บ้านหลังนี้อยู่แล้วรวย...เต็มได้ด้วยน้ำใจ > เลขทำนายฝัน

ความรู้เรื่องความฝันตามตำราโบราณ

(1/2) > >>

Namtaan:
ความรู้เรื่องความฝันตามตำราโบราณ



ต้นเหตุของความฝัน

คัมภีร์โบราณได้อธิบายว่า มีมูลเหตุอะไรบ้างที่ทำให้เกิดเป้นความฝันขึ้นมา มูลเหตุของความฝันนั้นเกิดขึ้นได้ดังนี้
ความฝันเกิด เพราะธาตุไม่ปกติ(ธาตุพิการ) ความฝันแบบนี้เป็นเพราะกายไม่ปกติ ใจไม่ปกติ กายใจของผู้ฝันจึงมีอันเกิดขึ้นมา ซึ่งโดยมากเป็นความฝันร้าย เป็นฝันไม่ค่อยดีเท่าไร จะทำให้เป็นทุกข์ เกิดความกังวล
ความฝันเกิด เพราะมีอารมณ์จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความฝันอย่างนี้เป็นเพราะอารมณ์จิตใจของผู้ฝันได้ผูกพัน กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่อย่างมากตลอดเวลา เมื่อหลับไปก็เกิดความฝันในสิ่งนั้น ในเรื่องนั้น ที่ผู้ฝันฝักใฝ่อยู่ หรือได้พบเห็นแล้วจดจำโดยไม่มีวันลืม
ความฝันเกิด ขึ้นเพราะเทวดาบันดาล ความฝันเช่นนี้เป็นเพราะเทวดาผู้ปกปักรักษาคุ้มครองธรรมะ ได้ดลบันดาลให้ผู้ฝันเกิดความฝันไป เพื่อสำแดงแจ้งเหตุการณ์ล่วงหน้า โดยเฉพาะเรื่องมงคล แต่ถ้าเป็นฝันร้ายเรื่องร้ายก็เป็นเหมือนการตักเตือนผู้ฝันให้ระวังภัยและป้องกัน
ความฝันเกิดขึ้น เพราะอำนาจจิตของผู้ฝันเอง ซึ่งจะเป็นกุศลจิต หรืออกุศลจิตก็ตาม เพื่อบอกเหตุดี หรือเหตุร้ายล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้นในกาลข้างหน้า




วันของความฝัน
ฝันวันอาทิตย์ ท่านฝันคืนวันอาทิตย์ ผลของความฝันนั้นจะเกิดกับคนอื่นๆ
ฝันวันจันทร์ ท่านฝันคืนวัน จันทร์ ผลของความฝันนั้นจะเกิดกับญาติหรือเพื่อนฝูงของท่าน
ฝันวันอังคาร ท่านฝันคืนวันอังคาร ผลของความฝันนั้นจะเกิดกับพ่อแม่พี่น้องของท่าน
ฝันวันพุธ ท่านฝันคืนวันพุธ ผลของความฝันนั้นจะเกิดกับ บุตรและภรรยาหรือสามีของท่าน
ฝันวันพฤหัสบดี ท่านฝันคืนวันพฤหัสบดี ผลของความฝันนั้นจะเกิดกับ ครู อาจารย์ หรือผู้ที่ให้ความเคารพ
ฝันวันศุกร์ ท่านฝันคืนวันศุกร์ ผลของความฝันนั้นจะเกิดกับสัตว์เลี้ยงของท่าน
ฝันวันเสาร์ ท่านฝันคืนวันเสาร์ ผลของความฝันนั้นจะเกิดกับตัวท่านเอง

สูตรวันของความฝันนี้ทดสอบแล้ว กับผู้ทำนายฝันเอง และทดสอบกับผู้อื่นแล้วมามากมาย กว่า 30 ปี พบว่า ส่วนใหญ่ หากผู้ฝัน ฝันเอง จะเกี่ยวข้องกับตัวผู้ฝัน 50 เปอร์เซนต์ และเกี่ยวข้องกับคนอื่นๆตามตำรา หากฝันวันเสาร์เกี่ยวข้องกับผู้ฝัน 100 เปอร์เซนต์



