806088498860_n.jpg) (http://upic.me/show/52139132)


 s#y ea: ea:
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 02 สิงหาคม 2014, 09:17:13น.




(http://upic.me/i/ep/1924348_592685284181698_7630813888589505442_n.png) (http://upic.me/show/52139177)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 02 สิงหาคม 2014, 09:17:50น.




(http://upic.me/i/t7/10374867_584833914966835_7741782887218548165_n.png) (http://upic.me/show/52139211)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 02 สิงหาคม 2014, 09:18:22น.



(http://upic.me/i/oj/10425456_592982890818604_5394235786441560418_n.jpg) (http://upic.me/show/52139231)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 02 สิงหาคม 2014, 09:18:55น.



(http://upic.me/i/zm/10440701_572084469575113_3233925383446121104_n.jpg) (http://upic.me/show/52139249)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 02 สิงหาคม 2014, 09:19:22น.



(http://upic.me/i/39/10440748_572085106241716_5807784820390586_n.jpg) (http://upic.me/show/52139092)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 02 สิงหาคม 2014, 09:20:02น.



(http://upic.me/i/jv/10505621_601193003330926_7213028503269367308_n.png) (http://upic.me/show/52139076)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 02 สิงหาคม 2014, 09:20:44น.




(http://upic.me/i/cr/10509507_595534320563461_2042951601198358825_n.png) (http://upic.me/show/52139295)



หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 02 สิงหาคม 2014, 09:21:15น.




(http://upic.me/i/6a/10525618_592867904163436_646272852983971724_n.jpg) (http://upic.me/show/52139318)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 02 สิงหาคม 2014, 09:22:00น.




(http://upic.me/i/z1/10524676_601681373282089_2440946875406441093_n.png) (http://upic.me/show/52139344)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 02 สิงหาคม 2014, 21:12:14น.





(http://upic.me/i/bj/14060148141406014828l.jpg) (http://upic.me/show/52147143)



(http://upic.me/i/wd/lj2-1.jpg) (http://upic.me/show/52147148)



หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 04 สิงหาคม 2014, 22:31:07น.


รวมสูตรดีท๊อกซ์ คุณก้อทำเองได้ ::)




ปัจจุบันผู้คนต่างหวนกลับมาใช้ชีวิตอิงธรรมชาติกันมากขึ้น นั่นคงเป็นเพราะว่าทุกวันนี้เราต้องเผชิญกับปัญหามลพิษ สารเคมี และกินอาหารที่มีสารปนเปื้อนอยู่เกือบตลอดเวลา เราจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้อง ดูแลใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ดังนั้นศาสตร์ความรู้ต่าง ๆ ที่จะช่วยสุขภาพจึงเป็นที่นิยมกันมากขึ้น การนั่งสมาธิ การฝึกโยคะ และการเลือกอาหารปลอดสารพิษ ดูจะได้รับความสนใจและนำไปปฏิบัติกันอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้ เพื่อให้เราสามารถรับมือกับปัญหาสารพิษที่รายล้อมรอบตัวเรานั่นเอง

“การล้างพิษ” นับเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยดูแลสุขภาพตามวิถีธรรมชาติได้เป็นอย่างดี โดยจะขจัดสารพิษต่าง ๆ ที่คั่งค้างในร่างกายของคนเราออกไป เพื่อให้มีสุขภาพและชีวิตที่สดใสขึ้นโดยธรรมชาติแม้ว่าร่างกายจะสามารถกำจัดสารพิษได้ แต่ผลจากที่ร่างกายต้องรับสารพิษทุกวันและปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขบวนการกำจัดสารพิษต้องทำงานหนักขึ้น จึงอาจทำให้ประสิทธิภาพในการขจัดสารพิษลดลง สารพิษมีเหลือตกค้างอยู่ในร่างกาย และการที่คนเรามีอาการเหนื่อยง่ายอ่อนเพลีย ง่วงเหงาหาวนอนตลอดทั้งวัน ผิวพรรณหน้าตาไม่สดใส คลื่นเหียน อาเจียน มึนศรีษะ เบื่ออาหาร มีแผลในปาก มีอาการของภูมิแพ้ต่างๆ หรือเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ก็อาจมีสาเหตุจากร่างกายมีสารพิษอยู่มากนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้นักวิทยาศาสตร์ และนักวิจัยจึงพยายามที่จะค้นหาหนทางต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับสารพิษให้ร่างกาย และพบว่ามีสารสกัดจากธรรมชาติที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการล้างสารพิษ นั่นคือ เซซามิน สารสกัดที่ได้จากงา มีฤทธิ์ช่วยบำรุงตับ (ตับ-เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญ เพราะถือว่าเป็นโรงงานกำจัดของเสียขนาดใหญ่ของร่างกาย) โดยผลการศึกษาพบว่า เซซามิน มีฤทธิ์ป้องกันแอลกอฮอล์ไม่ให้ทำลายตับ และช่วยเพิ่มความเร็วในการกำจัดเอธิลแอลกอฮอล์ออกจากเลือด และยังพบว่ามีฤทธิ์ในการป้องกันตับจากการถูกทำลายด้วยคาร์บอนเตตระคลอไรด์ได้ ซึ่งคาร์บอนเตตระคอลไรด์นี้เป็นสารพิษที่ปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อม เช่น อาหาร น้ำ อากาศ และอาจทำให้เกิดมะเร็งตับได้

นอกเหนือจากฤทธิ์ ในการกำจัดสารพิษแล้ว เซซามินยังมีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี การเลือกสารสกัดเซซามิน สารอาหารจากธรรมชาติจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดสารพิษในร่างกายเลือกใช้ชีวิตอย่างฉลาด ต้องรู้จักดูแลสุขภาพตัวเองเสียแต่เนิ่นๆ หมั่นล้างพิษให้ร่างกายประจำ ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส เพื่อขีวิตที่สดใสทุกวัน

สูตรล้างพิษ ล้างไขมันในลำไส้

ใช้โยเกิร์ตชนิดจืดครึ่งถ้วยผสมนมสดจืด 1 กล่อง เติมน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา บีบมะนาว 2 ลูก คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วค่อยดื่ม จะช่วยบำรุงสมอง เพิ่มวิตามิน B และ C มีแคลเซียม ซ่อมแซมกระดูก จุลินทรีย์ตัวดีช่วยย่อยน้ำมันพืช โดยเวลาที่เหมาะสมในการดื่มคือตั้งแต่ตี 5 ถึง 7 โมงเช้า

สูตรล้างพิษด้วยผัก ผลไม้

วิธีการก็คือให้ดื่มน้ำผัก หรือทานผลไม้ชนิดเดียวกันทั้งวัน เช่น ฝรั่ง ชมพู่ มะเขือเทศ มะละกอ ส้มโอ ฯลฯ ที่สำคัญคือต้องเป็นผลไม้ที่ไม่หวาน และไม่มีแคลอรีสูง เช่น ไม่ควรเป็นทุเรียน หรือสับปะรดที่มีกรดสูง และอาจปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ เช่น หากเลือกมะละกอ อาจเป็นมะละกอสุก มื้อต่อมาอาจเป็นส้มตำ (มะละกอดิบ) หรือน้ำมะละกอได้ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายดึงพลังงานเก่าออกมาใช้ สารพิษที่ตกค้างจึงถูกกากใยของน้ำผัก ผลไม้ ขจัดออกมาได้ง่าย

หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้น ให้ดื่มน้ำมะนาวอุ่น 2 ขวด ล้างสารพิษที่ตับขับออกมารวมกันไว้ในลำไส้เล็กตอนต้น เพื่อให้เราถ่ายเอาสารพิษออกมากับอุจจาะ หากไม่ถ่าย สารพิษจะกลับเข้าไปในกระแสเลือดเหมือนเดิม การล้างพิษจะไม่ได้ผล วิธีนี้จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากทำเป็นประจำสัก 2 อาทิตย์ต่อครั้ง

อดล้างพิษใน 1 วัน

การล้างพิษ วิธีนี้สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่ห้ามทานเนื้อสัตว์ และจำกัดไม่ให้ร่างกายได้รับพลังงานเกิน 800 กิโลแคลอรี เพื่อให้ระบบย่อยและตับได้พัก จากนั้นตับจะขับสารพิษออกมา พอวันรุ่งขึ้นหลังตื่นอนให้ดื่มน้ำผสมเกลือ และน้ำมะนาว เพื่อให้สารพิษขับออกมาพร้อมกับการขับถ่าย

ล้างพิษด้วยการทาน 2 มื้อ

วิธีนี้ให้ทานอาหารเช้าและกลางวันตามปกติ ส่วนในมื้อเย็นให้ทานผลไม้ที่ไม่หวานจานเล็ก ๆ แทน

ดื่มน้ำเปล่าแทนการดื่มกาแฟ น้ำอัดลม

หลังจากตื่นนอนตอนเช้า ให้ดื่มน้ำเปล่า หรือน้ำสมุนไพรอุ่น ๆ และดื่มไปทั้งวันแทนเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะช่วยล้างสารพิษที่ตกค้างอยู่ในระบบของเหลวในร่างกาย ด้วยการขับออกมาทางเหงื่อ ปัสสาวะ ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตและระบบน้ำเหลืองทำงานดีขึ้น

ล้างพิษด้วยน้ำซุปผัก

นำหอมใหญ่ 2 หัว, ผักชีฝรั่ง 1 กำเล็ก ๆ, แครอท 3 หัว, กระเทียม 1 กลีบ และเซเลอรี่ 3 ก้าน มาต้มรวมในหม้อ แล้วเติมน้ำ 6-8 ถ้วยจนท่วมผัก ตั้งไฟจนเดือดแล้วหรี่ไฟอ่อนต้มต่ออีก 30 นาที เมื่อเสร็จให้กรองเอาแต่น้ำซุปใช้ดื่มตลอดช่วงล้างพิษ โดยช่วงนี้ห้ามดื่มน้ำผลไม้คั้นสด 1 ชั่วโมงก่อนหรือหลังดื่มน้ำซุปผักเด็ดขาด เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่

อ่านเรื่อง การทำDetox ด้วยตัวเองภายใน 1 วัน ที่นี่

 

Credit: Lisa เเละ Kapook.com


 T[@ T[@ T[@
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 04 สิงหาคม 2014, 22:34:07น.


{"h}ลิ้นจี่กับสรรพคุณเพื่อสุขภาพ {"h}


(http://upic.me/i/pd/ftdnv.jpg) (http://upic.me/show/52259183)



ลิ้นจี่ ผลไม้ประจำฤดูกาลนี้อีกชนิดนึงที่เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ด้วยรสชาติที่หวานหอม อร่อย ชื่นใจ เหมาะกับอากาศร้อนๆในช่วงนี้เป็นยิ่งนัก

ลิ้นจี่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Litchi Chinensis Sonn. วงศ์ Sapindaceae ต้นกำเนิดของลิ้นจี่ คือ ประเทศจีน มีประมาณ 30-40 พันธุ์ กวีเอกสมัยราชวงศ์ถังชื่อ ป๋ายจีอี้ เคยเขียนไว้ว่า “ถ้าลิ้นจี่ถูกเด็ดจากต้น 1 วัน เปลือกจะเปลี่ยนสี 2 วัน กลิ่นหอมก็จะเปลี่ยน 3 วัน รสชาติก็เปลี่ยนไป และหลังจาก 4-5 วัน ทั้งสี กลิ่น และรสก็จะเปลี่ยนไปหมดสิ้น” นอกจากนี้ ลิ้นจี่ยังถูกกล่าวถึงในประวัติศาสตร์จีนในสมัยราชวงศ์ถัง โดยเป็นผลไม้โปรดของหยางกุ้ยเฟย พระสนมของจักรพรรดิถังเสวียนจงอีกด้วย

ในลิ้นจี่นั้นอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุมากมาย เช่น วิตามิน บี 1 ในลิ้นจี่ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา วิตามินบี 2 ช่วยให้ ร่างกายเจริญเติบโตป้องกันไขมันอุดตันในหลอดเลือด แคลเซียมเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง อีกทั้งยังมีไนอะซีน ช่วยเปลี่ยนน้ำตาลและไขมันให้เป็นพลังงานช่วยระบบย่อยอาหารได้อีกด้วย

คุณค่าทางอาหารของลิ้นจี่

ลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่มีรสหวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอมหวานชวนกิน คนไทยกินผลสด และนิยมนำลิ้นจี่มาทำเป็นน้ำผลไม้ดื่มแก้กระหายน้ำ

คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์)
พลังงาน 276 kJ (66 kcal)
คาร์โบไฮเดรต 16.5 g
ใยอาหาร 1.3 g
ไขมัน 0.4 g
โปรตีน 0.8 g
วิตามินซี (87%) 72 mg
สรรพคุณทั่วไป

เชื่อหรือไม่เห็นว่ารสชาติหวานๆแบบนี้ลิ้นจี่ถือเป็นผลไม้ที่เหมาะสมกับการรักษารูปร่าง ถ้าหากทานอย่างพอดี ลิ้นจี่ 1 ถ้วย (6 ผล ไม่แกะเมล็ดออก) ให้พลังงาน 125 แคลอรี มีไขมันน้อยกว่า 1 กรัม ลิ้นจี่มีวิตามินบี 2 โพแทสเซียม และมีวิตามินซีสูงมาก กินลิ้นจี่เพียงวันละ 3 ผลก็ได้วิตามินซีครบถ้วนตามความต้องการใน 1 วัน เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ช่วยบำรุงหลอดเลือด กระดูกและฟัน ในฤดูกาลที่มีขายให้ทานกันอย่างมากมาย สามารถใช้ลิ้นจี่แทนการทานวิตมินซีสังเคราะห์ได้

สรรพคุณทางยาของส่วนต่างๆ

เนื้อในผล กินเป็นยาบำรุง แก้อาการไอเรื้อรัง แก้กระหายน้ำ แก้อาการคัดจมูก รักษาอาการท้องเดิน ลดกรดในกระ-เพาะอาหาร และบรรเทาอาการไม่ปกติของระบบทางเดินอาหาร
นอกจากนี้ประเทศจีนใช้ชาเปลือกลิ้นจี่บรรเทาอาการหวัด แก้การติดเชื้อในลำคอ อาการท้องเสียอย่างอ่อน และโรคจากการติดเชื้อไวรัส แก้บิด แก้ผดผื่น
เมล็ดมีฤทธิ์แก้ปวดบวม โดยใช้บดเป็นผงชงน้ำดื่ม หรือใช้พอกบริเวณมีอาการ
รากลิ้นจี่หรือเปลือกต้นใช้แก้อาการติดเชื้อไวรัส อีสุกอีใส และเพิ่มความสามารถระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลิ้นจี่มีปริมาณเส้นใยอาหารสูง มีปริมาณพลังงาน ต่ำ และเชื่อกันว่ามีคุณสมบัติช่วยเผาผลาญสารอาหารในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ
สรรพคุณกับการต้นโรคมะเร็ง

มีงานวิจัยในประเทศจีนพูดถึงการสกัดสารฟลาโวนอยด์ที่มีมากมายในเปลือกและเนื้อลิ้นจี่ ว่าสามารถช่วยยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งเต้านม และช่วยยับยั้งผลต่อเนื่องในการแทรกตัว การยึดเกาะพื้นผิวของเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาผลิตเป็นอาหารเสริมให้กับผู้ป่วยมะเร็ง

ข้อควรระวัง

สำหรับผู้ที่ยีนบกพร่อง คือ มีอาการ เวียนหัว ตาลาย มีเสียงในหู ปวดเมื่อยเอว ร้อนอุ้งเท้า ปากคอแห้ง ลิ้นแดง มีฝ้าน้อย ไม่ควรควรหลีกเลี่ยงการทานลิ้นจี่ ถ้าหากทานลิ้นจี่มากจะทำให้เกิด “โรคลิ้นจี่” ซึ่งมีอาการหัวใจเต้นเร็ว แขนขาไม่มีแรง มึนหัว หน้ามืดตาลาย เป็นต้น ถ้ามีอาการดังกล่าว ให้เอาเปลือกลิ้นจี่ ต้มกิน อาการก็จะหายไป


เรียบเรียงโดย lovefitt.com
credit:หมอชาวบ้าน, wikipedia, pharmacy.cmu.ac.th



 S|d'ขอบคุณที่มาของข้อมูลมากค่ะ

หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 04 สิงหาคม 2014, 22:39:28น.



จริงหรือเปล่า  ทานปลาไม่อ้วน



(http://upic.me/i/ve/241971315b6143d2938a769ce334d305-s.jpg) (http://upic.me/show/52174948)



ปลาจัดว่าเป็นอาหารอันดับต้นๆที่นึกถึง เมื่อต้องการที่จะควคุมน้ำหนัก หรือ รักษาสุขภาพ  เนื่องจากมีข้อมูลทางวิชาการยืนยันมากมายว่า ปลาเป็นเนื้อสัตว์ที่มีอันตรายกับร่างกายน้อยมาก เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เราจัดปลาไว้ในอาหารหลักหมู่ที่หนึ่งในประเภทเนื้อสัตว์ ไข่ นมและถั่วเมล็ดแห้ง โปรตีนในเนื้อปลาจะถูกนำไปใช้ในการเสริมสร้างเนื้อเยื่อและซ่อมแซมสิ่งที่สึกหรอ ถือเป็นโปรตีนชั้นดีและมีไขมันต่ำ ไขมันที่มีอยู่ในเนื้อปลาจะเป็นส่วนประกอบของเซลล์ต่างๆ โดยเฉพาะสมอง จะป้องกันการจับแข็งตัวของไขมันในเส้นเลือด วิตามิน และแร่ธาตุที่มีอยู่ในเนื้อปลาจะควบคุมการทำงานของร่างกายให้ทำหน้าที่ได้ตามปกติ และ นอกจากนี้ไขมันที่มีในเนื้อปลานั้นยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัว เช่น โอเมกา 3,โอเมกา 6 แถมยังมีเเร่ธาติ, วิตมินและสารอาหารมากมาย อีกด้วย

ปริมาณไขมันที่อยู่ในเนื้อปลา

ปลาที่มีไขมันสูง (มากกว่า 8 – 20 กรัมต่อ 100 กรัม) คือ ปลาช่อน ปลาสวาย ปลาดุก และปลาสำลี
ปลาที่มีไขมันปานกลาง (มากกว่า 4 -5 กรัมต่อ 100 กรัม) คือ ปลาสลิด ปลาตะเพียน และปลาจาระเม็ดขาว
ปลาที่มีไขมันต่ำ (มากกว่า 2 -4 กรัมต่อ 100 กรัม) คือ ปลาทูนึ่ง ปลากระพงขาว ปลาจาระเม็ดดำ และปลาอินทรี
ปลาที่มีไขมันอยู่น้อย (ไม่เกิน 2 กรัมต่อ 100 กรัม) ได้แก่ ปลาไหล ปลากราย ปลานิล ปลากระพงแดง และปลาเก๋า
ปลาทะเลที่มีปริมาณโอเมก้า 3 สูง

ปลาทู ปลาแซลมอน ปลาโอ ปลาอินทรีย์ ปลาทูน่า ปลากระพง ปลาดุกทะเล เป็นต้น แต่ทะว่าหลายๆคนคงบ่นว่าปลาทะเลมันแพงอยากไดัปลาราคาประหยัดที่หาซื้อง่ายในตลาดบ้านเรา ซึ่งความจริงในบ้านเราก็มีปลาน้ำจืดและปลาน้ำเต็มที่มีปริมาณโอเมก้า 3 ไม่แพ้ปลาทะเลเลยทีเดียว ดีไม่ดีอาจจะเยอะกว่าปลาทะเลจากต่างแดนเสียอีก ปริมาณโอเมก้าในที่นี้คือปริมาณต่อปริมาณเนื้อปลา 100 กรัม ได้แก่