เวลาที่ท่านฝัน
ฝันเวลาหัวคํ่า หรือเวลาสองยาม เป็นฝันที่ไม่อาจเป็นจริงไปได้ เพราะว่าท้องใส้ไม่ปกติ ทำให้ความฝันวุ่น จิตใจวุ่น แต่ถ้าหลับสนิทบางทีก็จริง
ฝันเวลายามสี่ เป็นความฝันที่เป็นจริง ตามที่ท่านฝันดีหรือฝันร้าย (ถ้าท่านฝันร้ายก็ขอให้แก้ฝันกับแม่พระคงคา คือสระผม อาบนํ้า ล้างหน้าทันทีที่ท่านตื่นนอน ฝันร้ายก็จะกลายเป็นดี และถ้าเป้นฝันดีก็จะมีโชคลาภเป็นอันมาก)
ฝันเวลากลางวัน ไม่จำเป็นต้องเชื่อฝันกลางวัน(ความฝันที่นิยมถือเป็นความจริงได้ ต้องฝันเวลากลางคืนไม่มีแสงอาทิตย์) อนึ่งลาภ ลาภ เป็นของมีค่าหรือเงินทองที่ได้มาโดยไม่คาดฝัน หรืดค้าขายได้กำไรมากมายอย่างไม่นึกฝัน โชค หมายถึงคราวหรือจังหวะ ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี ขึ้นอยู่กับดวงชะตาของผู้นั้นเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าได้ระมัดระวังตัวดี แล้วก็จะดีได้


เท่าที่ผู้ทำนายฝันเองได้สังเกตุ ความฝันมาตั้งแต่เด็ก ผ่านมากว่า 30 ปีแล้วกับการทำนายฝัน พบว่า ความฝันในช่วงเวลา ตี 3.30 ถึงตี 5.30 น. เป็นความฝันที่เป็นความจริง เพราะความฝันในช่วงเวลานี้ เทพ เทวดา เจ้าที่ เจ้าทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือญาติ พี่น้อง วิญญาณต่างๆ ที่ถูกควบคุมมาเพื่อบอกกล่าว มักจะมาเข้าฝันในเวลานี้ เหตุนี้เป็นประสบการณ์จริงของผู้ทำนายฝันเองที่เห็นมาตลอดการทำนายฝัน





Namtaan:


ความฝันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ศาสตร์การทำนายฝันคือการนำเอาความฝันมาตีความ ทำนายฝันแม่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการ ทำนายฝันเลขเด็ด ทำนายความฝัน ดูดวงทำนายฝัน ดูทำนายฝัน มีทำนายฝัน ทำนายฝันเลขเด็ด ทำนายฝันงู ทำนายฝันวันไม่รู้ และ ทำนายฝันฟันหัก ไม่ว่าความฝันของท่านคืออะไรที่นี้มีคำตอบให้ เพราะนี้คือศูนย์รวมแห่งศาสตร์การทำนายฝัน ผู้ทำนายฝัน ขอใส่ประสบการณ์ทำนายฝันจริงของผู้ทำนายฝันที่จะเพิ่มพูนความรู้ทำนายฝันที่แตกแขนงการทำนายฝันออกมาให้เห็น ความรู้ทำนายฝันนี้ เป็นประสบการณ์จริงของผู้ทำนายฝัน ว.วรันณ์ธร เจ้าของเว็บ Goosiam.com นั้น พบว่าความฝัน ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่มีบางอย่างทำให้เกิดความฝันขึ้น ความฝันของแต่ละคนนั้น เกิดได้หลากหลายประการ โดยความฝันนั้นจะมีผู้ควบคุมความฝันอยู่ เช่น ความฝันเกิดจากสภาพร่างกายเจ็บป่วยทางกาย เจ็บป่วยทางใจ ความฝันเกิดจากการจดจำจากสิ่งทีผ่านมาในแต่ละวัน ความฝันเกิดจากเจ้ากรรมนายเวร ความฝันเกิดจากการบอกเหตุจากเทพ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ความฝันเกิดจากองค์เทพประจำตัวของแต่ละบุคคลนั้นๆ บางคนจะเห็นอนาคตล่วงหน้าในความฝัน และต่อมาก็เจอจริงตามที่ฝัน ความฝันจากการถูกควบคุมมาโดยเทวดา ยมทูตที่มีหน้าที่ควบคุมวิญญาณจะนำพามาให้เข้าฝันบุคคลนั้นให้บอกเหตุ บอกลา บอกสิ่งต่างๆ ที่วิญญาณนั้นต้องการให้ทราบ วิญญาณต่างๆนั้นจะมีผู้ควบคุมมาไม่ได้มาได้เอง วิญญาณจากจากเจ้ากรรมนายเวร หากเข้ามาเล่นงานในความฝัน ผู้ควบคุมความฝันก็ไม่ห้าม เพราะเป็นการชดใช้เวรกรรมต่อกัน ตามกฎแห่งกรรมที่ถูกกำหนดไว้ ความฝันหลายอย่างที่คนไม่รู้ มีเยอะมากมายที่ผมดูแล้วยังไม่ได้รับการถ่ายทอดสิ่งใหม่ๆในเรื่องความฝัน ดูแล้วการอ้างอิงจากตำราเป็นส่วนใหญ่ คนที่รู้จักความฝันไม่ได้เผยแพร่สิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้น หรือไม่มีช่องทางให้เผยแพร่ คนมีความรู้ในการทำนายฝัน ตายไปความรู้ทำนายฝันก็สาปสูญหายไป

คนที่ฝันร้ายบ่อยๆ นอนไม่หลับ โดนรบกวนบ่อยเวลานอน ควรบูชาพระประจำวันเกิด เขียนชื่อ สกุล ของตนเอง ฝังไว้ใต้ฐานพระ และนำไปถวายวัดที่ปฎิบัติ ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น ฝากพระประจำวันเกิดที่ท่านถวายนำไปไว้ที่โบสถ์ สิ่งต่างๆที่รบกวนจะหายไป หรือดีขึ้น เพราะท่านจะมีทั้งพระประจำวันเกิด และพระเกตุ คุ้มครองท่าน




ความรู้เรื่องความฝันตามตำราโบราณ
หากความฝันเกิด เพราะธาตุไม่ปกติ  (ธาตุพิการ) ความฝันแบบนี้เป็นเพราะกายไม่ปกติ ใจไม่ปกติ กายใจของผู้ฝันจึงมีอันเกิดขึ้นมา ซึ่งโดยมากเป็นความฝันร้าย เป็นฝันไม่ค่อยดีเท่าไร จะทำให้เป็นทุกข์ เกิดความกังวล ความฝันแบบนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ จึงไม่ต้องใช้หลักทำนายฝัน หากใช้ทำนายฝันก็จะไม่ค่อยได้ผลนัก
หากความฝันเกิด เพราะมีอารมณ์จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความฝันอย่างนี้เป็นเพราะอารมณ์จิตใจของผู้ฝันได้ผูกพัน กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่อย่างมากตลอดเวลา เมื่อหลับไปก็เกิดความฝันในสิ่งนั้น ในเรื่องนั้น ที่ผู้ฝันฝักใฝ่อยู่ หรือได้พบเห็นแล้วจดจำโดยไม่มีวันลืม ความฝันแบบนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ จึงไม่ต้องใช้หลักทำนายฝัน หากใช้ทำนายฝันก็ไม่ค่อยได้ผลนัก
หากความฝันเกิด ขึ้นเพราะเทวดาบันดาล ความฝันเช่นนี้เป็นเพราะเทวดาผู้ปกปักรักษาคุ้มครองธรรมะ ได้ดลบันดาลให้ผู้ฝันเกิดความฝันไป เพื่อสำแดงแจ้งเหตุการณ์ล่วงหน้า โดยเฉพาะเรื่องมงคล แต่ถ้าเป็นฝันร้ายเรื่องร้ายก็เป็นเหมือนการตักเตือนผู้ฝันให้ระวังภัยและป้องกัน ความฝันแบบนี้น่าเชื่อถือ ควรใช้หลักการทำนายฝัน มีความแม่นยำมากในการทำนายฝัน
หากความฝันเกิดขึ้น เพราะอำนาจจิตของผู้ฝันเอง ซึ่งจะเป็นกุศลจิต หรืออกุศลจิตก็ตาม เพื่อบอกเหตุดี หรือเหตุร้ายล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้นในกาลข้างหน้า ฝันลักษณะแบบนี้มักมาจากจิตใต้สำนัก ความฝันนี้น่าเชื่อถือในระดับปานกลาง สามารถใช้หลักทำนายฝันได้ ความแม่นยำอยู่ในระดับปานกลาง





Namtaan:

ฝันตอนไหนบอกอะไรคุณได้บ้าง?