ปลาสวายขาว ปลาน้ำจืดของไทย มีปริมาณโอเมก้า 3 สูงถึง 2,570 มิลลิกรัม
ปลาทู ปลาทะเลไทยที่หาทานได้ง่ายที่สุด มีปริมาณโอเมก้า 3 สูงถึง 2,000-3,000 มิลลิกรัม
ปลาช่อน เป็นปลาน้ำจืดที่มีโอเมก้า 3 ค่อนข้างสูงเช่นกัน มีประมาณ 870 มิลลิกรัม
ปลากระพงขาว ปลาทะเลไทย มีโอเมก้า 3 ประมาณ 310 มิลลิกรัม
ซึ่งสำหรับผู้ที่แพ้อาหารทะเลการรับประทานปลาน้ำจืดก็เป็นทางเลือกที่ดีที่จะได้รับคุณค่าทางอาหารจากปลาไม่ต่างจากปลาทะเล แต่สิ่งที่ต้องระวังคือควรเลือกและเปลี่ยนชนิดปลาไปเรื่อยๆเพื่อป้องกันสารพิษตกค้างจากปลาเลี้ยงและควรมั่นใจว่าเนื้อปลาที่ทานจะต้องปรุงสุก เพื่อป้องกันพยาธิที่มักพบบ่อยในปลาน้ำจืด

ดูดีมีประโยชน์ซะขนาดนี้ทานไปเยอะๆได้ไม่น่าจะมีปัญหามีปัญาหรือเปล่า? แต่ว่าเดี๋ยวก่อนประโยชน์ของปลาตรงจุดนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องความอ้วนแม้แต่น้อย เพราะเรื่องความอ้วนนั้น เป็นผลมาจากพลังงานที่ร่างกายได้รับและพลังงานที่ร่างกายใช้ไป ไม่ได้เกี่ยวกับชนิดของไขมันที่ได้รับแต่อย่างใด แต่ที่เชื่อกันว่ากินปลาแล้วจะผอม เป็นเพราะในเนื้อปลา เมื่อเทียบเป็นน้ำหนักที่เท่าๆ กันกับเนื้อสัตว์อื่นๆ จะมีส่วนของโปรตีนค่อนสูงและมีไขมันค่อนข้างน้อยดังนั้น พูดง่ายๆ ว่าถ้าหากกินปลาเทียบกับกินเนื้ออื่นๆ ในปริมาณเท่ากัน เนื้อปลาก็จะให้พลังงานกับร่างกายน้อยกว่า ได้ประโยชน์และคุณค่าทางอาหารมากกว่า แต่เถ้าคุณกินเปลาเข้าไปมากๆ จนเกินความจำเป็นของร่างกาย เเถมทานอย่างอื่นร่วด้วย หรือ ใช้ิธีการปรุงที่ผิด คุณก็มีโอกาสอ้วนได้เช่นเดียวกับการทานอาหารชนิดอื่น ดังนั้นการเตรียมเนื้อปลาเพื่อสุขภาพควนใส่ใจในวิธีการปรุงด้วยเช่นกัน ควรเลือกการปรุงโดยการ ต้ม นิ่ง ลวก เผา จะดีกว่าการนำมา ทอดเเละผัด นั้นเอง

ควรรับประทานปลาปริมาณเท่าไรถึงจะพอดี

ในแต่ละวันคนเราใน วัยทำงานจะต้องการโปรตีนวันละ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เช่น ถ้ามีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม จะต้องการโปรตีนวันละ 50 กรัม เป็นต้น ปริมาณโปรตีนในเนื้อปลาสุกมีค่าอยู่ระหว่าง 16-30 กรัมต่อ 100 กรัม (หรือ 9 –17 กรัมต่อ 1/3 ถ้วยตวง) ดังนั้นคนที่หนัก 50 กิโลกรัม แล้วต้องการโปรตีนจากปลาเพียงอย่างเดียวก็คงต้องรับประทานจำนวนเพิ่มขึ้น เกือบ 2 เท่าตัว ปกติปลามีส่วนที่รับประทานได้ประมาณร้อยละ 55-80 ในบรรดาปลาชนิดต่างๆ แนะนำว่าปลาสลิดตากแห้ง มีโปรตีนมากกว่าชนิดอื่น เมื่อเทียบกับแหล่งโปรตีนจากเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ ปลาดิบ ปลาต้ม และปลานึ่งทุกชนิดมีไขมันและพลังงานต่ำ ซึ่งปลาย่างและปลาทอดจะมีไขมันและพลังงานสูงกว่าอีกหน่อย

 

 

credit: women.thaiza.com, health.kapook.com, kkuhuso7.com, lifecenterthailand



 S|d' {"h} {"h}
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 04 สิงหาคม 2014, 22:44:01น.


การเลือกใช้น้ำมันในการประกอบอาหาร



(http://upic.me/i/49/ooils.jpg) (http://upic.me/show/52174993)


การเลือกใช้น้ำมันในการประกอบอาหาร 

น้ำมันถือเป็นส่วนประกอบสำคัญในหการประกอบอาหาร ซึ่งจัดอยู่ในหมวดของไขมันที่เป็นแหล่งพลังงานและยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ถืงแม้ว่าน้ำมันจะมีความสำคัญต่อร่างกายแต่การรับประทานมากจนเกินไป หรือเลือกใช้ไม่ถูกวิธีการอาจก่อให้เกิดผลเสียให้และก่อให้เกิดโรคกับร่างกายได้เช่นกัน ปัจจุบันมีน้ำมันหลากหลายประเภทให้เลือกบริโภค ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาหาข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบเและเลือกชนิดน้ำมันเพื่อนำมาปรุงอาหารได้อย่างถูกต้อง

ทำความรู้จักชนิดของน้ำมันกันก่อน น้ำมันสำหรับปรุงอาหารถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆได้เเก่น้ำมันพืชและน้ำมันที่มาจากไขมันสัตว์ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเข้าใจผิดคิดว่า น้ำมันพืชต่างจากน้ำมันหมูหรือน้ำมันสัตว์ ตรงที่ให้พลังงานน้อยกว่าน้ำมันสัตว์ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด ความจริงแล้วไม่ว่าน้ำมันพืชหรือน้ำมันสัตว์ก็จะให้พลังงานต่อหน่วยน้ำหนัก เท่ากัน คือ 1 กรัม จะให้พลังงานเท่ากับ 9 kcal ดังนั้นความเชื่อที่ว่ากินน้ำมันพืชแล้วไม่อ้วน จึงไม่เป็นความจริง เพราะไม่ว่าน้ำมันอะไร หากกิน มากเกินก็ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้เหมือนกัน

หากแต่ น้ำมันสัตว์เช่น น้ำมันหมูจะมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันอิ่มตัวซึ่งมีคุณสมบัติเป็นไขได้ง่ายเมื่ออากาศเย็น ไขมันสัตว์มีกลิ่นเหม็นหืนได้ง่ายเมื่อทิ้งไว้ที่อุณหภูมิธรรมดา ไขมันจากสัตว์นอกจากมีไขมันอิ่มตัวแล้วยังมีโคเลสเตอรอลอีกด้วย การกินไขมันสัตว์มากอาจจะทำให้ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันมะพร้าว เนื่องจากมีไขมันอิ่มตัวในปริมาณมากเช่นกั

น้ำมันพืช (ยกเว้นน้ำมันมะพร้าว และน้ำมันเมล็ดปาล์ม) มีคุณสมบัติที่ตรงข้ามกับน้ำมันสัตว์ น้ำมันพืชส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งมีองค์ประกอบทางเคมีที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าน้ำมันสัตว์ ไขมันไม่อิ่มตัวนี้จะไม่ค่อยเป็นไข แม้จะอยู่ในที่เย็นเช่น แช่ตู้เย็น แต่จะทำปฏิกิริยากับความร้อนและออกซิเจนได้ง่าย และมักทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหืนภายหลังจากใช้ประกอบอาหารแล้ว

ปัจจุบันมีน้ำมันพืชหลายชนิดที่เป็นน้ำมันผสม เช่น น้ำมันรำข้าวผสมน้ำมันฝ้าย หรือน้ำมันปาล์ม โอเลอินผสมน้ำมันทานตะวัน เป็นต้น แต่ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันพืชชนิดผสมหรือไม่ผสม ต่างก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพเหมือนกัน

น้ำมันที่นิยมใช้ปรุงอาหารในปัจจุบัน

น้ำมันมะกอก

เป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวมากที่สุด ซึ่งจะช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในร่างกาย อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินเอ เบต้าแคโรทีน ที่จะช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ลดรอยเหี่ยวย่นได้ น้ำมันมะกอกมีจุดเกิดควันต่ำ (หมายถึง เกิดควันได้ง่าย) จึงไม่เหมาะกับการปรุงอาหารที่ต้องใช้ความร้อน นิยมนำมาทำเป็นน้ำสลัด หรือเป็นส่วนประกอบของน้ำสลัด ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือมีราคาแพงและมีกลิ่นค่อนข้างฉุน

น้ำมันถั่วเหลือง,น้ำมันเมล็ดทานตะวัน,น้ำมันข้าวโพด

มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวในระดับปานกลาง ไม่เป็นไขที่อุณหภูมิต่ำ แต่ถ้าผ่านความร้อนอุณหภูมิสูงมากจะเกิดอนุมูลอิสระได้ง่าย จึงเหมาะกับการปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนปานกลาง เช่น การผัด หรืออาจนำมาทำน้ำสลัด และมาการีน

น้ำมันรำข้าว

น้ำมันรำข้าวเป็นน้ำมันพืชชนิดหนึ่ง ผลิตจากรำข้าว มีโอริซานอล ซึ่งสารตัวนี้มีแต่ในรำข้าว สารตัวนี้จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันการเกิดออกซิเดชั่นได้สูง ทำให้ไม่ต้องใส่สารกันหืนในน้ำมันรำข้าว คุณภาพทางโภชนาการของน้ำมันรำข้าวก็ไม่แตกต่างจากน้ำมันถั่วเหลืองนัก

น้ำมันเมล็ดคำฝอย

เป็นน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงที่สุดในบรรดาน้ำมันพืชที่ใช้ปรุง อาหาร และยังมีกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ปัจจุบันจึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภคอาหารมังสวิรัติและอาหารเพื่อสุขภาพ

น้ำมันปาล์ม

เป็นน้ำมันพืชอีกชนิดหนึ่งที่มีบทบาทใน วงการอาหารบ้านเรามากขึ้น จุดขายที่ใช้ในการโฆษณาคือไม่มีกลิ่นหืนและทอดได้กรอบ เนื่องจากมีกรดไขมันที่มีความอิ่มตัวมากกว่าน้ำมันพืชชนิดอื่นที่กล่าวมา แล้วทำให้น้ำมันปาล์มมีกลิ่นหืนยากกว่า และยังไม่เกิดควันเมื่อผัด หรือทอดอาหารที่อุณหภูมิสูง มีราคาถูกจึงเป็นที่นิยมใช้ในธุรกิจอาหาร แต่ด้วยความที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง และมีกรดไลโนอีกต่ำกว่าน้ำมันพืชชนิดอื่นๆจึงทำให้คอเลสเตอรอลสูงได้

น้ำมันมะพร้าว

เป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวมาก และเป็นไขได้ง่ายเมื่อมีอุณหภูมิต่ำ จึงไม่ค่อยนิยมนำมาปรุงอาหาร แต่จะใช้เพื่อผลิตมาการีนและสบู่

วิธีเลือกใช้น้ำมันในการปรุงอาหาร
การใช้น้ำมันปรุงอาหารจะต้องคำนึงถึงความร้อนที่ใช้ประกอบอาหารเป็นหลัก เพราะนอกจากจะทำให้อาหารเหล่านั้นมีรสชาติที่เท่ากันแล้ว การเลือกใช้น้ำมันให้เหมาะสมกับชนิดและประเภทของการปรุงอาหารจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น การผัด ซึ่งใช้น้ำมันเพียงเล็กน้อยหรือขลุกขลิกจะใช้น้ำมันชนิดใดก็ได้ เช่นน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันรำข้าว น้ำมันเมล็ดฝ้าย น้ำมันมะกอก

การทอดอาหารที่ใช้น้ำมันมากและใช้ความร้อนสูงในการประกอบอาหาร เช่น ทอดไก่ ทอดปลา ทอดกล้วยแขก ทอดปาท่องโก๋ หรือทอดโดนัท ไม่ควรใช้น้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง เพราะจะทำให้เกิดควันได้ง่าย น้ำมันเหม็นหืน และทำให้เกิดความหนืด เนื่องจากมีสาร “โพลีเมอร์” เกิดขึ้น น้ำมันที่เหมาะสำหรับการทอดอาหารในลักษณะนี้ คือน้ำมันชนิดที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันปาล์มหรือน้ำมันหมู เพราะนอกจากจะปลอดภัยจากสารพิษที่จะเกิดขึ้นจากการใช้น้ำมันผิดประเภทแล้ว ก็ยังได้อาหารที่มีรสชาติดี กรอบ อร่อย

ทำน้ำสลัด การทำน้ำสลัดประเภทต่างๆต้องใช้น้ำมันพืชที่ไม่แข็งตัวในอุณหภูมิต่ำ เป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก ข้อแนะนำเกี่ยวกับการใช้น้ำมันปรุงอาหาร


Credit: หมอชาวบ้าน, manager.co.th, health.kapook.com, กองโภชนาการ กรมอนามัย




 ok: ty: ty:

หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:31:23น.




(http://upic.me/i/l6/315490_340210006059010_2064412663_n.jpg) (http://upic.me/show/52231065)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:31:53น.




(http://upic.me/i/cn/189142_472099022878364_2137908618_n.jpg) (http://upic.me/show/52231070)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:32:35น.


(http://upic.me/i/7c/378661_383214455079778_199569788_n.jpg) (http://upic.me/show/52231076)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:33:46น.



(http://upic.me/i/2q/1496654_301146206702074_769851446_n.jpg) (http://upic.me/show/52231081)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:34:21น.





(http://upic.me/i/co/1497481_502883559828538_933513704_n.jpg) (http://upic.me/show/52231092)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:34:58น.



(http://upic.me/i/ka/1654478_511814655602095_1472195445_n.jpg) (http://upic.me/show/52231094)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:35:59น.



(http://upic.me/i/wq/1907556_531373680312859_463552872_n.jpg) (http://upic.me/show/52231106)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:36:32น.




(http://upic.me/i/hb/1969137_555967794520114_4785898664674762666_n.jpg) (http://upic.me/show/52231117)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:37:15น.


(http://upic.me/i/tt/10004016_528650167251877_1000073048_n.jpg) (http://upic.me/show/52231122)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:37:44น.




(http://upic.me/i/ao/09242009-egg-boiling-timing-326x159.jpg) (http://upic.me/show/52231126)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:38:14น.



(http://upic.me/i/wc/10177508_656265541128377_139722357278863982_n.jpg) (http://upic.me/show/52231128)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:38:44น.




(http://upic.me/i/rs/10154339_562601190504882_6612129933311479538_n.jpg) (http://upic.me/show/52231137)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:39:13น.



(http://upic.me/i/nn/10253805_561630677287159_395745654743925219_n.jpg) (http://upic.me/show/52231138)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:39:44น.




(http://upic.me/i/jt/10363974_561633403953553_8710413486198106298_n.jpg) (http://upic.me/show/52231142)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:40:23น.




(http://upic.me/i/kh/10553510_596716547111905_2092517273540536683_n.png) (http://upic.me/show/52231143)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:41:07น.




(http://upic.me/i/0m/10376333_563264447123782_2440037597048902553_n.jpg) (http://upic.me/show/52231149)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:41:37น.


(http://upic.me/i/xf/10401888_572085476241679_5910609924740853527_n.jpg) (http://upic.me/show/52231160)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:42:13น.


(http://upic.me/i/ml/10527300_607318252718401_2957644571569669353_n.jpg) (http://upic.me/show/52231163)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:44:00น.




(http://upic.me/i/jm/10488218_598812736902286_5550993294943228484_n.jpg) (http://upic.me/show/52231176)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 09:44:52น.




(http://upic.me/i/yx/10522473_593676934082533_2324041539303143081_n.png) (http://upic.me/show/52231181)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 23:32:10น.




(http://image.ohozaa.com/i/g80/GFcTR0.JPEG) (http://image.ohozaa.com/view2/xLDis4IiwO7mCxl3)



      หลายคนคงเคยได้ยินกันมาสักพักแล้ว กับการออกกำลังกายที่เรียกว่า T 25 บางคนอาจเคยเล่นอยู่หรือบางคนอาจจะยังงงๆ
และไม่รู้จักว่าสิ่งที่เขาฮิตๆ และพูดถึงอย่างหนาหูกันอยู่นี้ มันคืออะไร แล้วทำไมถึงเป็นที่นิยมในหมู่คนที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย
คนที่รักการดูแลสุขภาพ ตามมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน

       T 25 หรือ Focus T 25 คืออะไร...
      
       T 25 หรือ Focus T 25 เป็นโปรแกรมการออกกำลังที่ใช้เวลาสั้นๆ เพียงวันละ 25 นาที ออกแบบโดย Shaun T
เป็นการออกกำลังชนิดที่ว่าจัดหนักจัดเต็ม สามารถบริหารร่างกายได้ทุกส่วนอย่างครบครัน อีกทั้งยังสามารถเล่นได้ที่บ้าน
โดยไม่ต้องง้อฟิตเนสให้ยุ่งยากมากความอีกด้วย พูดคำเดียวว่าประหยัดทั้งเงิน ทั้งเวลา เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาอย่างยิ่ง
      
T 25 คือ DVD การออกกำลังกาย สามารถออกเองได้ที่บ้าน เป็นการออกเเบบการออกกำลังกายเพียง 25 นาที
ที่ให้ประสิทธิผลไม่ต่างไปจากการออกกำลังกาย 1 ชั่วโมงเต็ม! เป็นการออกกำลังกายที่หนักมาก
ซึ่งในดีวีดีจะมีปฏิทินทั้งหมด 60 วันบอกไว้ว่าต้องเปิดเล่นตอนไหน และต้องทำตามขั้นตอนตลอด 2 เดือน
ซึ่งคอนเซ็ปต์จะเน้นออกกำลังกายแบบหนักเป็นหลักนั่นเอง
      
       เอาล่ะหลายคนคงได้ทราบไปแล้วว่า T 25 ที่เขาฮิตนักฮิตหนามันคืออะไร ทีนี้เรามาเจาะลึกกันไปทีละเสต็ปดีกว่าว่า
ภายใน 25 นาที ของวันนั้นๆ เราต้องทำโปรแกรมอะไรกันบ้าง ซึ่งเราจะอธิบายให้กระจ่างแจ้งแจ่มชัดกันไปเลยว่า
สิ่งที่คุณจะต้องทำในโปรแกรมนี้นั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง
      
       มาดูตารางของโปรแกรมกันดีกว่า เพราะเพียงแค่คุณได้ทราบว่าคาดิโอคืออะไร สปีด 1.0 คืออะไรมันยังไม่มากพอ
เพราะการเล่น T 25 ต้องทำตามตารางที่เขาให้มาด้วยถึงจะครบถ้วน


(http://image.ohozaa.com/i/32b/kEy3SN.JPEG) (http://image.ohozaa.com/view2/xLDiqENzopOqHGeQ)

(http://image.ohozaa.com/i/ea5/GfZi83.JPEG) (http://image.ohozaa.com/view2/xLDirmKVXwGPdGkY)


http://www.youtube.com/v/QM7zei0B39c?version=2&hl=th_TH&color1=FAEBD7 &color2=aaeed  &border=&utoplay=1&loop=1


http://www.youtube.com/v/3zNFRWG10PM?version=2&hl=th_TH&color1=FAEBD7 &color2=aaeed  &border=&utoplay=1&loop=1


http://www.youtube.com/v/nnVNg5rFzK0?version=2&hl=th_TH&color1=FAEBD7 &color2=aaeed  &border=&utoplay=1&loop=1


http://www.youtube.com/v/pHeYw-c8GjI?version=2&hl=th_TH&color1=FAEBD7 &color2=aaeed  &border=&utoplay=1&loop=1


http://www.youtube.com/v/1ZFLw75K5zg?version=2&hl=th_TH&color1=FAEBD7 &color2=aaeed  &border=&utoplay=1&loop=1


http://www.youtube.com/v/4zkyP4HCEmk?version=2&hl=th_TH&color1=FAEBD7 &color2=aaeed  &border=&utoplay=1&loop=1


http://www.youtube.com/v/rpQJpzOUDZk?version=2&hl=th_TH&color1=FAEBD7 &color2=aaeed  &border=&utoplay=1&loop=1


http://www.youtube.com/v/DS8UVRw6qBE?version=2&hl=th_TH&color1=FAEBD7 &color2=aaeed  &border=&utoplay=1&loop=1



ขอขอบคุณ ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์

หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 สิงหาคม 2014, 23:35:21น.