จาก Internet สนับสนุนเนื้อหา ความฝัน หลายครั้งที่เราฝันในช่วงที่กำลังหลับแบบไม่รู้ตัว เมื่อตื่นมาเราก็อาจจะจำได้บ้าง หรือบางทีเรื่องราวเหล่านั้นก็เลือนรางเต็มที
ความฝัน หลายครั้งที่เราฝันในช่วงที่กำลังหลับแบบไม่รู้ตัว เมื่อตื่นมาเราก็อาจจะจำได้บ้าง หรือบางทีเรื่องราวเหล่านั้นก็เลือนรางเต็มที ยิ่งไปกว่านั้นพอตื่นมาแล้วก็มีเหตุการณ์ที่คล้ายๆ กับเรื่องราวที่คุณเพิ่งฝันไป

เหมือนคำที่พูดว่า “ฝันที่เป็นจริง” แล้วอย่างนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ฝันเวลาไหนจะแม่น ฝันตอนไหนจะเป็นจริง? เรามีคำตอบมาฝากกันค่ะ






ฝันตอนไหนบอกอะไรคุณได้บ้าง?

เมื่อความฝันสัมพันธ์กับเวลา

ฝันตอนดึก นับตั้งแต่เวลา 22.00 น. - 02.00 น. ความฝันนี้จะมีความจริงปรากฏขึ้น ในเวลาประมาณ 1-3 เดือนข้างหน้าอย่างแน่นอน

ฝันตอนรุ่งสว่าง นับตั้งแต่เวลา 02.00 น. ไปจนถึงสว่าง ฝันนี้จะพบความจริงโดยเร็ว ไม่เกิน3 วัน หรือไม่เกิน 15 วัน

ฝันตอนหัวค่ำ นับเวลาตั้งแต่ 18.00 น. – 22.00 น. ความฝันนี้จะปรากฏความจริง ต้องกินเวลานานหน่อย อาจใช้เวลาครึ่งปี หรือหนึ่งปีขึ้นไป

ฝันตอนกลางวัน ความฝันแบบนี้ไม่เป็นที่ยอมรับในนิมิตที่เกิดขึ้นมักไม่เป็นความจริง อย่างที่มีการล้อเลียนคนที่ปรารถนาจะมีโชคหรืออยากได้ในสิ่งที่เกินความสามารถของตนว่า ฝันกลางวันไปแล้ว



ขอบคุณข้อมูลจาก : Horolive


 j|a j|a

Namtaan:


8 วิธีหลับฝันดี

เรื่องโดย ศรัณยู นกแก้ว

การนอนนับได้ว่าเป็นพื้นฐานสำคัญของการเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใสและเต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งสติ แต่ทราบหรือไม่ว่า ประชากรในยุค 2010 กลับต้องเผชิญปัญหานอนไม่หลับอันเนื่องมาจากความเครียด ความผกผันทางการเมือง สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ สภาพสังคมที่ย้ำแย่ และเศรษฐกิจที่ตกต่ำ

ยกตัวอย่างแค่สหรัฐอเมริกาประเทศเดียวมีประชากรถึง 35 ล้านคนที่ต้องประสบปัญหาการนอน โดย 1 ใน 4 ของผู้ที่นอนไม่หลับมีอาการหนัก ถึงขั้นตอนพึ่งพาแพทย์และการกินยาเพื่อให้นอนหลับฝันดี

และก่อนที่การนอนไม่หลับจะบั่นทอนคุณภาพชีวิตและคุณภาพการทำงานมากไปกว่านี้ ขอชวนผู้อ่านมาสร้างฝันดีที่ไม่ต้องพึ่งยา ไม่ต้องพบแพทย์ ทว่าสามารถเริ่มต้นง่าย ๆ เดี๋ยวนี้ด้วยตัวของคุณเอง

1.  ปรับเปลี่ยนนาฬิกาชีวิต วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหานอนไม่หลับ หรือหลับๆ ตื่นๆ ได้แก่ การปรับเปลี่ยน นาฬิกาชีวิต ( Biological clock ) เสียใหม่ เพราะแม้ว่านาฬิกาทั่วไปจะบอกเวลาดึกดื่นแค่ไหน แต่ถ้านาฬิกาในร่างกายรับรู้ว่านี่ยังไม่ใช่เวลานอน เราก็จะไม่รู้สึกง่วง ต่อให้ข่มตานอนอย่างไรก็ไม่หลับ ทางแก้ที่ได้ผลชะงัดคือต้องพยายามบังคับตัวเองให้เข้านอนและตื่นนอนเป็นเวลาทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อปรับนาฬิกาชีวิตให้คงที่ ซึ่งนาฬิกาชีวิตที่ว่านี้ เป็นตัวสำคัญในการควบคุมการหลั่งฮอร์โมนเพื่อควบคุมการทำงานของส่วนต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งหมายรวมถึงการง่วงนอนและการนอนหลับด้วย

ดังนั้น ถ้านาฬิกาชีวิตเราเดินตรงทุกวัน ก็เท่ากับว่าร่างกายเราจะรู้สึกง่วงนอนและตื่นนอนได้อย่างเป็นปกติทุกวัน

แสงแดดปรับนาฬิกาชีวิต

อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยปรับนาฬิกาชีวิตได้อย่างรวดเร็ว คือ ทันทีที่ตื่นนอนให้เปิดม่านหรือเปิดหน้าต่างเพื่อให้ร่างกายได้รับแสงแดด ทั้งนี้เพราะนาฬิกาชีวิตร่างกายไม่ได้ใช้ลานหรือถ่าน ทว่าใช้แสงแดดและความมืด เป็นตัวกำหนดการหมุนของเข็มเวลา การตื่นเช้ารับแสงแดดอ่อนๆ นั้น ก็เพื่อให้สมองจดจำเวลาตื่น รวมทั้งเวลานอนได้อย่างแม่นยำนั่นเอง

2.  หยุดเอาความเครียดมาโยนใส่เตียงนอน ความเครียดเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ โดยเฉพาะความเครียดที่สะสมจากที่ทำงานโดยเราไม่ทันรู้ตัว นี่ยังไม่นับรวมความวิตกกังวลจากสิ่งที่จะต้องทำในวันรุ่งขึ้น ซึ่งทำให้จิตใต้สำนึกเกิดอาการพะวงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่ช่วยได้คือ เลิกนิสัยหอบงานมาทำบนเตียงนอนหรือบนโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ข้างเตียง รวมทั้งเลิกการนอนดูรายการทีวีสุดโปรดที่จะทำให้เกิดความเครียด และเลิกการคุยโทรศัพท์บนเตียงนอน

ถ้าเป็นไปได้ แนะนำว่าให้ย้ายโต๊ะทำงานออกไปไว้อีกห้อง เพื่อจะได้ไม่เกิดพฤติกรรมทำงานเสร็จแล้วนอนทันทีโดยที่ความเครียดยังไม่จางหาย และที่ได้ผลไม่แพ้กันคือ ก่อนนอนให้จดสิ่งที่ค้างคาใจ หรือความวิตกกังวลลงในสมุดโน๊ต เช่น รายการที่ต้องทำวันรุ่งขึ้นปัญหาที่พบในวันนี้ เพื่อที่จะได้นำความเครียด ความวิตกกังวลโยนทิ้งไปจากสมองให้หมดก่อนเข้านอน

สาเหตุของการนอนไม่หลับ

3.  โรค คนที่กำลังป่วยมักจะนอนหลับๆ ตื่นๆ โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารและโรคร้ายแรง

•  อายุ 50 เปอร์เซ็นต์ของคนอายุ 65 ปีขึ้นไปมักประสบปัญหาการนอนไม่หลับ

•  ความเครียด แม้คนที่เครียดจะกินยาให้นอนหลับ แต่สมองกลับยังคิดตลอดเวลา เมื่อตื่นขึ้นมาจึงรู้สึกไม่สดชื่น บางคนอาจรู้สึกเหมือนยังไม่ได้นอนด้วยซ้ำไป

•  อาชีพ คนที่ต้องทำงานกะกลางคืน จะมีปัญหาสุขภาพอันเนื่องจากการนอนไม่หลับมากกว่าคนที่ทำงานช่วงกลางวัน ทั้งนี้แม้นาฬิกาชีวิตจะสั่งให้ง่วง แต่ร่างกายยังคงต้องฝืนทำงาน คนกลุ่มนี้จึงเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร และโรคเกี่ยวกับอารมณ์ที่ค่อนข้างแปรปรวน

•  อาหารสร้างฝันร้าย การกินอาหารไม่ว่าจะมากไปหรือน้อยไป ย่อมส่งผลต่อการนอนทั้งสิ้น การกินอาหารมื้อเย็นหนักเกินไปหรือกินก่อนนอนไม่ถึง 2 ชั่วโมง จะทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักเพื่อย่อยอาหารตลอดทั้งคืน ผลคือ เราจะหลับไม่สนิทฝันร้าย หรือตื่นเช้ามาด้วยความเหนื่อยล้า ส่วนการกินน้อยจนเกิดอาการหิวจะส่งผลให้ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้