(http://image.ohozaa.com/i/g51/hkQgnQ.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xLDeIAAXmvXBbNu1)



(http://image.ohozaa.com/i/795/2wp1Pq.JPEG) (http://image.ohozaa.com/view2/xLDeJiyjVyl5ovJI)



(http://image.ohozaa.com/i/63b/4apsSf.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xLDeL4rJlpgMpmuB)


 ]E[ ]E[ ]E[


หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 16 สิงหาคม 2014, 14:33:33น.


(http://upic.me/i/dd/2s68k.jpg) (http://upic.me/show/52328254)





     สาระน่ารู้ | เคล็ดลับ :  ควรกินไข่เป็นอาหารเช้า

EGG FOR BREAKFAST

1. ไข่ 1 ฟองมีคอเลสเตอรอลมากถึง 210 มิลลิกรัมก็จริง แต่ผลวิจัยพบว่า คนที่กินไข่สัปดาห์ละ 4 ฟองมีคอเลสเตอรอลต่ำกว่าคนที่กินไข่สัปดาห์ละ 1 ฟองหรือไม่กินไข่เลย กลไกที่อาจเป็นไปได้คือ ไข่มีโปรตีนสูงและมีไขมันอิ่มตัวค่อนข้างต่ำ ทำให้อิ่มนาน และความอิ่มนี่เองมีส่วนทำให้กินอาหารที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อ อาหารประเภท "ผัดๆ ทอดๆ" ฯลฯ ลดลง ผู้ร้ายตัวจริงที่ทำให้คอเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือดสูงคือ ไขมันอิ่มตัว เช่น กะทิ น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู การกินเนื้อมากเกิน (เนื้อที่เห็นเป็นเนื้อแดงก็มีไขมันแฝงอยู่มาก) ฯลฯ และที่ร้ายที่สุดคือ ไขมันทรานส์หรือไขมันแปรสภาพ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการนำไขมันพืชไปเติมไฮโดรเจน ทำให้เกิดเป็นเนยขาว เนยเทียม ครีมเทียม (คอฟฟี่เมต) ที่ใช้ทำเบเกอรี ขนมกรุบกรอบ อาหารฟาสต์ฟูด แนวทางในการลดคอเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือดหลักคือ การลดไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ รองลงไปคือ การออกแรง-ออกกำลังให้มากพอเป็นประจำ และการกินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลให้น้อยลง


 
2. ไข่มีโคลีนสูงถึง 30% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน ซึ่งโคลีนเป็นสารประกอบที่ช่วยเสริมความจำให้ดีขึ้น และยังป้องกันเส้นเลือดอุดตันได้อีกด้วย ไข่ 1 ฟองให้โคลีนมากประมาณ 30% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน การกินไข่จึงเปรียบคล้ายการซื้อ "ประกันชีวิต" ในเรื่องอาหารคุณค่าสูงว่า โอกาสขาดสารอาหารจะลดลงไปมากมาย โคลีน (choline) เป็นองค์ประกอบของผนังเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะผนังเซลล์ของสมองและเซลล์ประสาท เป็นองค์ประกอบของสารสื่อประสาทที่สมองใช้ในการสื่อสารภายใน (คล้ายๆ จุดเชื่อมหรือ router ของเครือข่ายอินเตอร์เน็ต) คุณสมบัติพิเศษอีกอย่างหนึ่งของโคลีนคือ มันออกฤทธิ์ต้าน (ลด) การอักเสบ หรือป้องกันไม่ให้ธาตุไฟในร่างกายกำเริบได้ในระดับหนึ่ง การอักเสบนี้มีผลมากเป็นพิเศษที่ผนังหลอดเลือด เนื่องจากผนังหลอดเลือดที่มีการอักเสบจะบวม และสูญเสียความ "เรียบลื่น (ปกติจะลื่นคล้ายๆ กระทะเคลือบเทฟลอน)" ทำให้คราบไขมันไปพอก หรือเกล็ดเลือดไปเกาะกลุ่มได้ง่าย


 
3. ไข่แดงช่วยบำรุงสายตา เพราะมีสารลูทีน-ซีแซนทีน ทำให้ความเสี่ยงเป็นโรคตาเสื่อมสภาพ หรือตาบอดในคนสูงอายุลดลง ลูทีน-ซีแซนทีนเป็นสารพฤกษเคมีหรือสารคุณค่าพืชผักกลุ่ม "สีเหลือง-แสด" ช่วยปัองกันจอรับภาพ (retina / เรทินา) โดยทำหน้าที่เป็นตัวกรอง (คล้ายๆ กับเป็นแว่นกันแดดชั้นดี) แสงสีน้ำเงินหรือฟ้า และรังสี UV (อัลตราไวโอเลต / ultraviolet) ทำให้ความเสี่ยง (โอกาสเป็น) โรคตาเสื่อมสภาพ หรือตาบอดในคนสูงอายุ(age-related macular degeneration / ARMD) ลดลง แน่นอนว่า การหลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า แสงไฟจ้า หรือการอยู่หน้าจอ TV, จอคอมพิวเตอร์นานๆ เป็นการดีที่สุด ทว่า ถ้าจำเป็นต้องทำงานกลางแดด ชมโทรทัศน์ หรือทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์วันละนานๆ การพักสายตาอย่างน้อยทุกๆ 1-2 ชั่วโมง และการกินอาหารที่มีลูทีน-ซีแซนทีนสูง เช่น ผักใบเขียว (เช่น บรอคโคลี ฯลฯ) ถั่วที่มีสีเขียว ข้าวโพด ฯลฯ ก็ช่วยได้มาก



(http://upic.me/i/yj/khai_yad_sai5.jpg) (http://upic.me/show/16754852)



หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 16 สิงหาคม 2014, 14:37:29น.



     สาระน่ารู้ | เคล็ดลับ : ข้าวหรือขนมปังที่ทำให้อ้วนกว่ากัน

[BREAD AND RICE ]


 
      ทั้งข้าวและขนมปังต่างก็คือคาร์โบไฮเดรตเหมือนกัน ให้พลังงานเท่ากันคือ 4 แคลอรีต่อกรัม แต่อาจแตกต่างกันในสัดส่วนของปริมาณคาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน และไฟเบอร์ที่มีอยู่ในข้าวแต่ละประเภท หรือชนิดที่แตกต่างกันของขนมปัง รวมทั้งปริมาณที่บริโภคเข้าไปด้วย

      แต่หากเปรียบเทียบระหว่างข้าวกับขนมปังในปริมาณ 100 กรัม ข้าวจะให้พลังงานประมาณ 140 แคลอรี ในขณะที่ขนมปังจะให้พลังงาน 170 แคลอรี

      ดังนั้นหากดูแค่ปริมาณของพลังงานที่เท่ากันแล้วจะเห็นได้ว่า ขนมปังให้พลังงานที่สูงกว่า จึงอาจทำให้อ้วนได้ง่ายกว่าข้าว เพราะส่วนประกอบของขนมปัง คือ แป้ง น้ำตาล ผงฟู เนย และสารอื่นๆ ที่ให้พลังงานมากขึ้น




(http://upic.me/i/9l/2as9g.jpg) (http://upic.me/show/24106800)


(http://upic.me/i/oy/n6bh6.jpg) (http://upic.me/show/16418515)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 16 สิงหาคม 2014, 14:40:40น.

    สาระน่ารู้ | เคล็ดลับ : พริกป่น ความเผ็ดที่มากคุณค่า

[BENEFITS OF GROUND CHILI ]


  
       พริกมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน นอกจากจะรับประทานแบบสดๆ แล้วยังนำมาทำเป็นพริกป่นเก็บไว้กินได้อีกด้วย พริกป่นที่หลายคนรู้จัก ไม่ได้มีประโยชน์แค่ให้ความเผ็ดกับอาหารอย่างเดียว เพราะในพริกป่นมีคุณสมบัติที่ช่วยกำจัดเซลล์มะเร็ง ได้โดยไม่ทำลายเซลล์ดีๆในร่างกาย

     นอกจากนั้นแล้วคนที่ต้องนั่งหรือยืนทำงานเป็นเวลานานๆ ควรรับประทานพริกป่น เพราะจะช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อหลังได้ดี ทีเดียว ในพริกป่นยังมีสารที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดกระบวนการทำความสะอาดตัวเองของร่างกาย จึงเหมือนได้ทำดีท็อกซ์ไปในตัวอีกด้วยค่ะ




(http://upic.me/i/e3/1-2451.jpg) (http://upic.me/show/52328434)



หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 16 สิงหาคม 2014, 14:44:09น.


    สาระน่ารู้ | เคล็ดลับ : ดื่มน้ำตอนไหนดีที่สุด

[DRINK TIME ]


  
      ทราบหรือไม่ว่าการดื่มน้ำก็ต้องมีเวลาที่ดื่มแล้วให้ประโยชน์สูงสุดเหมือนกัน วันนี้เรามีเรื่องนี้มาฝาก...

     - ตื่นนอนตอนเช้า 1 แก้ว (400 ซี.ซี.) เพราะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง เลือดจะมีลักษณะขาดน้ำ

     - ตอนสาย ๆ 2 แก้ว (เวลาประมาณ 9 โมงถึง 10 โมงเช้า) ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทำงานไประยะหนึ่งแล้ว ฉะนั้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อมาชำระของเสียเหล่านั้นออกไป

     - ตอนบ่าย ๆ 3 แก้ว (เวลาประมาณบ่ายโมงถึงบ่ายสอง)

     - ตอนเย็น 3 แก้ว (เวลาประมาณ 1 ทุ่มถึง 2 ทุ่ม) - ก่อนนอนให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหาร ยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยแล้วจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น

     การดื่มน้ำเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย และก็ควรดื่มให้ได้อย่างน้อย วันละ 8-10 แก้ว เพื่อสุขภาพที่ดี.



(http://upic.me/i/kh/yip19.jpg) (http://upic.me/show/29490049)



หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 16 สิงหาคม 2014, 18:27:50น.





ใครปวดเข่า เขาบอกมาแล้ว ลองดูนะ
ยาแก้เจ็บเข่า ง่ายๆแต่อาศัยเวลาหน่อย

มะกรูดหั่นตามขวางตากในร่มให้แห้ง
ใส่ขวดโหลให้มีพื้นที่เหลือมากหน่อยใส่เหล้าขาวให้ท่วมมะกรูดปิดฝาไว้ 1เดือน
กรองเอาแต่น้ำใส่ขวดเสปรย์. ฉีดที่เข่าเช้าเย็นหลังอาบน้ำ
ใช้อย่างต่อเนื่องประมาณ 2-3 เดือนจะค่อยๆดีขึ้นค่ะ
ในรูปนี้ 1 เดือนพอดีค่ะ
ทำให้แม่ใช้ 2 เดือนแม่บอกว่าตอนแรก ๆ ก็เจ็บแต่อยู่มาวันหนึ่งรู้สึกตัวว่า
เฮ้ย......ความเจ็บที่อยู่เป็นเพื่อนกันมาหลายปีมันกลับบ้านไปแล้ว.....ดีใจจัง

(http://upic.me/i/rl/483633_265211913602083_1717800433_n.jpg) (http://upic.me/show/47486590)



S|d' ขอบคุณท่านอาจารย์ subachok21 ที่มอบข้อมูลดีๆให้ค่ะ e|e


 |fF |fF |fF
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 28 สิงหาคม 2014, 20:34:42น.



(http://upic.me/i/kk/x4suu.jpg) (http://upic.me/show/46449197)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 สิงหาคม 2014, 20:24:14น.



มีข่าวมาบอก ใครมีญาติที่เป็นมะเร็ง โดยเฉพาะระยะสุดท้าย ตอนนี้มีเครื่องรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด ชื่อเครื่อง HIFU เป็นเทคโนโลยีร่วมญี่ปุ่นกับจีน ยิงฆ่าเซลมะเร็งจากภายนอก ไม่เจ็บ มีเครื่องเดียวในไทย และเป็นเครื่องทันสมัยที่สุดในเอเชีย ติดต่อศูนย์การแพทย์ มศว องครักษ์ ได้ตั้งแต่วันนี้ เวลาราชการ


(http://upic.me/i/tk/8jt5q.jpg) (http://upic.me/show/45725820)
มีข่าวมาบอก ใครมีญาติที่เป็นมะเร็ง โดยเฉพาะระยะสุดท้าย ตอนนี้มีเครื่องรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด ชื่อเครื่อง HIFU เป็นเทคโนโลยีร่วมญี่ปุ่นกับจีน ยิงฆ่าเซลมะเร็งจากภายนอก ไม่เจ็บ มีเครื่องเดียวในไทย และเป็นเครื่องทันสมัยที่สุดในเอเชีย ติดต่อศูนย์การแพทย์ มศว องครักษ์ ได้ตั้งแต่วันนี้ เวลาราชการ — at ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ มศว องครักษ์.เพิ่มเติม ขอชี้แจงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการรักษาด้วยเครื่อง HIFU นะคะ เครื่อง HIFU อาศัยหลักการคลื่นอัลตร้าซาวด์ทำให้เกิดความร้อนบริเวณที่จุดเป้าหมายและทำให้เซลล์มะเร็งบริเวณตาย ดังนั้นตำแหน่งของมะเร็งที่เหมาะสมที่จะใช้ในการรักษาด้วยวิธีนี้จะต้องอยู่ที่ตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้ด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์ ในเบื้องต้นโรคที่เหมาะสมได้แก่ โรคมะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อนหรือทางเดินน้ำดี มะเร็งต่อมลูกหมาก เนื้องอกที่มดลูกได้เท่านั้นค่ะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 037-395085 ต่อ 10230 หรือ 084-5221627 ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 16.00 น.
 Y$@ Y$@ Y$@ Y$@ Y$@ Y$@ Y$@ Y$@




S|d' ขอบคุณพี่นุชมากค่ะ

หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 02 กันยายน 2014, 20:18:02น.




(http://upic.me/i/vb/16711_582680585173782_3902327437137405339_n.jpg) (http://upic.me/show/52558406)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 02 กันยายน 2014, 20:18:43น.




(http://upic.me/i/vd/10593217_582742071834300_6386403518134395768_n.jpg) (http://upic.me/show/52558420)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 10 กันยายน 2014, 20:05:45น.



ท้องอืด มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าท้องผูก
คือเป็นท้องอืดหนึ่งอย่างจะมีโรคตามมาอีกเป็นสิบอย่าง
พูดง่ายๆก็คือท้องอืดมีผลเสียต่อสุขภาพมาก
แต่คนโดยมากก็จะมองข้ามความสำคัญของท้องอืด
ปล่อยให้ตัวเองท้องอืดอยู่บ่อยๆ หรือแทบจะทุกวันและโดยไม่รู้ตัว
จนทำให้สุขภาพเสื่อมโทรมและเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ
แถมไม่รู้อีกด้วยว่าที่ป่วยอยู่นั้นมีสาเหตุมาจากท้องอืด

ท้องอืดมีอาการอย่างไร
เมื่อกินอาหารลงไปแล้วอาหารนั้นไม่ย่อยหรือย่อยได้ช้า รู้สึกแน่นท้อง อึดอัด ไม่สบายตัว มีลมเรอออกปาก ถ้าอาการหนักก็จะปวด เสียด ที่ท้องร่วมด้วย

ใครบ้างที่จะเป็นท้องอืด
1 ผู้สูงอายุ ทุกคนที่พ้นวัยหนุ่มสาวมาแล้วเตรียมตัวเป็นโรคนี้ได้ทุกคนจะช้าหรือเร็วเท่านั้น
เพราะระบบย่อยย่อมจะเสื่อมโทรมไปตามอายุ ที่เคยกินอะไรๆได้มากๆและทุกเวลาเมื่อตอนอายุยังน้อยนั้น เมื่ออายุมากขึ้นก็จะทำไม่ได้เหมือนเก่า ข้อนี้ผู้สูงอายุทุกท่านทราบดี

2 คนป่วย โดยมากในระหว่างที่ป่วยอยู่ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรก็ตาม ระบบย่อยมักจะป่วยไปด้วย ทำให้คนป่วยไม่เจริญอาหาร บางทฤษฎีก็ว่าเป็นกลไกในการรักษาตัวเองตามธรรมชาติ ซึ่งกลไกนี้จะสำเร็จได้จำเป็นต้องอดอาหาร เหมือนอย่างหมาแมวเวลาป่วยก็จะไม่กินอาหาร แถมยังมีการกินใบหญ้าเพื่อให้อาเจียรเอาอาหารเก่าออกมาอีกด้วย

3 ความเครียด มีเรื่องเศร้าใจ ทุกข์ใจ
เวลามีเรื่องเครียดมากๆ ระบบย่อยจะเสีย ท้องจะอืด กินอาหารไม่ค่อยจะลง ถ้าฝืนกินลงไปท้องก็จะอืด อาหารไม่ย่อย เมื่อเครียดอยู่นานท้องก็จะอืดอยู่นานจนสุดท้ายก็ไม่พ้นเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายต่างๆ ที่คนเครียดแล้วป่วยนั้นป่วยเพราะท้องอืดเป็นประการสำคัญ การแก้ความเครียดนั้นทำได้ยากเพราะปัญหาหรือทุกข์ของคนนั้นมีมากมายสารพัด แต่เครียดแล้วป้องกันหรือแก้ไขไม่ให้ท้องอืดนั้นทำได้ไม่ยาก ขอเพียงท้องไม่อืดระบบย่อยทำงานได้เป็นปกติและท้องไม่ผูกด้วย(วิธีแก้ท้องผูก ให้ดูที่หัวข้อ วิธีแก้ท้องผูก) ถึงจะเครียดอยู่นานก็ไม่เป็นปัญหาต่อสุขภาพเท่าใดนัก ครั้นปัญหานั้นผ่านพ้นไปแล้วหายเครียดแล้วเราก็จะสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างปกติ

4 เด็กน้อย วัยรุ่น คนหนุ่มสาว อาจจะมีท้องอืดบ้างเป็นครั้งคราว เมื่อแก้ไขหายแล้วก็จะหายไปนานไม่เหมือนสามพวกแรกที่มักจะเป็นอยู่ประจำ คนหนุ่มสาวอายุยังน้อยแต่ท้องอืดบ่อยๆนั้น ส่อแสดงให้เห็นถึงความผิดพลาดอย่างมากทั้งวิธีการกินและอาหารที่กินในแต่ละวัน

อาหารหรือพฤติกรรมอย่างไรที่ทำให้ท้องผูก

1 กินอาหารที่ไม่มีส่วนผสมของสมุนไพรรสเผ็ดร้อน
สมุนไพรรสเผ็ดร้อน ได้แก่ ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอม กะเทียม พริกไท ขมิ้นชัน เป็นต้น
สมุนไพรเหล่านี้คือส่วนผสมของเครื่องแกงอาหารไทยนั่นเอง
อาหารไทยส่วนมากเข้าเครื่องแกงทั้งนั้น ถึงไม่เข้าเครื่องแกงก็ต้องมีเครื่องเทศอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นส่วนผสม อันนี้เป็นภูมิปัญญาของคนไทยแต่โบราณ จุดประสงค์สำคัญคือป้องกันไม่ให้ท้องอืด

2 ดื่มน้ำทันทีหลังอาหารหรือกินอาหารคำดื่มน้ำคำทำให้ท้องอืด ถ้าดื่มก่อนอาหารท้องไม่อืดและช่วยให้ระบบย่อยทำงานดีด้วย

3 กินผลไม้ทันทีหลังอาหารทำให้ท้องอืด ผลไม้ควรกินก่อนอาหารหรือหลังอาหารไปแล้วประมาณ 2 ชั่วโมงหรือกินในขณะท้องว่างนั่นเอง