การนอนควรดื่ม Bedtime milk เพราะเป็นนมไขมันต่ำ ทำให้ระบบย่อยอาหารไม่ต้องทำงานหนัก และยังมีเมลาโทนินสูง ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้ จะช่วยในการนอนหลับได้เป็นอย่างดี

คนที่มักจะตื่นกลางดึกบ่อยๆ ให้กินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น โอ๊ตมีล ซีเรียลธัญพืช หรือแซนด์วิชไก่ชิ้นเล็กๆ เพื่อให้คาร์โบไฮเดรตที่ได้รับเข้าไปช่วยเพิ่มการผลิตเซโรโทนิน ( Serotonin ) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ทำให้หลับดียิ่งขึ้น

4.  ออกกำลังกายพอประมาณ การออกกำลังกายทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าและเกิดความง่วงนอน แต่การออกกำลังกายอย่างหักโหมเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนนอนหลับ ให้ผลตรงกันข้าม เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวจนหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ดังนั้นวิธีที่ถูกต้องในการออกกำลังกายคือ วันละ 30-40 นาทีในช่วงเช้าหรือบ่าย ถ้าจะให้ดีควรออกกำลังกายให้ได้สัปดาห์ละ 3-4 วัน ซึ่งนอกจากทำให้นอนหลับฝันดีแล้ว การออกกำลังกาย ยังเป็นอีกหนทางในการกำจัดความเครียดที่สะสมมาตลอดวันอีกด้วย

5.  จัดสิ่งแวดล้อมในห้องนอนเสียใหม่ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในเรื่องการนอนคือ การจัดห้องนอนเพื่อ การนอนอย่างแท้จริง ไม่ควรนำโต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ หรือโทรทัศน์เข้ามาไว้ในห้อง เพราะสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลให้ใจยังคิดพะวงอยู่กับสิ่งเร้าต่างๆ จนนอนไม่หลับ ส่วนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนควรหมั่นซักและตากแดด เพื่อป้องกันเชื้อโรคโดยเฉพาะคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ แสงก็ควรหรี่ลง และถ้าจะให้ดีควรมีตะเกียงน้ำมันอโรมาไว้จุดเพื่อสร้างบรรยากาศความผ่อนคลายร่วมด้วย

6.  สร้างชั่วโมงแห่งความผ่อนคลาย เทคนิคการนอนที่ใช้ได้ผลอีกอย่างหนึ่งก็คือ การสร้างบรรยากาศแห่งความผ่อนคลายในชั่วโมงสุดท้ายของวัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายค่อยๆ ผ่อนคลายสู่จังหวะที่ช้าลงๆ ไม่ใช่ทำงานเสร็จปุ๊บก็ล้มตัวลงนอนในทันที การสร้างบรรยากาศความผ่อนคลายอาจเริ่มจากการแช่น้ำอุ่นที่ใส่น้ำมันอโรมาลงไปสักนิด จิบชาคาโมมายล์หรือชาสมุนไพรให้ผ่อนคลายอารมณ์ เปิดเพลงเบาๆ คลอไป อ่านหนังสือธรมะเบาๆ เท่านี้ความเครียดตึงที่สะสมมาทั้งวันก็จะมลายหายไป

7.  ท่านอนทำพิษ ไม่น่าเชื่อเลยว่าท่านอนก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายคนนอนไม่หลับ หรือไม่ก็ตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดเมื่อยตามคอ หลัง ไหล่ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำอีกอย่างก่อนนอนคือ สำรวจว่าตนเองนอนท่าไหน พร้อมทั้งหาหมอนหนุนให้เหมาะกับท่านอนดังนี้

•  นอนตะแคง คนชอบนอนตะแคงควรเลือกหมอนที่มารองรับช่องว่างระหว่างไหล่และศีรษะ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ศีรษะเอียงตกลงมาอยู่ที่ไหล่ข้างที่นอนทับจนเกิดอาการเหมือนตกหมอน และหมอนที่เลือกใช้ควรเป็นหมอนใบใหญ่ที่ค่อนข้างแข็ง หรือไม่ก็เลือกใช้หมอน Contour pillow ที่ตรงกลางต่ำ แต่ด้านข้างสูงเพื่อรองรับช่องว่างระหว่างต้นคอ