4 ดื่มน้ำอัดลมทำให้ท้องอืด อันนี้ไม่มีข้อยกเว้น จะดื่มก่อนหรือหลังอาหารก็ทำให้ท้องอืด
ถึงแม้จะดื่มในขณะท้องว่างก็ทำให้ท้องอืด น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่คนระบบย่อยไม่ดีต้องหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง และนอกจากจะทำให้ท้องอืดแล้วยังมีผลเสียต่อสุขภาพอื่นๆอีกด้วย

วิธีแก้ท้องอืด
นอกจากแก้ไขพฤติกรรมการกินที่ผิดๆ 4 ข้อที่ได้กล่าวมาแล้ว ให้ปฏิบัติข้อแนะนำต่อไปนี้ด้วย เพื่อแก้ไขอาการที่เป็นอยู่เฉพาะหน้าโดยทันที

1 ) ดื่มน้ำขิง เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ผู้เขียนได้เคยทดลองทำมา คือได้ผลดี ใช้ต่อเนื่องได้นาน ผลข้างเคียงยังไม่พบ ซึ่งทำได้หลายรูปแบบดังต่อไปนี้

น้ำขิงต้ม ดื่มครั้งละ 1 แก้วเมื่อมีอาการท้องอืด ทิ้งช่วงประมาณ 1 ชั่วโมง รอดูอาการหากยังไม่หายก็ดื่มซ้ำไปอีกและรอดูอาการอีกสักพัก ทำอย่างนี้จนกว่าจะหาย เมื่อหายแล้วให้หยุดยาได้

น้ำขิงปั่นคั้นแยกกากแยกน้ำ วิธีนี้เหมาะสำหรับท่านที่นิยมทำน้ำผลไม้ดื่มอยู่แล้วเช่นน้ำแครอท น้ำแอปเปิ้ล น้ำมะเขือเทศ น้ำฝรั่ง หรือหลายๆอย่างผสมกัน เป็นต้น ให้ผสมขิงลงไปด้วยเล็กน้อย ประมาณ 1- 2 ข้อนิ้วมือ วันละครั้งเท่านี้ก็สามารถปรับระบบย่อยให้เป็นปกติได้

ขิงสด ๆ ประมาณ 1-2 ข้อนิ้วมือ หรือประมาณ 1 คำไม่ต้องคำใหญ่นัก เคี้ยวสดๆกลืนกินลงท้องไปเลยหรือจะคายเอากากทิ้งไปก็ได้ วิธีนี้เหมาะสำหรับท่านที่ไม่มีเวลาหรือต้องการผลรวดเร็วทันใจ ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมนาน

2) ยาหอม ยาหอมมีหลายสูตรหลายยี่ห้อ ใช้แก้อาการต่างๆกันไป เช่นแก้ลมวิงเวียน หน้ามืดตาลาย แก้ลมประเภทต่างๆ ให้เลือกใช้ประเภทแก้ท้องอืด ช่วยย่อย ทดลองใช้ดูและคอยสังเกตผลข้างเคียงของยา ถ้าไม่ดีก็หยุดยาไปสักพักแล้วลองเปลี่ยนยี่ห้อหรือสูตรอื่นดูใหม่

3) สมุนไพรอื่นๆ เช่น
พริกไทยผง ใส่แคปซูล อันนี้ได้ผลชัดเจนดีมาก

ขมิ้นชันผงใส่แคปซูล อันนี้ไม่ค่อยจะได้ผลนัก แต่มีคนแนะนำให้ใช้กันมาก ถ้าจะลองใช้ดูก็ ไม่เสียหายอะไร

ลูกยอ จะกินสดๆหรือต้มน้ำกินก็ได้ อันนี้ได้ผลดีเช่นกัน

ทั้งยาหอมและสมุนไพรอื่นๆที่ได้กล่าวมานี้ เป็นยาที่มีฤทธิ์ร้อน เมื่อกินต่อเนื่องไปนานๆ อาจจะทำให้ร้อนในซึ่งมีอาการต่างๆกันไปแล้วแต่ชนิดของยา เช่น ร้อนตัว ปากคอแห้ง คัดจมูก เป็นไซนัส เป็นริดสีดวงทวาร เป็นต้น ให้พึงสังเกตอาการผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นและหยุดยาเมื่อมีอาการนั้น เมื่อหยุดยาแล้วอาการต่างๆเหล่านั้นจะค่อยๆหายไปเอง ไม่ต้องเป็นกังวลแต่อย่างใด
สรุปรวมแล้ว ยาทุกชนิดที่ใช้กินแก้ท้องอืด เมื่อกินแล้วหายท้องอืดแล้ว ต้องหยุดยานั้นเพื่อป้องกันผลข้างเคียงหรืออาการร้อนในที่อาจจะเกิดขึ้น

4) อาการท้องอืดอาจจะเกิดจากโรคอื่นๆได้อีกมากมายหลายประการ เหมือนอย่างอาการปวดหัวก็มีมากมายหลายสาเหตุสุดแท้แต่จะวินิจฉัยพบหรือไม่ประการใด หนึ่งในสาเหตุที่อาจทำให้ท้องอืดที่จะขอกล่าวทิ้งท้ายไว้ ณ.ที่นี้ คือนิ่วในถุงน้ำดี หนึ่งในโรคที่ปัจจุบันพบเจอกันมากขึ้น โรคนี้เมื่อเป็นแล้วบ้างก็มีอาการ บ้างก็ไม่มีอาการ แท้ที่จริงแล้วที่ยังไม่แสดงอาการก็เพราะก้อนนิ่วนั้นยังมีขนาดไม่ใหญ่พอที่จะไปทำให้ถุงน้ำดีหรือท่อน้ำดีอุดตัน ต่อเมื่อใดที่ก้อนนิ่วนั้นมีจำนวนมากหรือขนาดใหญ่พอที่ทำให้การทำงานของถุงน้ำดีบกพร่อง เมื่อนั้นก็จะแสดงอาการต่างๆออกมา โดยอาการเบื้องต้นนั้นก็คือท้องอืด เพราะน้ำดีทำหน้าที่ช่วยย่อยอาหาร อาหารจำพวกไขมันจำเป็นต้องผสมเคล้าเข้ากับน้ำดีเสียก่อน น้ำย่อยจึงจะสามารถย่อยได้ เมื่อน้ำดีหลั่งออกมาได้น้อยเพราะก้อนนิ่วอุดตันอยู่ก็จะทำให้การย่อยนั้นทำได้ไม่เต็มที่ ผลก็คือทำให้ท้องอืด วิธีแก้ไขนั้นในทางธรรมชาติบำบัดสามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัด นิยมเรียกกระบวนกการนี้ว่าวิธีล้างพิษตับ ซึ่งควรจะเป็นหัวข้อใหญ่และสำคัญอีกหัวข้อหนึ่ง จึงยังไม่กล่าวไว้ในตอนนี้

สำหรับเรื่องท้องอืดก็ขอจบไว้แต่เพียงนี้ กรุณาติดตามตอนต่อไปเรื่องอาหารแสลงหรืออาหารที่เป็นโทษต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคต่างๆ ที่สำคัญส่วนใหญ่เป็นอาหารที่ท่านนึกไม่ถึง สวัสดี




ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก pantown.com ค่ะ

 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: deejaimai ที่ 23 กันยายน 2014, 21:07:37น.




(http://upic.me/i/gy/vw144.jpg) (http://upic.me/show/52838137)

(http://upic.me/i/mb/808402-img-1411393647-1.png) (http://upic.me/show/52838139)

 P|P P|P P|P


หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 26 กันยายน 2014, 19:46:55น.




(http://upic.me/i/mr/10599351_352543921567887_1504331692701322241_n.png) (http://upic.me/show/52880998)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 26 กันยายน 2014, 19:47:26น.


(http://upic.me/i/lp/904213_302174466604833_2155739864987600389_o.png) (http://upic.me/show/52880990)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 26 กันยายน 2014, 19:47:59น.


(http://upic.me/i/5t/10616549_343137042508575_5195966819318821298_n.jpg) (http://upic.me/show/52881012)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 26 กันยายน 2014, 19:48:28น.


(http://upic.me/i/js/10624669_342065542615725_6315418585718041803_n.jpg) (http://upic.me/show/52881017)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 26 กันยายน 2014, 19:48:57น.


(http://upic.me/i/p7/10650005_350041918484754_392101389108153730_n.jpg) (http://upic.me/show/52881022)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 26 กันยายน 2014, 19:49:36น.


(http://upic.me/i/it/10703638_352542834901329_8527300220379598259_n.jpg) (http://upic.me/show/52881028)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 26 กันยายน 2014, 19:50:12น.


(http://upic.me/i/tq/10660147_352503364905276_4902809388565576333_n.jpg) (http://upic.me/show/52881032)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 25 พฤศจิกายน 2014, 21:30:03น.

มาดื่มน้ำผลไม้ตามกรุ๊ปเลือดกันเถอะ
5 เมษายน 2010 เวลา 3:05 น.
วันนี้พี่กาโตะมีข้อมูลดีๆเกี่ยวกับสุขภาพ ในการดื่มน้ำผลไม้ตามกรุ๊ปเลือดมาฝากกันคร้าบ ใครกรุ๊ปเลือดอะไรลองอ่านดูนะครับว่าแต่ละกรุ๊ปเลือดควรดืมน้ำผลไม้อะไร
กรุ๊ป O
กรุ๊ป O ไม่ควรกินอาหารจำพวกแป้งมากเกินไป เพราะจะย่อยยาก จะทำให้เป็นโรคเบาหวานและทำให้อ้วนง่าย อาหารที่ควรทานคืออาหารจำพวกสาหร่าย เกลือไอโอดีน อาหารทะเล และควรกินตับ กินบลอกโคลี ผักโขม เพราะจะช่วยในเรื่องการย่อยอาหาร
เครื่องดื่มที่เหมาะกับเลือดกรุ๊ปโอคือ น้ำสัปปะรด น้ำลูกพรุน


กรุ๊ป A
กรุ๊ป A ควรกินอาหารมังสวิรัติและควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ เพราะร่างกายจะย่อยอาหารประเภทเนื้อสัตว์ยาก แต่คงจะห้ามเรื่องทานเนื้อสัตว์ได้ยาก เนื้อสัตว์ที่สามารถทานได้คือไก่เพราะไม่มีไขมันมาก หรือกินถั่วเหลืองแทนเพื่อทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์
เครื่องดื่มที่เหมาะสมกับคนเลือดกรุ๊ปเอก็คือ น้ำมะนาว น้ำแอปปริคอต น้ำแครอต น้ำเซเลรี น้ำเกรปฟรุต น้ำสัปปะรด เพราะมีวิตามินซีสูง


กรุ๊ป B
กรุ๊ป B มักมีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันของร่างกาย จึงควรกินอาหารจำพวกผักใบเขียว ตับ ไข่ นมไขมันต่ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญ
ควรดื่ม น้ำองุ่น น้ำกระหล่ำปลี น้ำแครนเบอร์รี่ น้ำมะละกอ น้ำสัปปะรด


กรุ๊ป AB
กรุ๊ปAB เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินซี เช่น บรอกโคลี เชอร์รี่ ส้มโอ เกรปฟรุต กะหล่ำปลี
ควรดื่มน้ำองุ่น น้ำแครอต น้ำเซเลรี น้ำแครนเบอร์รี่ และน้ำมะละกอ เพราะช่วยต้านมะเร็งได้





ขอบคุณเจ้าของข้อมูลมากค่ะ

 ilu ilu ilu
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 25 พฤศจิกายน 2014, 21:32:08น.



น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ & น้ำผัก : ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้ 64 ชนิด !

น้ำผักผลไม้(http://upic.me/i/gx/z48c4.jpg) (http://upic.me/show/53681689)
 

 
การรักษาโดยไม่ใช้ยา หรือที่เรียกว่า “ธรรมชาติบำบัด” ในปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการดื่มน้ำผักผลไม้สดที่กลายเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการธรรมชาติบำบัด ไม่ว่าจะเพื่อการรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย โรคที่รักษายาก หรือโรคเรื้อรัง น้ำผักผลไม้สดก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยทำให้มีสุขภาพดีเท่านั้น แต่ยังช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นอีกด้วย เนื่องจากน้ำผักผลไม้อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพ และช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
วิธีการทำน้ำผักผลไม้ คือ การทำให้น้ำและกากแยกออกจากกัน ซึ่งเราเรียกว่าการคั้น ประโยชน์ที่ได้จากการคั้นก็คือ กากในผกผลไม้ที่ย่อยไม่ได้จะถูกแยกออกไป เหลือเพียงแต่น้ำที่มีแต่สารอาหารล้วนๆ จึงมีความเข้มข้นกว่าการรับประทานสดด้วยวิธีปกติ เช่น เมื่อเรารับประทานแครอทแบบสดๆ ร่างกายของเราจะดูดซึมเบต้าแคโรทีนได้เพียง 1% ส่วนที่เหลืออีก 99% จะจับอยู่กับกากใย แต่ถ้าเป็นการคั้นน้ำแครอท กากใยเหล่านั้นจะถูกแยกออกไป คุณจึงได้รับเบต้าแคโรทีนเกือบ 100% คุณจึงมั่นใจได้ว่าการคั้นน้ำผักผลไม้ดื่มทุกวัน ร่างกายของคุณจะได้รับวิตามิน เกลือแร่ และเอนไซม์เต็มๆ

สารบัญ [แสดง]
น้ำผลไม้
น้ําผลไม้เพื่อสุขภาพ คือ ของเหลวที่อยู่ในเนื้อเยื่อของผลไม้ตามธรรมชาติ น้ำผลไม้จะได้มาจากการนำผลไม้ไปคั้นหรือปั่นผลไม้เหล่านั้นโดยไม่ใช้ความร้อนหรือตัวทำละลาย ซึ่งน้ำผลไม้สำเร็จรูปที่วางขายหลายยี่ห้อจะถูกกรองเอากากใยอาหารออก แต่น้ำผลไม้ที่มีเนื้อก็ยังคงเป็นเครื่องดื่มที่นิยม โดยอาจขายในรูปแบบเข้มข้น ซึ่งจำเป็นต้องเติมน้ำเพื่อลดความเข้มข้นจนกระทั้งอยู่ในสถานะปกติ โดยน้ำผลไม้แบบเข้มข้นมักจะมีรสชาติที่ต่างจากน้ำผลไม้คั้นสดอย่างชัดเจน

น้ำกล้วย – กล้วย เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ซึ่งล้วนแต่เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและประสาท ช่วยควบคุมความดันโลหิต เพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มความแข็งแรงสมบูรณ์ให้แก่ร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
น้ำกล้วย(http://upic.me/i/8w/hqds7.jpg) (http://upic.me/show/53681337)

น้ำกีวี่ – กีวี่อุดมไปด้วยวิตามินซี, คลอโรฟิลล์, ไฟโตเคมิคอล (Phytochemical), และแอคทินิดิน ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้หัวใจมีสุขภาพดี และช่วยลดความดันโลหิต
น้ำกีวี่(http://upic.me/i/le/q6gup.jpg) (http://upic.me/show/53681342)

น้ำเกรปฟรุต – น้ำผลไม้รสเปรี้ยวที่มีคุณสมบุติช่วยเผาผลาญไขมันและช่วยลดระดับอินซูลินซึ่งเป็นตัวการของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น การดื่มน้ำเกรปฟรุตคั้นสดก่อนมื้ออาหารทุกมือ จะช่วยทำให้น้ำหนักตัวลดลงมากกว่า 1.5 กิโลกรัม ภายใน 3 เดือน โดยที่ไม่ต้องลดอาหารหรือไดเอ็ทเลย
น้ำเกรปฟรุต(http://upic.me/i/rp/nty8f.jpg) (http://upic.me/show/53681354)

น้ำแครนเบอร์รี่ – น้ำผลไม้ชนิดนี้จะมีวิตามินซีสูง สามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และยังพบว่าน้ำแครนเบอร์รี่มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้ออีโคไลที่อยู่ในกระเพาะปัสสาวะได้อีกด้วย
น้ำแครนเบอร์รี่(http://upic.me/i/hr/7rb1o.jpg) (http://upic.me/show/53681368)

น้ำแตงโม – แตงโมมีวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา และมีวิตามินซีที่ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ปากเป็นแผล รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ทำให้สบายท้อง ช่วยลดความดันโลหิต และช่วยขับปัสสาวะ
น้ำตำลึง(http://upic.me/i/j8/fg23i.jpg) (http://upic.me/show/53681709)

น้ำแตงชนิดต่างๆ (แคนตาลูป เมล่อน แตงญี่ปุ่น) – จัดเป็นน้ำผลไม้ล้างพิษในร่างกาย มีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ มีคุณสมบัติที่มีเนื้อฉ่ำน้ำ จึงเหมาะที่จะรับประทานในยามที่ร่างกายสูญเสียน้ำ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียและเชื้อไวรัสได้อีกด้วย

น้ำแคนตาลูป  น้ำเมล่อน(http://upic.me/i/7h/8ms5j.jpg) (http://upic.me/show/53681364)
น้ำเชอร์รี่ – เชอร์รี่มีวิตามินซีสูงมาก จึงช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันได้ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยชะลอวัย ดูแลความงาม และช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
น้ำเชอร์รี่(http://upic.me/i/dt/ezpa7.jpg) (http://upic.me/show/53681409)

น้ำฝรั่ง – ฝรั่ง มีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน มีสารเบต้าแคโรทีนที่ช่วยลดสารพิษในร่างกาย ช่วยละระดับไขมันในเลือด ช่วยป้องกันการจับตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดแข็งตัว จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยเส้นเลือดอุดตัน อีกทั้งยังช่วยชะลอการลุกลามของเซลล์มะเร็ง ทำให้แผลหายเร็ว กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และป้องกันหวัดได้อีกด้วย
น้ำฝรั่ง
(http://upic.me/i/bg/wgm0w.jpg) (http://upic.me/show/53681454)

น้ำบลูเบอร์รี่ – เป็นผลไม้ที่เปี่ยมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี จึงช่วยบำรุงสุขภาพโดยรวมได้เป็นอย่างดี และยังมีผลดีต่อระบบการไหลเวียนของเลือด มีประโยชน์ต่อระบบหลอดเลือดหัวใจ
น้ำบลูเบอร์รี่(http://upic.me/i/7r/9xlwh.jpg) (http://upic.me/show/53681427)

น้ำทับทิม – ทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระที่แทบจะครบทุกชนิด จึงมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการป้องกันโรคมะเร็ง
น้ำทับทิม(http://upic.me/i/9o/wh54a.jpg) (http://upic.me/show/53681463)

น้ำลูกแพร์ – อีกหนึ่งน้ำผลไม้ที่มีสรรพคุณยอดเยี่ยมในการช่วยเสริมสร้างสุขภาพ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม ในปริมาณที่สูง ซึ่งวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายแทบทั้งสิ้น
น้ำลูกแพร์(http://upic.me/i/y5/cpt81.jpg) (http://upic.me/show/53681612)

น้ำมะขาม – มะขามมีวิตามินที่ช่วยบำรุงสายตา มีวิตามินซีที่ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน มีแคลเซียมที่ช่วยบำรุงกระดูก นอกจากนี้มะขามยังมีสรรพคุณเป็นยาแก้ไอ ช่วยขับเสมหะ เป็นยาระบายท้อง จึงช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี และยังช่วยลดอาการของโรคโลหิตจางได้อีกด้วย
น้ำมะขาม(http://upic.me/i/45/b3sag.jpg) (http://upic.me/show/53681476)


น้ำมะเฟือง – มะเฟืองมีวิตามินที่ช่วยบำรุงสายตา มีวิตามินซี ช่วยชะลอวัย ป้องกันอันมูลอิสระ ต่อต้านสารก่อมะเร็ง ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน มีฟอสฟอรัสและแคลเซียมเล็กน้อย สามารถช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงได้ นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้สม่ำเสมอ ช่วยควบคุมกล้ามเนื้อ ทำให้เลือดแข็งตัวได้ง่าย มีฤทธิ์กล่อมประสาท ช่วยระงับความฟุ้งซ่าน จึงช่วยทำให้นอนหลีบได้ง่ายขึ้น ช่วยแก้ร้อนใน ดับกระหาย ลดความร้อนในร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการของนิ่วในทางเดินปัสสาวะ ช่วยขับปัสสาวะ ขับเสมหะ และช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
น้ำมะเฟือง(http://upic.me/i/m9/81qj1.jpg) (http://upic.me/show/53681490)

น้ำมะม่วง – มะม่วง มีวิตามินเอและวิตามินซีสูงมาก ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ นอกจากนี้มะม่วงยังมีฟอสฟอรัส แคลเซียม และธาตุเหล็กเล็กน้อย นอกจากนี้ยังช่วยทำความสะอาดโลหิตอันจะทำให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น และยังช่วยบำรุงไตได้อีกด้วย
น้ำมะม่วง(http://upic.me/i/01/du8g1.jpg) (http://upic.me/show/53681510)

น้ำมะนาว – มะนาวมีวิตามินสูง ช่วยลดความเสื่อมวัยของร่างกาย ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยนำโปรตีนเข้าไปใช้งานในเซลล์ ช่วยบำรุงผิวพรรณ บำรุงสายตา ช่วยลดอาการไอ ขับเสมหะ แก้อาการเจ็บคอ แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน แก้ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ตาแดง เหงือกบวม แก้ลิ้นเป็นฝ้า แก้เมาเหล้า แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยขับลมในกระเพาะ ช่วยขจัดคราบบุหรี่
น้ำมะนาว(http://upic.me/i/xm/or2j1.jpg) (http://upic.me/show/53681480)


น้ำมะละกอ – มีประโยชน์ช่วยทำความสะอาดลำไส้และช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้น และยังเชื่อกันว่ามะละกอสามารถช่วยลดอาการซึมเศร้าได้อีกด้วย
น้ำมะละกอ(http://upic.me/i/ml/3yd21.jpg) (http://upic.me/show/53681519)

น้ำเลมอน – การดื่มน้ำเลมอนคั้นสด 1 แก้ว จะช่วยกระตุ้นให้ตับผลิตน้ำดีได้มากขึ้น ส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติตลอดทั้งวัน และยังพบว่าผู้ป่วยติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่ดื่มน้ำเลมอนเป็นประจำทุกวันจะช่วยลดขนาดก้อนนิ่วในไตได้ เนื่องจากมีฤทธิ์ละลายก้อนนิ่วในถุงน้ำดีและไต แล้วขับออกมาทางปัสสาวะ ช่วยทำให้อัตราของกรดฟอสฟอริกในปัสสาวะลดจาก 1% เหลือ 0.13% ซึ่งเป็นผลดีกับร่างกาย รวมทั้งการช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย
น้ำเลม่อน(http://upic.me/i/5f/06sti.jpg) (http://upic.me/show/53681641)

น้ำราสเบอร์รี่ – มีผลดีต่อระบบการไหลเวียนของเลือด มีประโยชน์ต่อระบบหลอดเลือดหัวใจ งช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน
น้ำราสเบอร์รี่(http://upic.me/i/7g/ebhp1.jpg) (http://upic.me/show/53681600)

น้ำส้ม – ส้มวิตามินในปริมาณมาก อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มอัตราการไหลเวียนของเลือดในร่างกายและอัตราการดูดซึมสารอาหาร ช่วยบำรุงสายตา มีวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและต้านเชื้อโรค ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ป้องกันโรคโลหิตจาง นอกจากนั้นยังมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ช่วยในการบำรุงกระดูกและฟัน มีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยลดระดับไขมันร้าย (LDL) และช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) ที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย จึงส่งผลต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายลดต่ำลง และยังพบว่าน้ำส้มคั้นสดมีส่วนช่วยลดความดันโลหิต ป้องกันโรคหัวใจ และช่วยบำรุงระบบการไหลเวียนของโลหิตและหลอดเลือด
น้ำส้ม(http://upic.me/i/gp/k8ah1.jpg) (http://upic.me/show/53681705)

น้ำสับปะรด – สับปะรดมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง จึงช่วยบำรุงกระดูกและฟัน และยังมีวิตามินซีที่ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเหงือกอักเสบ โรคปริทันต์หรือรำมะนาด มีสรรพคุณทางยาช่วยในการย่อยอาหาร ลดอาการแน่นท้อง ช่วยขับปัสสาวะ ลดอาการแผลร้อนในปาก ลดอาการอักเสบบวม ช่วยซ้อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอในร่างกาย ช่วยบำรุงข้อต่อในอวัยวะต่างๆ ช่วยบรรเทาอาการของโรคไซนัสอักเสบ โรคหลอดลมอักเสบ โรคไขข้ออักเสบ ช่วยลดอาการบวมอักเสบของข้อต่อที่หัวไหล่ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ทำให้อาการไม่เรื้อรัง
น้ำสับปะรด(http://upic.me/i/m2/nnd11.jpg) (http://upic.me/show/53681648)

น้ำสตรอเบอร์รี่ – น้ำผลไม้ที่มีผลดีต่อระบบการไหลเวียนของเลือด มีประโยชน์ต่อระบบหลอดเลือดหัวใจ และยังช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนได้อีกด้วย
น้ำสตรอเบอร์รี่(http://upic.me/i/65/pmsa1.jpg) (http://upic.me/show/53681659)

น้ำองุ่น – น้ำผลไม้สีม่วงสามารถช่วยป้องกันไม่เซลล์สมองเสื่อมและช่วยในเรื่องความจำได้ดี อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นตัวช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกาย ช่วยเสริมสร้างเซลล์ในร่างกาย และบำรุงโลหิต
น้ำองุ่น(http://upic.me/i/mu/k8yu1.jpg) (http://upic.me/show/53681673)

น้ำองุ่นคอนคอร์ด (Concord Grape Juice) – องุ่นพันธุ์นี้มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงหัวใจ และช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ดี
น้ำองุ่นคอนคอร์ด(http://upic.me/i/3x/cexe1.jpg) (http://upic.me/show/53681589)

น้ำอะโวคาโด – อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ยับยั้งการก่อมะเร็ง เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย อีกทั้งยังมีวิตามินอีสูง จึงช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวยงามชุ่มชื้น นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ร่างกายย่อยและเผาผลาญไขมันได้ดีอีกด้วย
น้ำอะโวคาโด(http://upic.me/i/cs/lx6h1.jpg) (http://upic.me/show/53681586)

น้ำแอปริคอต – ผลไม้ที่อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี มีประโยชน์ในด้านการบำรุงผิวพรรณให้สดชื่นและมีสุขภาพดี และยังช่วยป้องกันมะเร็งและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอีกด้วย


(http://upic.me/i/d0/h1o81.jpg) (http://upic.me/show/53681577)


หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 13 มีนาคม 2015, 22:53:55น.


(http://upic.me/i/tt/2gx71.jpg) (http://upic.me/show/54448279)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 21 มิถุนายน 2015, 22:44:57น.
5 อาหารที่ควรกินหลังออกกำลังกาย


บางคนออกกำลังกายแทบตายแต่มาตกม้าตายกับเรื่องอาหารการกิน นอกจากการออกกำลังกายที่พอเหมาะอาหารยังเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆ ไม่ใช่ออกกำลังกายแล้วกินอะไรก็ได้ตามใจปากนะครับ ควรกินอาหารที่มีประโยชน์และครบทั้ง 5 หมู่ด้วย

สำหรับวันนี้ผมมีอาหาร 5 อย่างที่ควรกินหลังออกกำลังกายมาฝาก เพราะหลังออกกำลังกายร่างกายต้องการบำรุงและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ พร้อมทั้งเสริมสร้างกล้ามเนื้อ อาหารที่ผมหยิบมาแนะนำในวันนี้จะมีอะไรบ้างนั้นตามมาเลย



(http://upic.me/i/pf/iu611.jpg) (http://upic.me/show/55938104)


กล้วย
ผลไม้มากคุณประโยชน์มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วย โปรตีน ธาตุเหล็ก และวิตามินเอ ที่สำคัญคาร์โบไฮเดรตในกล้วยสามารถดูดซึมได้รวดเร็ว ดังนั้นหากรับประทานกล้วยหลังออกกำลังกาย จะสามารถช่วยสร้างกล้ามเนื้อและฟื้นฟูร่างกายได้ดี

(http://upic.me/i/10/5ih12.jpg) (http://upic.me/show/55938120)


ไข่
ทราบหรือไม่ ไข่ 1 ฟองมีโปรตีนคุณภาพดี 6 กรัม และกรดอะมิโนสำคัญอีก 9 ชนิด ใครที่ชอบออกกำลังกาย ไม่ควรพลาดไข่อาหารมากคุณประโยชน์ที่หาซื้อง่าย ไม่ต้องแปลกใจที่ไม่ว่าจะเป็นนักเพาะกายหรือคนที่ชอบออกกำลังกายจะเลือกกินไข่ไก่กัน


(http://upic.me/i/to/0us14.jpg) (http://upic.me/show/55938123)


นม
เครื่องดื่มที่เหมาะสมที่สุดในการช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวหลังการออกกำลังกาย เนื่องจากนมอุดมไปด้วยโปแตสเซียมซึ่งช่วยเรื่องการเต้นของหัวใจ และการส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง ทำให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วขึ้น



(http://upic.me/i/ex/k2515.jpg) (http://upic.me/show/55938127)



แซลมอน
อีกหนึ่งอาหารที่อร่อยและมากคุณประโยชน์ แซลมอนมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด นักวิจัยในออสเตรเลียพบว่า นักปั่นจักรยานที่ได้รับไขมันปลาแซลมอนติดต่อกันถึง 8 สัปดาห์ จะมีอัตราการเต้นของหัวใจช้าลงและเกิดอาการหอบเหนื่อยน้อยลงขณะปั่นจักรยาน



(http://upic.me/i/z2/9d613.jpg) (http://upic.me/show/55938129)

น้ำเปล่า
สามารถดื่มได้ทั้งก่อนและขณะออกกำลังกาย เพราะจะช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น สำหรับปริมาณน้ำที่แนะนำให้ดื่มหลังออกกำลังกายก็คือ 2-3 แก้วนั่นเอง

ลองหาอาหารที่ผมนำมาแนะนำเหล่านี้มากินดูนะครับ ร่างกายจะได้แข็งแรง กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เสริมสร้างประโยชน์ให้แก่ร่างกายได้เต็มที่

ขอขอบคุณS! MEN ผู้สนับสนุนเนื้อหา


j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 23 กรกฎาคม 2015, 19:28:51น.


(http://upic.me/i/13/11745603_833059870123369_5398684483711396569_n.jpg) (http://upic.me/show/56270171)


 s;l s;l
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 27 กรกฎาคม 2015, 23:08:53น.

(http://upic.me/i/sc/11403109_833545613408128_2436281357949153236_n.jpg) (http://upic.me/show/56309317)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 27 กรกฎาคม 2015, 23:10:10น.

(http://upic.me/i/7r/11226558_833298866766136_8393695324945214664_n.jpg) (http://upic.me/show/56309328)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 27 กรกฎาคม 2015, 23:11:06น.

(http://upic.me/i/n9/11760150_833760263386663_787967397477801001_n.jpg) (http://upic.me/show/56309303)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 10 สิงหาคม 2015, 18:30:19น.
สีปัสสาวะ กำลังบอกอะไร?



(http://upic.me/i/f3/239sb.jpg) (http://upic.me/show/56429518)



สีปัสสาวะ กำลังบอกอะไร?

ในแต่ละวันร่างกายเราผลิตปัสสาวะ 2-3 ไพน์(1 ไพน์ เท่ากับ 568 มิลลิลิตร) ก่อนที่คุณจะฉี่หรือขับถ่ายของเสียออกมา ไตของคุณจะกรองของเสียที่ละลายอยู่ในน้ำโดยการดูดซับเอาสารอาหารที่จำเป็น ต้องเก็บไว้ เช่น น้ำตาล กลับคืนสู่ร่างกายของคุณ และปล่อยสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการเช่น สารพิษ ออกไป ของเสียที่เป็นของเหลวนี้จะไหลไปยังกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเป็นสถานที่เก็บกักจนกว่ามันจะถูกปล่อยออกไป

หากปัสสาวะของคุณมีสีน้ำตาล มันอาจจะเกิดจากการที่คุณกิน ผัก Rhubarb ถั่ว Fava หรือ ว่านหางจรเข้มากเกินไป มันอาจจะเป็นผลข้างเคียงของการรับประทานยาบางชนิดก็ได้ เช่น ยาระบาย
ยาคลายกล้ามเนื้อ และยาปฏิชีวนะ หากร้ายแรงกว่านั้น มันจจะเป็นสัญญาณว่าตับของคุณกำลังทำงานผิดปกติ มีโรคไต

หากปัสสาวะของคุณมีสีม่วง คุณอาจจะกำลังประสบกับโรคทางพันธุกรรมที่หายากเนื่องจากการทำงานผิดปกติของ ร่างกาย หรือที่เรียกว่า Porphyria โรคนี้ทำให้ร่างกายของคุณมีประสิทธิภาพในการของเอ็นไซม์ต่ำ ซึ่งเอ็นไซม์นี้มีส่วนช่วยในการสร้าง Heme ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเม็ดเลือดแดง

หากปัสสาวะมีสีเขียว มันอาจจะเกิดจากการได้รับยาชนิดใหม่หรือวิตามินใหม่ สีย้อมอาหารบางชนิดก็ไม่ถูกดูดซึมโดยร่างกาย และสามารถขับออกมาทางปัสสาวะได้ ดังนั้นสีเขียวไม่ได้แปลว่าเราต้องตระหนกตกใจแต่อย่างใด โดยเฉพาะเมื่อมีปัสสาวะสีเขียวหลังจากวันเซนต์แพทริก

หากปัสสาวะมีสีน้ำเงิน คุณอาจจะกำลังเป็น Hypercalcemia ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกิดจากความผิดปกติที่มักพบในเด็ก ซึ่งเกิดจากการมีแคลเซียมในเลือดมากเกินไป หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Blue Diaper Syndrome โรคผ้าอ้อมฟ้า ยาบางชนิดซึ่งมีส่วนประกอบของ Methylene blue ก็อาจจะทำให้ปัสสาวะมีสีน้ำเงินหรือเขียวได้เช่นเดียวกัน

หากปัสสาวะมีสีชมพูหรือแดง อาจจะแปลว่าคุณมีเลือดปนอยู่ในปัสสาวะ นั่นอาจจะเกิดจากหลากหลายอาการนับตั้งแต่ต่อมลูกหมากโต มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ หรือแม้แต่พิษจากสารตะกั่ว แต่ปัสสาวะสีแดงอาจจะเกิดจากการรักษาทางการแพทย์หลายชนิดก็ได้ หรือแม้แต่การรับประทานอาหารที่มีสีสันสดใสเช่น บีท หรือแบล็คเบอร์รี่ ซึ่งความเป็นจริงแล้วคำว่า Beeturia เป็นศัพท์ทางเทคนิคสำหรับการที่ปัสสาวะมีสีชมพูจากการทานบีทมากเกินไป

หากปัสสาวะมีสีส้ม มันอาจจะเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีมากเกินไป หรือมีแคโรทีนมากเกินไปเช่นแครอท อาจจะเกิดจากยาได้ด้วย เช่น ยาบรรเทาปวดชื่อ Pyridium ซึ่งมักสั่งให้กับผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อในทางเดินกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งจะทำให้ปัสสาวะมีสีส้มสด

โดยปกติแล้ว ปัสสาวะมีสีเหลืองหลายเฉด และมันมีสีเหลืองเนื่องจากเม็ดสีสีเหลืองนี้จาก Urobilin ซึ่งเกิดจากการแตกตัวของ Heme ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเลือดของคุณ และขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่คุณดื่มเข้าไปในแต่ละวัน ดังนั้นปัสสาวะของคุณก็อาจจะมีส่วนประกอบของ Urobilin ในปริมาณที่เจือจางหรือเข้มข้น

หากมันมีสีเหมือนน้ำผึ้ง นั่นแปลว่าร่างกายของคุณดูดซึมน้ำกลับเข้าไปเพื่อให้คุณไม่ขาดน้ำ ดังนั้นจึงมี Urobilin ในปริมาณที่เข้มข้นทำให้ปัสสาวะของคุณมีสีน้ำตาลเข้ม คุณควรจะดื่มน้ำในตอนนี้ทันที หากมันมีสีเหลืองเข้ม นี่เป็นสถานการณ์ปกติ แต่มันก็ยังมี Urobilin ในปริมาณมากอยู่ และคุณก็ยังควรต้องดื่มน้ำเร็วๆนี้ หากปัสสาวะของคุณไม่มีสี แปลว่าคุณดื่มน้ำในปริมาณมาก และนั่นอาจจะแปลว่า คุณเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์ ซึ่งทำให้ความสามารถในการดูดซึมของเหลวกลับเข้าสู่ระบบของไตคุณนั้นกำลังมี ปัญหา และนั่นแปลว่าคุณปัสสาวะเอาน้ำออกมามากไปได้

หากปัสสาวะของคุณมีสีเหลืองใส คุณเป็นปกติและได้รับน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ



ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : trueplookpanya.com


 j|a j|a j|a


หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 10 สิงหาคม 2015, 18:36:18น.

วิธีสังเกตุ ยาหมดอายุ ทำได้ง่ายๆ


(http://upic.me/i/ox/thaihealth_c_afgnrtwxy268.jpg) (http://upic.me/show/56429549)



ในการรับประทานยาสิ่งสำคัญที่ควรคำนึง เป็นอย่างมาก คือ การสังเกตว่ายาหมดอายุหรือยัง ยายังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ ยาหมดอายุบางชนิดทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารจนอาจกลายเป็นโรค กระเพาะอาหาร หรือแทนที่จะระงับโรคกลับทำให้โรคลุกลามมากขึ้น ตัวยาบางชนิดเมื่อเกิดการเสื่อมอาจก่อให้เกิดโทษและเป็นภัยแก่ร่างกาย ถึงกับทำให้ไตวายและไตอักเสบได้



ยาส่วนมากจะระบุวันที่ผลิตและวันหมดอายุไว้บนฉลาก หรือซองยาอย่างชัดเจน โดยวันที่ผลิตจะเขียนว่า Manu.Date หรือ Mfg.Date ตามด้วยวัน เดือน ปี ของวันที่ผลิตยา ส่วนวันหมดอายุจะเขียนว่า Expiry Date หรือ Used before หรือ Expiring หรือ Use by แล้วตามด้วย วัน-เดือน-ปี ของวันที่ยาหมดอายุ ตัวอย่างเช่น Exp.date 30/07/11 หมายความว่า ยาจะหมดอายุในวันที่ 30 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 2011


 
ยาบางชนิดระบุไว้เพียงวันผลิตแต่ไม่ได้ระบุ วันหมดอายุ โดยทั่วไปหากเป็นยาน้ำที่ยังไม่ได้เปิดใช้จะเก็บไว้ได้ 3 ปีนับจากวันผลิต แต่หากเปิดใช้แล้วก็ขึ้นอยู่กับว่ามีการดูแลได้ดีพอหรือไม่ เช่น การใช้ปาก จิบยาแก้ไอจากขวด (ไม่ควรทำเพราะจะไม่รู้ปริมาณยาที่แน่นอน) จะทำให้ยาปนเปื้อนและเสียได้ในเวลา 2-3 วัน หากกินโดยการเทใส่ช้อน ปิดฝาอย่างดี และเก็บไว้ในตู้เย็น สัก 3 เดือนก็ควรนำไปทิ้ง ในกรณีที่เป็น ยาเม็ดสามารถเก็บรักษาไว้ได้ 5 ปี นับจากวันที่ผลิต


 
คุณผู้อ่านพอจะรู้วิธีการดูวันหมดอายุของยาไปบ้าง แล้ว ติดตามวิธีการสังเกตยาหมดอายุที่เสื่อมคุณภาพในศุกร์สุขภาพตอนต่อไป การเฝ้าระวังหรือการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็เป็น อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ชีวิตของเราปราศจากอันตราย จากการรับประทานยาที่เสื่อมคุณภาพและหมดอายุได้อย่างแน่นอน

 

 
ที่มา : เว็บไซต์ไทยรัฐ เรื่องโดย รองศาสตราจารย์นายแพทย์อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์  คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี


 j|a j|a j|a

หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 10 สิงหาคม 2015, 18:40:07น.


ตำรับข้าวรักษาโรค ภูมิปัญญาหมอพื้นบ้านภาคอีสาน

(http://upic.me/i/3h/605_2.jpg) (http://upic.me/show/56429557)

ตำรับข้าวรักษาโรค ภูมิปัญญาหมอพื้นบ้านภาคอีสาน
          ข้าวเป็นยา บำบัดรักษาสารพัดอาการ ถือเป็นหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพ ซึ่งหมอยาพื้นบ้านสืบทอดกันมาช้านาน

          อาหาร หลักที่คนไทยทานกันทุกบ้านอย่าง ข้าว ได้รับการยอมรับจากนักโภชนาการว่ามีคุณประโยชน์ทางสารอาหารครบถ้วนในตัวเอง และก็เป็นหนึ่งในตำรับยาที่หมอยาพื้นบ้านทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือนำมาใช้ บำบัดรักษาอาการต่าง ๆ ลองมาดูข้อมูลเรื่องนี้จาก ไทยโพสต์

          ข้าว ที่มีสารอาหารครบถ้วน ต้องเป็นข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ เพราะข้าวขัดขาวสารอาหารสำคัญจะถูกขัดสีออกไปเป็นรำข้าวเกือบหมดแล้ว และทางการแพทย์แผนจีนยังกล่าวว่า ข้าวมีทั้งหยิน-หยางอย่างสมดุลในตัวเอง ถือเป็นยารักษาโรคคุณภาพดี การแพทย์พื้นบ้านหรือการแพทย์ตะวันออกของทุกชาติที่มีการบริโภคข้าวเป็น อาหารหลักจึงมักมีตำรับยาดีๆ ที่ใช้ข้าวในการรักษาโรคมากมายทั้งแบบใช้เดี่ยว ๆ หรือใช้แบบตำรับ

          ผล ผลิตจากการสีข้าวแบบขัดข้าวจะได้รำและจมูกข้าว ในสมัยก่อนมักขายเป็นหัวอาหารนำไปใช้เลี้ยงหมู เลี้ยงเป็ด ไก่ แต่เมื่อประชาชนตระหนักรู้ในความสำคัญของรำข้าวและจมูกข้าวแล้ว ก็มีการสีข้าวกล้องเพื่อลดการขัดสีจมูกข้าวลง สำหรับเป็นทางเลือกของประชาชนในการเลือกซื้อข้าวที่มีคุณค่าทางสารอาหารใน การบริโภคมากขึ้น หรือแม้กระทั่งรำและจมูกข้าวก็นำมาบีบเอาน้ำมันที่เรียกว่าน้ำมันรำข้าว ซึ่งเป็นน้ำมันคุณภาพดี สามารถนำมาใช้บำรุงผิว ทำยา และอาหาร หรือบรรจุในแคปซูลเป็นอาหารเสริมบำรุงร่างกาย




(http://upic.me/i/62/mediafile_225rice_460x300.jpg) (http://upic.me/show/56429558)


        หมอ ยาพื้นบ้านภาคอีสานได้ทำการรวบรวมตำรับยาที่ใช้ข้าวปรุงเป็นยารักษาโรคต่าง ๆ อาทิ โรคผดผื่น มดมาน โรคผิวหนัง ภูมิแพ้ ปวดหัวไมเกรน ถอนพิษจากสัตว์หรือพืช เช่น พิษงู แมงมุม แมงป่อง ตะขาบ เจ็บหัว เจ็บตา อีสุกอีใส มดลูกเป็นแผลทำให้มดลูกหดตัวแห้ง แก้ซางขโมยเด็กน้อย สมานแผล แก้ปวด แก้ไอ แก้พิษ แก้งูสวัด และบำรุงร่างกาย ซึ่งหมอพื้นบ้านต่างลงความเห็นว่าได้ผลดี และเป็นยากลางบ้านที่ชาวอีสานใช้กันบ่อย เช่น
 

           ตำรับยาใช้น้ำซาวข้าวรักษาพิษงูสวัด

งูสวัดเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากเชื้อไวรัส มีอาการคัน ๆ เจ็บ ๆ หรือปวดแสบร้อนบริเวณผิวหนัง จากนั้นเกิดอาการบวม แดง ร้อน และเริ่มพองเป็นตุ่ม น้ำใส เรียงตัวเกาะกันเป็นกลุ่ม ๆ ตุ่มน้ำใสเหล่านี้ก็จะพองโตและแตกออกกลายเป็นสะเก็ด เป็นที่ทรมานไม่น้อย ตำรับยาที่ใช้รักษา ใช้ใบเสลดพังพอนโขลกจนละเอียด ผสมกับน้ำซาวข้าว จะได้ยาลักษณะเหนียวข้น ใช้สำลีชุบน้ำยาทาบริเวณที่เป็นงูสวัดบ่อย ๆ เมื่อยาแห้งก็ทาใหม่ ประมาณ 1 อาทิตย์ก็เห็นผล ยานี้มีสรรพคุณดูดพิษงูสวัด

           ตำรับน้ำซาวข้าวผสมขิง

 รักษาอาการผด ผื่น คัน โดยนำขิงมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำซาวข้าวคนให้เข้ากัน ใช้ทาผิวหนังที่มีอาการผดผื่นคัน ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่


           ข้าวจี่ ดูดพิษดูดฝี 

ข้าวจี่คือข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลม ๆ แบน ๆ ขนาดพอเหมาะมือ นำไปปิ้งไฟ (จี่ไฟ) จนไหม้เกรียม แล้วนำข้าวนั้นมาตำกับใบลำโพง 7 ใบให้ละเอียด เวลาใช้ให้เอาน้ำซาวข้าวเป็นกระสายยา แล้วนำไปพอกบริเวณที่เป็น


          การ ใช้ข้าวเป็นยารักษาโรค มีทั้งการใช้ในรูปแบบอาหารรับประทานโดยตรง เช่น ข้าวต้ม หรือน้ำข้าวต้ม ใช้ในรูปแบบยาเข้าตำรับ หรือเป็นน้ำกระสายยา ข้อมูลจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยอุษา กลิ่นหอม และคณะ (2546) และเอกสารตำรายาอีสานโบราณของ ดร.ปรีชา พิณทอง (2536) พบว่าหมอพื้นบ้านชาวอีสานมีการใช้ข้าวเป็นยารักษาโรคต่าง ๆ ถึง 38 กลุ่มอาการ และมีตำรับยาจำนวน 330 ตำรับ โดยใช้ในการรักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับไข้มากที่สุดจำนวน 122 ตำรับ เป็นการรักษาไข้หมากไม้ 81 ตำรับ และไข้ธรรมดาจำนวน 40 ตำรับ นอกจากนี้ยังมีตำรับรักษาสัตว์เลี้ยงอีก 2 ตำรับ อาทิ


           แก้เบื่อเมา ใช้รากมะนาวฝนใส่น้ำซาวข้าว บำรุงเส้นผม ใช้น้ำซาวข้าว ใบหมี่ รากมะขามส้ม ต้มรวมกันแล้วนำไปสระผม
         
           แก้เบาหวาน ใช้แก่นสะเดา 1 ส่วน ฟางข้าวเจ้า 1 ส่วน ต้มกิน 3 วันหลังอาหาร
         
           ยาแก้หืด ใช้รากลำเจียก 1 ส่วน ทองพันชั่ง 1 ส่วน แกลบข้าวเหนียว 1 ส่วน ดินประสิว 1 ส่วน ต้มน้ำ 3 ส่วน เคี่ยวเหลือ 1 ส่วนกิน

           กินของผิดสำแดง ใช้รากย่านาง รากหมาน้อย เฟืองข้าวเจ้า รากฝาง อ้อยดำ ฝนกิน

           โรคฝี ใช้รากต้างไก่ หัวหนวดแมว น้ำข้าวจ้าวเป็นน้ำฝนทา ปวดหัว ใช้รากตดหมา เข็มขาว ฝนใส่น้ำข้าวเจ้าทา

           แก้ไอ ใช้ข้าวเจ้าป่นละเอียด 1 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน น้ำผึ้ง 1 ส่วน เอาทั้ง 3 ผสมให้เข้ากันกินแก้ไอ

          นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการใช้ข้าวเป็นยารักษาโรคจากภูมิปัญญาของหมอพื้น บ้านภาคอีสาน ที่ตระหนักว่าการเป็นหมอพื้นบ้านนั้นเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตในชุมชนที่ แสดงออกถึงการเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันในชุมชน เป็นทางเลือกในการพึ่งพาตนเองในการดูแลสุขภาพ ที่มีการสืบทอดความรู้ภูมิปัญญามาช้านาน และถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง อันเป็นกลไกสำคัญของการดำรงชีวิตที่ยังคงมิตรภาพ น้ำใจและไมตรี ที่หาได้ยากยิ่งนักในสังคมโลกปัจจุบัน

ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์


 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 10 สิงหาคม 2015, 18:43:13น.


สมุนไพรไทย กับโรคความดันสูง


(http://upic.me/i/hb/thaihealth_c_achjkltv1359.jpg) (http://upic.me/show/56429582)

โรคความดันโลหิตสูง เป็นอีกหนึ่งโรคยอดนิยมที่คนจำนวนมากมักป่วยกันและมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นสูง อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการรักษาโรคนี้นั้นนอกจากจะรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันและการทานยาควบคู่ ไปแล้วนั้น ยังสามารถรักษาได้ด้วยการทานอาหารและการทานสมุนไพรของไทยได้อีกด้วย แถมสมุนไพรที่ว่านี้ หาซื้อได้ง่าย ทานง่าย และไม่ต้องผ่านวิธีการทำที่ยุ่งยาก

ซึ่งสมุนไพรไทยรักษาความดันโลหิตสูงนั้นจะมีอะไรบ้าง และต้องรับประทานอย่างไร ไปดูกันเลย

  1. กระเทียม : อาจารย์คาริน รีด อาจารย์ประจำคณะแพทย์เวชทั่วไป แห่งมหาวิทยาลัยอเดเลด ออสเตรเลีย พบว่า สารสกัดจากกระเทียมสามารถลดความดันโลหิตลงได้ แต่ควรเป็นหัวกระเทียมแก่ เพราะหากเป็นกระเทียมอ่อนหรือกระเทียมที่ผ่านการปรุงสุกแล้ว จะได้สรรพคุณไม่เทียบเท่ากับหัวกระเทียมแก่

  2. ใบกะเพรา : คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้แนะนำให้ผู้ที่มีความดันสูงรับประทานใบกะเพราเป็นประจำ ซึ่งการรับประทานใบกะเพรามีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การนำใบมาเคี้ยวรับประทานสดๆ, นำไปคั้นแล้วผสมกับน้ำอุ่นดื่ม, นำไปตากแห้งเหมือนใบชาแล้วนำมาชงผสมกับชาและดอกคาโมมายด์ หรือจะนำไปผัดกับเนื้อสัตว์แล้วรับประทานเป็นกับข้าวก็ล้วนได้ประโยชน์

  3. กระเจี๊ยบแดง : เนื่องจากในกระเจี๊ยบแดงมีสารแอนโธ ไซยานิน (anthocyanins) ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วก็จะไปช่วยเสริมสร้างให้หลอดเลือดแข็งแรง วิธีรับประทานกระเจี๊ยบก็เพียงนำกลีบเลี้ยงของดอกกระเจี๊ยบไปตากแห้ง แล้วนำมาบดชงดื่มวันละ 3 ครั้ง เป็นประจำทุกวัน ก็จะทำให้ความดันโลหิตลดลงได้

  4. บัวบก : น้ำใบบก นอกจากจะช่วยแก้อาการช้ำในได้แล้ว ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมาย โดยเฉพาะสรรพคุณในการลดความดัน โดยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้แนะนำว่าการดื่มน้ำใบบัวบกเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ความดันโลหิตลดลงได้ แถมเจ้าบัวบกนี้ยังช่วยทำให้หลอดเลือดดำและเส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น ช่วยคลายเครียดได้ ซึ่งความเครียดนั้นเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความดันโลหิตสูง

  5. ตะไคร้ : นอกจากจะมีสรรพคุณในการขับปัสสาวะและขับลมแล้ว ยังช่วยลดความดันโลหิตได้ด้วย และกลิ่นจากน้ำมันหอมระเหยยังช่วยบรรเทาอาการปวดหัวที่เนื่องมาจากความ เครียดได้ และที่สำคัญตะไคร้ยังเป็นพืชสมุนไพรที่หาง่ายและสามารถปลูกเป็นพืชผักสวน ครัวได้

  6. ขึ้นฉ่าย : ขึ้นฉ่าย เป็นสมุนไพรที่ชาวเอเชียนำมาใช้เป็นยาลดความดันโลหิตต่อเนื่องกันมายาวนานก ว่า 2,000 ปี โดยชาวจีนและเวียดนามเชื่อว่าการรับประทานขึ้นฉ่ายวันละ 4 ต้น จะทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยขึ้นฉ่ายกับฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา พบว่าขึ้นฉ่ายมีฤทธิ์ในการลดความดันโลหิต คุมกำเนิด ยับยั้งมะเร็ง ลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้อีกด้วย

 7. ฟ้าทะลายโจร : เป็นสมุนไพรที่มากสรรพคุณจนคนที่เคยไม่ชอบมัน อาจจะเปลี่ยนความคิดได้ โดยเฉพาะสรรพคุณในการลดความดันโลหิต ซึ่งสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับฟ้าทะลายโจรและพบว่า สารสกัดจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ในการลดความดันโลหิต ช่วยในการขยายตัวของหลอดเลือด และลดอัตราการเต้นของหัวใจไม่ให้เร็วจนเกินไป

  8. ขิง : เป็นสมุนไพรโบราณที่นำมาใช้ในการรักษาโรคมากกว่า 5,000 ปี ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยย่อยอาหาร แต่ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วย ที่สำคัญควรใช้อย่างระมัดระวังเนื่องจากขิงเป็นพืชที่มีฤทธิ์ร้อน หากรับประทานมากไปอาจจะทำให้เกิดร้อนในและแผลในกระเพาะอาหารได้ นอกจากนี้ผู้ที่มีนิ่วในถุงน้ำดีและรับประทานยาละลายลิ่มเลือดควรปรึกษา แพทย์และระมัดระวังในการใช้

 9. มะกรูด : มะกรูด เป็นสมุนไพรที่มากด้วยสรรพคุณทางยา แถมยังนิยมนำส่วนของใบและน้ำของผลมะกรูดมาใช้ในการทำอาหารอีกด้วย นอกจากนี้ เภสัชกรหญิงจุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก เภสัชกร 8 วช. ศูนย์บริการการสาธารณสุข ยังได้แนะนำเอาไว้ในหนังสือ สมุนไพรลดความดันโลหิตสูง ว่ามะกรูดมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาช่วยลดความดันโลหิดและช่วยต้านเชื้อแบคเรีย โดยการนำใบมะกรูด 7-10 ใบมาต้มน้ำ ดื่มเช้าเย็นเป็นประจำทุกวันก็จะช่วยให้ความดันโลหิตเป็นปกติได้

 10. อบเชย : อบเชย สมุนไพรที่มีกลิ่นหอมหวานชนิดนี้ มีการวิจัยในญี่ปุุ่นพบว่ามันมีสรรพคุณในการช่วยลดความดันโลหิต โดยการนำผงอบเชยสำเร็จรูปหรือนำอบเชยมาบดให้เป็นผงชงกับน้ำ ดื่มเช้า เย็น และก่อนนอน นอกจากนี้อบเชยยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน


 สมุนไพรลดความดัน แม้ว่าจะดีต่อการลดระดับความดันโลหิตในร่างกายและช่วยรักษาสุขภาพของหลอด เลือดให้แข็งแรงแล้ว แต่ก็ควรเลือกรับประทานอย่างระมัดระวัง เพราะสมุนไพรบางชนิดอาจส่งผลต่อร่างกายได้หากใช้ไม่ถูกต้อง และเพื่อให้เป็นผลดีที่สุดต่อร่างกาย คุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะเริ่มนำสมุนไพรเหล่านี้มาช่วยในการลดความดันโลหิต
 
 
 
ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า
 ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต



 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 21 สิงหาคม 2015, 18:55:27น.

(http://upic.me/i/kx/58-123.jpg) (http://upic.me/show/56524180)

 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 21 สิงหาคม 2015, 18:56:03น.

(http://upic.me/i/80/58-116.jpg) (http://upic.me/show/56524231)

 lv: lv: lv:
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 21 สิงหาคม 2015, 18:56:47น.

(http://upic.me/i/hz/58-122.jpg) (http://upic.me/show/56524234)

 {"g} {"g}
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 21 สิงหาคม 2015, 19:06:58น.

(http://upic.me/i/ds/58-17.jpg) (http://upic.me/show/56524279)


บอกลากลิ่นปาก....ด้วยวิธีง่ายๆ

1. ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้ว/วัน เพราะน้ำช่วยชะล้างแบคทีเรียในน้ำลาย ดื่มน้ำมากๆ (คนที่มีกลิ่นปาก บางคนไม่ค่อยชอบดื่มน้ำ)

2. อย่าปล่อยให้ปากแห้ง ความข้มข้นของแบคทีเรียที่สะสมในปากย่อมส่งผลให้เกิดกลิ่น

3. ดื่มน้ำมะนาวช่วยได้ เพราะน้ำมะนาว เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำลาย ลดกลิ่นปาก

4. หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ

5. แปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ อย่าลืมแปรงด้านบนของลิ้นด้วย(หลายคนไม่เคยแปรงลิ้น เพราะไม่รู้ว่าลิ้นมีแบคทีเรียสะสมมากๆ) อย่าแปรงฟันแรงๆ และ ต้องเปลี่ยนแปรงสีฟันบ่อยๆหน่อย

6. หากไม่สะดวกแปรงฟัน ต้องบ้วนปากด้วยน้ำสะอาด หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง หรือ บ้วนปาก หลังอาหาร ทุกครั้ง

7. ใช้ไหมขัดฟัน อย่างน้อย 1 ครั้ง/วัน

8. เลิกบุหรี่เด็ดขาด

9. ตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ

เรื่องอาหารควรทำดังนี้ รับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ กินโยเกริ์ต และ ผัก ผลไม้ เป็นประจำ ช่วยลดกลิ่นปากได้


ข้อมูล http://www.ram-rayong.com/
ภาพประกอบ : www.manager.co.th


 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 20 กันยายน 2015, 11:57:17น.

(http://upic.me/i/8w/71a49020f5bf06a1f7175ce80623d9a7.jpg) (http://upic.me/show/56771701)




ประโยชน์ของการดื่มกาแฟสด

กาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของคนทั่วโลกก็ว่าได้ ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า กลิ่นหอม ๆ ของกาแฟนั้นทำให้เรารู้สึกอยากดื่มกาแฟสดขึ้นมาทันที

ใครที่ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ ต้องฟังทางนี้ คุณรู้หรือไม่ว่า กาแฟสดที่คุณดื่มนั้นมีประโยชน์อย่างไร

1. ดื่มกาแฟเป็นประจำช่วยป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ B ได้

2. ดื่มกาแฟเป็นประจำช่วยป้องกันโรคหอบได้

3. ดื่มกาแฟเป็นประจำช่วยลดการเกิดโรคตับจากการดื่มสุราได้

4. สารคาเฟอีนในกาแฟมีกรดอะซิติก ที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งช่องปากได้

5. ดื่มกาแฟเป็นประจำช่วยชะลอความแก่ได้ เพราะกาแฟที่เข้มข้นนั้นจะทำให้ออกไซด์แตกตัว กระตุ้นการเผาผลาญอาหารในร่างกาย

6. ดื่มกาแฟเป็นประจำช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลือดแข็งตัวได้

7. การดื่มกาแฟหลังจากรับประทานอาหารแล้วจะช่วยลดความอ้วนได้

8. ดื่มกาแฟเป็นประจำช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัวได้ จากผลการวิจัยพบว่า คนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีไขมันชนิด (HDL) เพิ่มขึ้น ซึ่งไขมันชนิดนี้จะไล่คอเลสเตอรอลออกไป จึงป้องกันหลอดเลือดแข็งตัวได้

9. ดื่มกาแฟเป็นประจำช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ เพราะกาแฟมีส่วนผสมของคาเฟอีนที่ขยายหลอดเลือด ช่วยระงับอาการปวดได้เช่นเดียวกับยาแก้ปวด และยังช่วยขับปัสสาวะ ละลายไขมันในเส้นเลือด และช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ เนื่องจากเมาสุราได้

10. ดื่มกาแฟเป็นประจำช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมอง และเพิ่มสมรรถภาพทางสมองได้ มีผู้เชี่ยวชาญสรุปผลการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาว่า ความหอมของกาแฟช่วยกระตุ้นสมองให้ทำงานได้เร็วขึ้น และมีสมาธิ ประสิทธิภาพการทำงานก็ดีขึ้น

11. ดื่มกาแฟเล็กน้อยทำให้น้ำย่อยในกระเพาะหลั่งดีขึ้น ไขมันแตกตัว หากได้ดื่มกาแฟเล็กน้อยหลังทานอาหารเสร็จ สารคาเฟอีนในกาแฟจะมีประโยชน์ต่อกระเพาะโดยตรง น้ำย่อยที่กระเพาะและตับอ่อนเพิ่มขึ้น ไขมันถูกเผาผลาญ





ขอบคุณเจ้าของข้อมูลมากค่ะ 

 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 20 กันยายน 2015, 12:00:35น.

(http://upic.me/i/l7/content-0029244-1421487317.jpg) (http://upic.me/show/56771717)


20 ประโยชน์ของกากกาแฟ ที่คุณไม่เคยรู้


หากพูดถึง "กาแฟ" นั้น คนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะวัยทำงานคงดื่มกันแทยจะทุกวันก่อนไปทำงาน เพื่อเริ่มวันที่สดใส แต่คุณรู้ไม่ว่า ในกระบวนการทำกาแฟนั้น เมื่อบดกาแฟจนได้กาแฟที่เราดื่มกันมาแล้ว มันจะมีสิ่งที่เรียกว่า "กากกาแฟ" หลงเหลืออยู่ และด้วยปริมาณการดื่มกาแฟที่มากมายในปัจจุบัน ทำให้มี "กากกาแฟ" เหลือมากเป็นเงาตามตัว วันนี้เราเลยอยากนำเอาเคล็ดลับดีๆ ในการนำเจ้า "กากกาแฟ" ที่ว่านี่มาใช้ใหม่ ไปดูกันเลยว่ามีวิธีอะไรบ้าง

1.นำมาทำ "ปุ๋ย" ใส่ต้นไม้ชั้นดี ผสมกากกาแฟครึ่งถ้วยกับน้ำอุ่นนำมาใส่ขวดสเปรย์ฉีดต้นไม้ จะเร่งโตได้ดี

2.เปลี่ยนสีให้ดอกไฮเดรนเยีย ดอกไม้ชนิดนี้จะเปลี่ยนสีถ้าค่า pH ในดินเปลี่ยน และการใส่กากกาแฟลงดิน จะสามารถลดค่า pH ได้ดี จนทำให้ดอกไม้เปลี่ยนจากสีชมพูเป็นสีน้ำเงิน

3.กันแมวไม่ให้เล่นในสวน แมวไม่ชอบกลิ่นกาแฟ และถ้าคุณเห็นว่ามีแมวเพื่อนบ้าน ชอบมาทำลายสวนคุณ แค่คุณฉีดสเปรย์จากกากกาแฟที่สวน แค่นี้ก็เรียบร้อย

4.ใช้อาบน้ำหมาไล่หมัด เห็บ ใส่กากกาแฟ 1 ช้อนชาลงในแชมพูสุนัข จะช่วยไล่เห็บ หมัด ได้!

5.ย้อมผ้าแบบธรรมชาติ

6.ใช้ขัดรอยดำของหม้อและกระทะให้สะอาด เพราะกาแฟเป็นกรด และสามารถขัดทำความสะอาดได้ดี ลองใช้กากกาแฟซักสามช้อนชา มาขัดหม้อ รับรองสะอาด

7.ใช้กำจัดกลิ่นในท่อของเสียในครัว กากกาแฟสามารถกำจัดกลิ่นได้ดี เพียงแค่เทกากกาแฟลงไป ทิ้งไว้ แค่นี้กลิ่นก็จะหายไป

8.ใช้กากกาแฟซ่อมแซมไม้ที่สีไม่เสมอกันและมีรอยได้

9.ขัดไม้ให้ดูใหม่และดูหยาบ ได้โดยใช้กากกาแฟเปียกและฝอยขัดหม้อ

10.นำถุงใส่กากกาแฟ ใส่ไว้ในรองเท้าเพื่อดับกลิ่น

11.นำมาขัดมือเพื่อดับกลิ่นหลังทำอาหารที่มีกลิ่นแรง อย่างหัวหอม หรือกระเทียม สรุปง่ายๆ ก็คือ กากกาแฟสามารถดูดกลิ่นเหม็นๆ ได้หมด

12.นำมาทำ Play doh ให้เด็กๆ เล่นแบบไร้สารพิษ

13.นำมาทำสเต็กหมูย่างกากกาแฟเป็นอาหารมื้อเย็น ก็ไม่เลวเลยทีเดียว

14.นำมาทำอาหารให้พลังงานชั้นดีได้อีกด้วย

15.เทียนไขจากกากกาแฟก็ทำได้!

16.นำมาสระผมเพื่อลดความมัน ใส่ไปในแชมพูหรือครีมนวดก็ได้แล้วสระ นอกจากนี้ ระวังถ้าคุณมีผมสีอ่อน เพราะมันอาจทำให้ผมคุณสีเข้มขึ้น

17.มาส์กผิวด้วยกากกาแฟ

18.ขัดผิวด้วยกากกาแฟ

19.ทำสบู่จากกากกาแฟก็ยังได้

20.ลบรอยค้ำใต้ตา เพราะกาเฟอีนจะช่วยให้บริเวณส่วนนั้นตื่นตัว และสดชื่นขึ้น



หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 20 กันยายน 2015, 12:07:09น.
เรามาดูกันดีกว่า 20 ประโยชน์ของกาแฟมีอะไรบ้าง


Credit : Oknation.com


1. ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจในผู้หญิง 25%
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยของสเปนพบว่า ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ 2 – 3 แก้วต่อวันมีอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มและผู้ชาย 25%
2. ลดอัตราเสี่ยงของการเป็นเบาหวาน 60%
กาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระ และยังมีสารประกอบที่เรียกว่า ควินิน (Quinines) ที่ช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตอินซูลินได้ดีขึ้น
3. ลดอัตราการเกิดภาวะความจำเสื่อม 65%
จากการวิจัยพบว่ากาแฟมีส่วนช่วยในการชะลอภาวะความจำเสื่อมโดยไปหยุดยั้งหรือต้านการจับตัวของคอเรสเตอรอล (Cholesterol) ที่เป็นผลเสียต่อร่างกาย
4. ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่ 50%
จากการศึกษาถึง 12 ปีกับผู้หญิงในญี่ปุ่นพบว่าคนที่ดื่มกาแฟ 3 แก้วหรือมากกว่าต่อวันมีแนวโน้มในการลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่
5. ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
จากการศึกษากับผู้ชายจำนวน 50,000 คนเป็นเวลา 20 ปีพบว่าคนที่ดื่มกาแฟ 6 แก้วต่อวันจะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม
6. ลดความเสี่ยงของการเป็นอัลไซเมอร์ (Alzheimer) 65%
จากการศึกษากับคนวัยกลางคนในประเทศฟินแลนด์จำนวน 1,400 พบว่าคนที่ดื่มกาแฟ 5 ถ้วยต่อวันสามารถลดอัตราเสี่ยงของการเป็นอัลไซเมอร์ 65%
7. ลดความเสี่ยงของการเป็นตับแข็ง 80%
จากการศึกษากับผู้ดื่มกาแฟจำนวน 125,000 คนพบว่าการดื่มกาแฟ 1 แก้วต่อวันทำให้ความเสี่ยงต่อการเป็นตับแข็งลดลง 20% ถ้าดื่ม 4 แก้วต่อวันจะลดอัตราเสี่ยงได้ 80%
8. ลดความเสี่ยงของการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี 50%
ผู้ชายที่ดื่มกาแฟอย่างน้อย 2 แก้วต่อวันมีแนวโน้มในการลดอัตราเสี่ยงของการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี 40%, 25% สำหรับผู้หญิงที่ดื่มกาแฟในปริมาณที่เท่ากัน และ 45% สำหรับคนที่ดื่มมากกว่า 4 แก้วต่อวัน
9. ลดความเสี่ยงของการเกิดการอุดตันในเส้นเลือดในผู้หญิง 43%
จากการศึกษากับนางพยาบาลจำนวน 83,000 คนที่ไม่เคยสูบบุหรี่และดื่มกาแฟ 4 แก้วต่อวันสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดการอุดตันในเส้นเลือด 43%
10. ลดความเสี่ยงของการเกิดอาการสั่นของอวัยวะจากระบบปราสาท
11. ลดอัตราเสี่ยงในการฆ่าตัวตายของผู้หญิง 60%
จากการศึกษาเป็นเวลา 10 ปีกับผู้หญิงจำนวน 86,000 คนพบว่าผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ 2 แก้วต่อวันสามารถลดอัตราเสี่ยงในการฆ่าตัวตายของ 60%
12. กาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยซ่อมแซมเซลต่างๆในร่างกายที่ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ
13. กาแฟช่วยให้เรารู้สึกไม่ง่วงและตื่นตัว
14. กาแฟช่วยลดความรู้สึกหนาวได้เนื่องจากคาเฟอีน (caffeine)
15. ลดการเกิดโรคหืด
16. ลดอาการปวดหัว บ่อยครั้งที่คาเฟอีน (caffeine) ถูกใช้เป็นยาแก้ปวดหัวโดยเฉพาะอาการปวดหัวจากไมเกรน (migraine)
17. บรรเทาอาการปวด การดื่มกาแฟ 2 แก้วอาจช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังจากการออกกำลังกายได้ประมาณ 58% ยาแก้ปวดหลายประเภทมีการผสมคาเฟอีน (caffeine) 65 mg เช่น aspirin, ibuprofen, acetaminophen และคาเฟอีน (caffeine) สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ 40%
18. ช่วยทำให้อารมณ์แจ่มใสขึ้น คาเฟอีน (caffeine) ที่ดื่มเข้าไปจะช่วยคลายความเครียดและทำให้อารมณ์แจ่มใสขึ้น
19. ช่วยให้ความสามารถทางการกีฬาสูงขึ้น เพราะคาเฟอีน (caffeine) มีฤทธิ์ช่วยเพิ่มความทนทานและประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อ
20. ป้องกันฟันผุ สารประกอบที่มีชื่อว่า Trigonelline ซึ่งเป็นสารที่ทำให้กาแฟมีกลิ่นหอมและรสขม มีประสิทธิภาพช่วยป้องกันแบคทีเรีย และการก่อตัวของแบคทีเรีย โดยเหตุผลนี้กาแฟจึงช่วยป้องกันฟันผุได้
ถึงแม้ว่ากาแฟจะมีสารที่มีประโยชน์มากมายแต่สารประกอบบางอย่างที่อยู่ในกาแฟอาจส่งผลกับแต่ละคนต่างกัน ดังนั้นถ้าเกิดเรามีปัญหาท้องเสียกับการดื่มกาแฟ หรืออาการอื่นๆ ก็สามารถดื่มชาแทนได้
ประโยชน์มากมายขนาดนี้ แวะมาดื่มแก้หนาวที่ร้านเราได้เลยคร้าบ



(http://upic.me/i/2q/t--19-3.jpg) (http://upic.me/show/56771743)
ภาพจาก: shutterstock
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 23 กันยายน 2015, 22:56:56น.

(http://upic.me/i/8n/10996360_780696895352163_7965242163805117435_n.jpg) (http://upic.me/show/56808025)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 23 กันยายน 2015, 22:57:22น.

(http://upic.me/i/zg/10359207_810889235666262_5167676421330469397_n.jpg) (http://upic.me/show/56808028)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 23 กันยายน 2015, 22:57:48น.

(http://upic.me/i/5j/11138537_810890468999472_6367302261743253340_n.jpg) (http://upic.me/show/56808035)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 23 กันยายน 2015, 22:58:14น.


(http://upic.me/i/xl/11133697_810889762332876_1312341407817047072_n.jpg) (http://upic.me/show/56808042)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 23 กันยายน 2015, 22:58:46น.

(http://upic.me/i/ep/11010972_810888405666345_8210706971055464721_n.jpg) (http://upic.me/show/56808053)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 23 กันยายน 2015, 22:59:10น.

(http://upic.me/i/si/10985397_810890185666167_7134468763415238261_n.jpg) (http://upic.me/show/56808062)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 23 กันยายน 2015, 22:59:54น.

(http://upic.me/i/wp/10451782_810887462333106_3312432507803900607_n.jpg) (http://upic.me/show/56808069)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 25 กันยายน 2015, 21:28:56น.
(http://upic.me/i/5j/58-11.jpg) (http://upic.me/show/56822743)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 21 ตุลาคม 2015, 22:07:13น.


(http://upic.me/i/fc/12105938_10153067360181175_8603601848908784557_n.jpg) (http://upic.me/show/57038542)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 21 ตุลาคม 2015, 22:08:22น.

(http://upic.me/i/rb/12107933_10153068482356175_129931917006921423_n.jpg) (http://upic.me/show/57038544)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 21 ตุลาคม 2015, 22:08:52น.

(http://upic.me/i/e4/12109303_10153083584206175_1261707153564791338_n.jpg) (http://upic.me/show/57038545)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 21 ตุลาคม 2015, 22:09:28น.

(http://upic.me/i/s3/12119128_10153082269876175_2733762707012881856_n.jpg) (http://upic.me/show/57038549)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 25 ตุลาคม 2015, 15:15:31น.


รู้หรือไม่...ตัดเล็บอย่างไรให้ดวงดี


(http://upic.me/i/u3/800-n.jpg) (http://upic.me/show/57064514)



เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการตัดเล็บ คือ หลังจากอาบน้ำหรือหลังจากที่มือของคุณเปียกหมาดๆ เพราะช่วงเวลานั้นเล็บของคุณจะมีความอ่อนนุ่ม จะทำให้สามารถตัดเล็บได้ง่ายขึ้น

           Tip นำเล็บไปเเช่น้ำอุ่น ทิ้งไว้ประมาณ 3-4 นาที ก่อนตัดเล็บ

การตัดเล็บที่ถูกวิธี

           เล็บนิ้วมือ ตัดให้โค้งมนไปตามนิ้วมือ อย่าตัดให้สั้น จนชิดเนื้อมากเกินไป

           เล็บนิ้วเท้า ตัดให้เป็นเเนวตรง ป้องกันเเบคทีเลียเข้าไปสะสมในซอกเล็บ เป็นการป้องกันเล็บขบไปในตัว

ข้อควรระวัง

            อย่าใช้ของเเหลม ของมีคมงัดเเงะเล็บเพราะอาจทำให้เล็บเป็นเเผลเเละเกิดการอักเสบได้


นอกจากจะดูเเล "เล็บ" ให้สุขภาพดี ด้วยการตัดเล็บให้ถูกวิธีเเล้ว  วันนี้ มีเคล็ดเสริมดวงที่เกี่ยวกับการตัดเล็บมาฝากเพื่อนๆ กันด้วยค่ะ จะตัดเล็บทั้งทีก็ต้องดูวันมงคลกันหน่อยวันไหนตัดเเล้วดีหรือไม่ดียังไงไปดูกันเลยค่ะ

วันอาทิตย์ - ดี - หากคุณตัดเล็บในวันอาทิตย์จะช่วยเสริมดวงโชคลาภ ให้มีลาภลอยเข้ามาเเบบคาดไม่ถึง จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับคุณ

วันจันทร์ - ดี - ตัดเล็บในวันนี้จะมีลาภก้อนใหญ่

วันอังคาร - ไม่ดี - ไม่ควรตัดเล็บในวันนี้เพราะเชื่อว่าเป็นวันดุ อาจจะทำให้คุณเสียเงิน เสียทอง

วันพุธ - ดี - ตัดเล็บในวันนี้จะช่วยปกป้องคุ้มครองคุณจากอันตรายต่างๆ

วันพฤหัสบดี - ไม่ดี - วันพฤหัสบดีเป็นวันครู ไม่ควรตัดเล็บในวันนี้เพราะจะทำให้ชีวิตของคุณเกิดความยุ่งยาก มีอุปสรรคมากมาย

วันศุกร์ - ดี - วันศุกร์เป็นวันดี ตัดเล็บวันนี้จะทำให้คุณมีลาภผลเพิ่มพูน

วันเสาร์ - ไม่ดี - หากตัดเล็บในวันเสาร์เชื่อว่าจะทำให้สุขภาพของคุณย่ำเเย่ โรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน



ขอบคุณสาระความรู้จาก DeeDaily


 m|y m|y
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 18 พฤศจิกายน 2015, 20:56:07น.

(http://upic.me/i/t7/11218167_882939498468739_8538589917202325532_n.jpg) (http://upic.me/show/57245086)


 y|o y|o y|o
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 26 พฤศจิกายน 2015, 22:07:27น.

(http://upic.me/i/h1/12311172_536805696481718_7365209003423610088_n.jpg) (http://upic.me/show/57305606)


 S|d'
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:49:56น.

(http://upic.me/i/b5/11139958_1088760397834752_8426784238309415970_n.jpg) (http://upic.me/show/57759511)


 lv: lv: lv:
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:50:40น.

(http://upic.me/i/dy/12107075_1088760451168080_7258603329385501917_n.jpg) (http://upic.me/show/57759516)




 m|y m|y m|y
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:51:12น.

(http://upic.me/i/1k/12109119_1088760331168092_3423617819082813054_n.jpg) (http://upic.me/show/57759517)

 f|c f|c f|c
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:51:46น.

(http://upic.me/i/n4/12027754_1077716985605760_8209219437445193865_n.jpg) (http://upic.me/show/57759526)


 |lv |lv |lv
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:52:22น.

(http://upic.me/i/lv/11885056_1061407787236680_5713509960152779738_n.jpg) (http://upic.me/show/57759528)


 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:53:02น.

(http://upic.me/i/wj/12107098_1088760951168030_2128588239123842194_n.jpg) (http://upic.me/show/57759531)


 ilu ilu ilu
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:53:27น.

(http://upic.me/i/ar/12115558_1093863403991118_7341831570749394675_n.jpg) (http://upic.me/show/57759535)


 k|a k|a k|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:54:04น.

(http://upic.me/i/my/11903857_1061408600569932_1558365560675189871_n.jpg) (http://upic.me/show/57759537)


 m|y m|y m|y
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:54:38น.

(http://upic.me/i/eo/12392001_1121544904556301_8325508080263904986_n.jpg) (http://upic.me/show/57759542)


 ks: ks: ks:
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:55:16น.

(http://upic.me/i/1o/12341613_1117922878251837_3230731100860924125_n.jpg) (http://upic.me/show/57759552)


 <t,27> <t,27> <t,27>
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:55:45น.

(http://upic.me/i/8j/12246847_1105559479488177_2077039732081940019_n.jpg) (http://upic.me/show/57759563)


 ้hp: ้hp: ้hp:
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:56:44น.

(http://upic.me/i/rb/12279179_1110006759043449_4350408436877777063_n.png) (http://upic.me/show/57759566)



 d|j d|j d|j
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:57:23น.
(http://upic.me/i/5g/1005505_1126565777387547_3562224788018624904_n.png) (http://upic.me/show/57759572)


 lv: lv: lv:
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:58:15น.

(http://upic.me/i/8w/11227514_1038919006152225_1257378545378967987_n.jpg) (http://upic.me/show/57759574)


 ilu ilu ilu
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:58:40น.

(http://upic.me/i/5d/10665174_1096530470391078_1722609732653880591_n.jpg) (http://upic.me/show/57759575)


 b|b b|b b|b
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:59:08น.

(http://upic.me/i/di/20225_1045118442198948_348952135589329967_n.jpg) (http://upic.me/show/57759581)


 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 18:59:40น.

(http://upic.me/i/77/19691_1028306477213478_2544941614485319715_n.jpg) (http://upic.me/show/57759587)


 f|c f|c f|c
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 19:00:20น.

(http://upic.me/i/i4/11745788_1046160715428054_8950219068826321197_n.jpg) (http://upic.me/show/57759594)


 lv: lv: lv:
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 19:00:56น.

(http://upic.me/i/fd/12540881_1144298318947626_2299056179065873709_n.jpg) (http://upic.me/show/57759598)

 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 19:01:33น.

(http://upic.me/i/sr/12541116_1140975692613222_3484516839672319290_n.jpg) (http://upic.me/show/57759605)


 y|o y|o y|o
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 19:02:11น.


(http://upic.me/i/82/12219355_1105562676154524_9051488405139504740_n.jpg) (http://upic.me/show/57759608)


 f|c f|c f|c
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 19:02:41น.

(http://upic.me/i/2r/12196014_1100156316695160_7623276901428144250_n.jpg) (http://upic.me/show/57759610)


 ilu ilu ilu
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 19:03:16น.

(http://upic.me/i/7y/12193501_1100158840028241_7826374506669238456_n.jpg) (http://upic.me/show/57759612)


 <t,27> <t,27> <t,27>
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 19:03:51น.

(http://upic.me/i/rd/11705192_1038918909485568_2714741115101754975_n.jpg) (http://upic.me/show/57759613)

 b|b b|b b|b
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 19:04:18น.

(http://upic.me/i/d7/11698727_1034949829882476_7805852011482018199_n.jpg) (http://upic.me/show/57759614)


 dc: dc: dc:
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 19:06:00น.

(http://upic.me/i/ez/5377_1126568330720625_1932182691519304230_n.jpg) (http://upic.me/show/57759615)


 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มกราคม 2016, 19:06:45น.

(http://upic.me/i/v1/11800175_1046256792085113_5333282721370630724_n.png) (http://upic.me/show/57759655)


 ks: ks: ks:
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 23 มีนาคม 2016, 20:32:25น.


(http://upic.me/i/f2/coffee_mate3.jpg) (http://upic.me/show/58149276)


 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 23 มีนาคม 2016, 20:33:03น.


(http://upic.me/i/lq/am789.png) (http://upic.me/show/58149227)


 lv: lv: lv:
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 มีนาคม 2016, 20:33:19น.

(http://upic.me/i/qf/k7789.png) (http://upic.me/show/58190120)

ขอบคุณเจ้าของข้อมูล
และ ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูลค่ะ


 f|c f|c f|c
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 01 พฤษภาคม 2016, 11:28:54น.
(http://upic.me/i/d8/ce446.png) (http://upic.me/show/58393081)





คือสิ่งที่เกิดขึ้น หากวางก้อนน้ำแข็งไว้บนจุดนี้ของท้ายทอยคุณ

นี่อาจเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณนั้นยังไม่เคยได้รู้กันมาก่อน ความลับนี้จะช่วยทำให้คุณรู้สึกมีพละกำลังและทำให้คุณดูอ่อนกว่าวัย ทั้งหมดนี้ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้ก้อนน้ำแข็งเพียงก้อนเดียว

ความรู้สึกที่อยู่ตรงท้ายทอยของคุณนั้น จะเชื่อมต่อกับส่วนของกะโหลกศีรษะและส่วนบนสุดของลำคอคุณ จุดนี้จะมีชื่อเรียกว่า 'เฟิงฟู่' (Feng Fu) เป็นจุดที่คุณจะต้องทำการวางก้อนน้ำแข็งลงไป

ถ้าคุณวางก้อนน้ำแข็งลงบนจุดนั้นทุกๆ วันแล้วล่ะก็ จะช่วยทำให้ร่างกายของคุณนั้นรู้สึกมีชีวิตชีวาและสุขภาพดี
และนี่คือประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากการวางก้อนน้ำแข็งลงบนท้ายทอยของคุณ

1. ช่วยในเรื่องการนอนหลับของคุณ
2. ช่วยควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของคุณ
3. ช่วยในการรักษาระบบย่อยอาหารของคุณ
4. ช่วยบรรเทาอาการหวัด
5. ช่วยเบาเทาอาการปวดหัว ปวดฟัน และปวดเมื่อยตามร่างกาย
6. ช่วยในการรักษาโรคทางเดินหายใจและโรคหลอดเลือดหัวใจ
7. ช่วยในการรักษาปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับต่อมไทรอยด์
8. ช่วยในเรื่องของอาการปวดประจำเดือน
9. ช่วยในเรื่องของสุขภาพจิต

ส่วนด้านล่างนี้จะเป็นวิธีการวางน้ำแข็งลงบนจุดเฟิงฟู่ของคุณ

เริ่มต้นด้วยการนอนคว่ำหน้า จากนั้นวางก้อนน้ำแข็งไว้บนจุดที่ท้ายทอยคุณ ถือไว้แบบนั้นเป็นเวลา 20 นาที
ถ้าคุณไม่มีเวลาพอที่จะมานอนคว่ำหน้า 20 นาที ก็สามารถใช้ผ้าพันคอพันก้อนน้ำแข็งติดไว้กับที่ท้ายทอยของคุณก็ได้ ให้ทำแบบนี้เป็นประจำทุกวันในตอนเช้าก่อนทานอาหาร และทำตอนก่อนนอน โดยการหยุดพักเบรคการทำตอนก่อนนอนครั้งละ 2 - 3 วัน

ไม่ต้องกังวลใจไป หลังจากที่คุณวางก้อนน้ำแข็งไปในช่วงเวลา 30 - 40 วินาทีแรก คุณจะรู้สึกร้อนที่จุดเฟิงฟู่ แต่คุณต้องทำต่อไปโดยห้ามหยุด อาการแบบนี้จะเกิดขึ้นเพียงแค่หนึ่งถึงสองวันแรกที่คุณนั้นเริ่มต้นทำ และในตอนที่คุณทำร่างกายของคุณจะทำการหลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมา...

ขอบคุณ Cr : Mozzsocute Socute




ขอบคุณเจ้าของข้อมูล
และ ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูลค่ะ


 rc: rc: rc:
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 08 พฤษภาคม 2016, 22:32:10น.

(http://upic.me/i/tu/z7892.png) (http://upic.me/show/58438912)


 ilu ilu ilu
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 14 พฤษภาคม 2016, 17:46:04น.

(http://upic.me/i/t4/147893.png) (http://upic.me/show/58471668)


 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 14 พฤษภาคม 2016, 17:48:31น.

(http://upic.me/i/bg/11278.png) (http://upic.me/show/58471755)


 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 14 พฤษภาคม 2016, 19:37:14น.

(http://upic.me/i/fh/77892.png) (http://upic.me/show/58472269)


 $|8
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 04 มิถุนายน 2016, 23:05:55น.

(http://upic.me/i/ui/012397.png) (http://upic.me/show/58606552)


 lv: lv: lv:
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 26 มิถุนายน 2016, 22:31:41น.

(http://upic.me/i/r0/f1024.png) (http://upic.me/show/58773838)


 lv: lv: lv:
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 26 มิถุนายน 2016, 22:32:12น.

(http://upic.me/i/uo/17893.png) (http://upic.me/show/58773860)


 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 26 มิถุนายน 2016, 22:35:30น.


คุณตักข้าวทานแบบไหน




(http://upic.me/i/go/s__950611.jpg) (http://upic.me/show/58774237)

(http://upic.me/i/nj/s__950612.jpg) (http://upic.me/show/58774239)

(http://upic.me/i/zp/s__950613.jpg) (http://upic.me/show/58774240)

(http://upic.me/i/dn/s__950614.jpg) (http://upic.me/show/58774241)




(http://upic.me/i/s1/001340_30.gif) (http://upic.me/show/213008)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 23 กรกฎาคม 2016, 21:09:08น.

(http://upic.me/i/3k/12368.png) (http://upic.me/show/58979583)


 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 06 สิงหาคม 2016, 22:38:10น.


(http://upic.me/i/lr/qb441.png) (http://upic.me/show/59082834)



(http://upic.me/i/cp/rakyim.png) (http://upic.me/show/48919147)
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 06 สิงหาคม 2016, 22:38:43น.

(http://upic.me/i/lg/4mx42.png) (http://upic.me/show/59082846)

 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 08 ตุลาคม 2016, 10:17:49น.

(http://upic.me/i/9c/x1145.png) (http://upic.me/show/59499850)


 ilu ilu ilu
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 02 มีนาคม 2017, 21:27:49น.

(http://upic.me/i/8g/deu10.jpg) (http://upic.me/show/60413348)


 lv: lv: lv:
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 02 มีนาคม 2017, 21:28:25น.

(http://upic.me/i/7a/6gb16.jpg) (http://upic.me/show/60413357)


 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 26 เมษายน 2017, 22:05:42น.

6 เคล็ดลับ สุขภาพดีย้อนวัย



(http://upic.me/i/6q/thaihealth_c_beijknoqz568.jpg) (http://upic.me/show/60712350)


แม้จะเหนื่อยกายกับงานที่รัดตัว และเพลียใจกับปัญหาจราจร มลพิษ เศรษฐกิจ และสังคมรอบข้าง แต่หนุ่มสาวรุ่นใหญ่วัยใกล้เกษียณ ต้องไม่ลืมดูแลสุขภาพให้ฟิตแข็งแรง ต่อต้านสัญญาณแห่งความร่วงโรยของวัย
ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยบนใบหน้า ถุงใต้ตา จุดด่างดำ อาการผมบาง ผิวพรรณที่เริ่มหย่อนคล้อย หรือกระดูกไม่แข็งแรง ไม่คล่องแคล่วเหมือนแต่ก่อน มีเคล็ดลับดีๆ ในการดูแลตัวเองให้สวยสุขภาพดีแบบย้อนวัยมาฝาก ดังนี้


1.ดื่มนมที่มีส่วนผสมของคุณค่าจากธรรมชาติ นมเป็นอาหารที่มีคุณค่าสำหรับคน ทุกเพศทุกวัย เป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ รวมทั้งคาร์โบไฮเดรต แคลเซียมและฟอสฟอรัส และวิตามินต่างๆ สำหรับผู้หญิงวัยทำงานที่ต้องใช้สมองและความแข็งแรงของร่างกายและกระดูก จึงควรดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ด้วยการดื่มนมที่มีแคลเซียมสูงและมีส่วนผสมของคุณค่าจากธรรมชาติ เพื่อให้ได้ประโยชน์เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายในวัยนี้ เช่น นมผสมชาขาว ที่มีคุณค่าในการต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอวัย ปกป้องผิวพรรณ หรือนมผสมมอลต์สกัด มีคุณค่าทางโภชนาการสูงบำรุงร่างกายและให้พลังงาน


2.กินอาหารคลีน คือ อาหารที่มาจากธรรมชาติ มีการปรุงแต่งน้อยและมีประโยชน์ต่อร่างกาย วิธีการปรุงอาหารคลีน เริ่มจากการเลือกทำอาหารจากวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ ไม่มีการปรุงแต่ง หรือขัดสีให้น้อยที่สุด เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต เลือกบริโภคโปรตีนไม่ติดมัน ไขมันดี เช่น น้ำมันปลา น้ำมันมะกอก ปรุงรสชาติเฉพาะเท่าที่จำเป็น เช่น การใช้น้ำมันจากธรรมชาติ ไม่ ปรุงรสเค็มจัด เผ็ดจัด หวานจัดจนเกินไป แบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อย่อย 4-6 มื้อใน 1 วัน เริ่มจากอาหารเช้า หลังตื่นนอนภายใน 1-3 ชั่วโมง อาหารกลางวัน และอาหารมื้อย่อยๆ มื้อเย็น และมื้อค่ำ ควบคุมสัดส่วนของอาหารให้พอดีไม่ใหญ่จนเกินไป รับประทานผักผลไม้มากๆ แหล่งรวมวิตามินเกลือแร่และไฟเบอร์ ดื่มน้ำสะอาดวันละ 2-3 ลิตร เพื่อให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานอย่างเป็นปกติ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป


3.เลิกสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่เต็มไปด้วยนิโคติน ซึ่งเป็นสารเสพติด และสารก่อมะเร็ง ยิ่งสูบบุหรี่นานเท่าไรก็จะบั่นทอนชีวิตให้สั้นลง ดังนั้น การเลิกสูบบุหรี่ก็เป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้สุขภาพเราดียิ่งขึ้นอีกด้วย


4.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เช่น ไวน์ เหล้า แอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายทำงานไม่เป็นปกติ มีผลต่อความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ ทำให้สมองฝ่อ น้ำหนักเกิน ไม่ดีกับตับ มีผลต่อกล้ามเนื้อและกระดูกใน ระยะยาว


5.กำจัดความเครียด ผู้ที่มีความเครียด จะทำให้แก่เร็ว และมีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ โรคระบบทางเดินอาหาร ระบบประสาทและโรคมะเร็ง วิธีง่ายๆ ก็คือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน หรือทำงานอดิเรกที่คุณชื่นชอบ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ร้องเพลง เล่นดนตรี ปลูกต้นไม้ หรือนั่งสมาธิ


6.พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับถือเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่ดีที่สุด เราใช้เวลาถึงหนึ่งในสามของแต่ละวันไปกับการนอนหลับ นอกจากจะช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนแล้ว ยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังหรืออวัยวะที่สึกหรอของเราและยังช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนของร่างกายด้วย ช่วงการนอนหลับช่วยให้อวัยวะส่วนใหญ่ได้หยุดพักและช่วยให้อวัยวะที่ต้องทำงานตลอดเวลา เช่น หัวใจ ปอด และสมอง ใช้พลังงานน้อยลงซึ่งเป็นการลดการเกิดอนุมูลอิสระได้ทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีสาระสำคัญต่างๆ ที่ร่างกายหลั่งออกมาในช่วงระยะเวลาดังกล่าว เช่น สารเมลาโทนิน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตและยังมีหน้าที่ควบคุมการนอนหลับอีกด้วย ถ้าคนเราอดนอนหรือนอนหลับไม่เพียงพอก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกายรวมทั้งผิวพรรณด้อยลง ดังนั้น จึงควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง

ได้เคล็ดลับดูแลสุขภาพให้ดูดีย้อนวัยแบบนี้ แล้วรีบนำไปปฏิบัติด่วน เพื่อให้สวยสมวัยสุขภาพดีแข็งแรงไม่มีโรคภัยมาแผ้วพานเข้าสู่วัยผู้ใหญ่อย่างสง่างามไม่เป็นภาระลูกหลาน




(http://upic.me/i/2i/066666.jpg) (http://upic.me/show/57122088)

หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 เมษายน 2017, 08:02:16น.


(http://upic.me/i/9q/91642.png) (http://upic.me/show/60723815)


 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 เมษายน 2017, 08:02:54น.


(http://upic.me/i/7j/9gb47.png) (http://upic.me/show/60724951)


 f|c f|c f|c
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 พฤษภาคม 2017, 20:49:42น.



(http://upic.me/i/rv/j5x57.png) (http://upic.me/show/60792695)


(http://upic.me/i/hu/cooltext239414603764401.png) (http://upic.me/show/60618060)

หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 01 กรกฎาคม 2017, 20:29:51น.


(http://upic.me/i/h0/75f44.png) (http://upic.me/show/61068135)


 j|a j|a j|a
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 01 กรกฎาคม 2017, 20:30:26น.

(http://upic.me/i/pa/39a11.png) (http://upic.me/show/61063533)


 |ra
หัวข้อ: Re: มาดูแล สุขภาพกันนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 09 มกราคม 2020, 15:36:37น.

(https://4upic.com/images/2020/01/09/abJfle.jpg) (https://4upic.com/image/abJfle)




เคล็ดลับวิธีดูแลสุขภาพ มีดังนี้


บริหารร่างกายในช่วงเช้า : เริ่มต้นจากตอนตื่นนอนให้บิดขี้เกียจก่อน 1 ครั้ง

การบิดขี้เกียจถือว่าเป็นกิจวัตรประจำวันที่จะกลายมาเป็นส่วนเสริมความสมบูรณ์แข็งแรงให้แก่สุขภาพร่างกาย เป็นการบริหารร่างกายด้วยท่าที่ง่ายพร้อมกับการหายใจเข้า-ออกอย่างช้าๆ ผสมผสานกับการยืดและคลายของกล้ามเนื้อทุกอิริยาบถ ทำให้จิตใจสงบเมื่อปฏิบัติอย่างถูกต้องประจำ

ทำให้กระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อที่คดงอหรือบิดเกร็งจากการทำงาน ปรับตัวคลายเข้าสู่สภาวะสมดุล สมองและอวัยวะต่างๆ ได้รับออกซิเจนมากขึ้น ทำให้เลือดหมุนเวียนหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การขับถ่ายของเสียจากเนื้อเยื่อทั่วร่างกายเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่ง เบาสบาย ผิวพรรณเปล่งปลั่ง จิตใจผ่องใส และช่วยป้องกันความเจ็บป่วยนานาชนิด โดยตอนตื่นเราอาจจะบิดขี้เกียจ 1 ครั้งแล้วต่อด้วยการโยคะประมาณ 15 นาที เพียงเท่านี้ ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในวันทำงานแล้ว

บริหารร่างกายในช่วงเย็น : แนะนำว่าให้ออกกำลังกายหนักประเภทเข้ายิมหรือฟิตเนส บริหารร่างกายให้สามารถเรียกเหงื่อได้ ประมาณ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง แต่ถ้าในกรณีที่จะต้องเดินทางไปทำงานต่างที่ มีพื้นที่จำกัดและไม่สามารถเข้ายิมหรือฟิตเนสได้ ก็ควรจะออกกำลังกายแบบ Body Weight แทน คือ ยกดรัมเบลอยู่กับที่ ออกกำลังกายประเภทที่ใช้พื้นที่ไม่เยอะมาก ก็สามารถบริหารร่างกายได้ดีแม้มีพื้นที่จำกัด

การดูแลสุขภาพใจ : นอกจากสุขภาพร่างกายแล้ว ให้ดูแลบำรุงสุขภาพใจด้วย แนะนำว่าให้ฝึกสมาธิ รับรู้ในทุกขณะจิต ฝึกการรับฟังให้มากเพื่อสร้างความเข้าใจอย่างมีสติ เคล็ดลับ คือ การนำเอาหลักธรรมมะของพระพุทธศาสนาเข้ามาช่วยให้ เราสามารถคิดวิเคราะห์เรื่องต่างๆ ได้อย่างละเอียดอ่อนและมีหลักธรรม รู้จักปล่อยวาง ทั้งนี้นอกจากดูแลสุขภาพใจตนเองให้ดีแล้ว ก็ต้องหมั่นดูแลสุขภาพใจบุคคลรอบข้างด้วย สำหรับท่านที่อยู่ไกลกันหรือไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน ก็ควรติดต่อสื่อสารหากันอย่างสม่ำเสมอ ใช้วิธีการแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ด้วยคำพูดดีๆ เล่าสู่กันฟังจะสามารถก่อให้เกิดความรู้สึกด้านบวกมากยิ่งขึ้น

การดูแลการทานอาหาร : เน้นการรับประทานผักและผลไม้ให้มาก จะทำให้นอนหลับสบาย ขับถ่ายปกติ หรือทานวิตามินเสริมมาเป็นตัวช่วยก็ได้ เช่น วิตามินในส่วนที่เราขาดในการบำรุงต่างๆ วิตามินซี วิตาบี หรือ วิตามินรวม

แค่เพียงเท่านี้ก็ทำให้สุขภาพดีได้แม้ต้องทำงานหนัก แต่ต้องปฎิบัติให้อยู่ในความเหมาะสม อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ มีวินัยกับการบริหารร่างกาย ควบคุมการทานอาหาร และบริหารเวลาทำงานให้เหมาะสม



ที่มา: พบหมอรามา 14 ส.ค. 58 Rama Care/Star care เคล็ดลับสุขภาพดี โดย คุณหลิว นันทนา เกษตรธรรม

(https://4upic.com/images/2020/01/09/abJahy.jpg) (https://4upic.com/image/abJahy)