•  นอนหงาย คนชอบนอนหงายควรเลือกหมอนที่มารองรับช่วงไหล่ แต่ต้องไม่สูงเกินไป เช่น หมอนขนเป็ดที่นิ่มและแบนราบ หรือหมอนจากเมล็ดบัควีท ( buckwheat ) ที่เมล็ดบัควีทด้านใน สามารถเลื่อนไหลรับกับส่วนเว้าส่วนโค้งของศีรษะและไหล่ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญควรหาหมอนใบเล็ก มาหนุนบริเวณเข่าด้วยจึงจะสบายที่สุด

•  นอนคว่ำ เป็นท่านอนที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุด เพราะจะทำให้ท้องถูกกดทับ ลมหายใจติดขัด แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรเลือกหมอนที่แบน และมีหมอนใบเล็กๆ หนุนอีกทีตรงช่วงท้อง หรือไม่ก็เลือกใช้ประเภท Body pillow จะช่วยให้นอนสบายขึ้น

8.  เจริญสติก่อนนอน เมื่อเตรียมสิ่งแวดล้อมภายนอกพร้อมสำหรับการนอนหลับฝันดีแล้วคราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนการเตรียมสิ่งแวดล้อมภายใน คือ ทำใจให้ไร้ซึ่งความวิตกกังวลและความเครียดใดๆ อย่างแท้จริง วิธีหนึ่งที่ช่วยได้คือ การสวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรมก่อนนอน หรือไม่ก็หลับตานอนสมาธิตามลมหายใจเข้า-ออกสักครึ่งชั่วโมง (ถึงตรงนี้หากเผลอหลับไปเลยก็ยิ่งดี)

เพียงเท่านี้จิตใจก็จะปลอดโปร่ง พร้อมที่จะนอนหลับฝันดี แต่ตื่นเช้าขึ้นมาอย่างมีสติ พร้อมที่จะทำงานอย่างมีคุณภาพเต็มร้อย




Namtaan:


นอนถูกวิธี ก็ฝันดีไปทั้งคืน




เคยเป็นบ้างรึเปล่า จะหลับนอนแต่ละทีก็แสนจะยากเย็น แถมเมื่อนอนไปแล้วก็ยังมาฝันร้ายอีก ทำเอาทั้งคืนเหมือนไม่ได้นอน ตื่นเช้ามาก็จะทำให้หน้าตาดูโทรมไปทั้งวัน นั่นอาจะเป็นเพราะว่าเรานอนไม่ถูกวิธี

ถ้าเราอยากนอนหลับฝันดี เราต้องนอนให้ถูกวิธี แต่ไม่ใช่แค่เพียงการนอนเท่านั้น เราจะต้องเตรียมตัวกันตั้งแต่ก่อนเข้านอนเลยล่ะ เรามาดูกันว่าต้องทำอย่างไรกันบ้าง

1. หลังจากทานมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว ควรเดินย่อยอาหาร และหากิจกรรมเบาๆ ทำเพื่อยืดเส้นยืดสายประมาณ 15 นาที เพื่อเป็นการผ่อนคลายซึ่งจะช่วยให้นอนหลับฝันดี

2. อาบน้ำอุ่นให้สบายตัวในอุณหภูมิที่พอเหมาะ ซึ่งจะสามารถช่วยผ่อนคลายความเครียดและความเหนื่อยล้า และถ้าหากสระผมควรที่จะเป่าผมให้แห้งก่อนเข้านอนเพราะไม่อย่างนั้นผมที่เปียกของเราจะทำให้หมอนอับชื้นจนเกิดเชื้อราได้

3. ควรเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้ต้องตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก

4. จัดเตรียมสิ่งที่ต้องใช้ในวันพรุ่งนี้ หรืออาจจะจดบันทึกสิ่งต่างๆ ที่ต้องทำไว้เพื่อเตือนความจำ จะได้ไม่ต้องมีเรื่องกวนใจตอนเข้านอน

5. เมื่อเข้าห้องนอนควรจัดแสงไฟภายในห้องนอนให้สลัว อย่าให้สว่างจนเกินไปเพราะแสงที่จะทำให้นอนหลับยาก นอกจากนั้นควรจัดห้องนอนให้ปลอดโปร่ง และเงียบสงบ เพื่อสร้างบรรยากาศในการนอน

6. อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับในห้องนอนควรอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส เพราะจะทำให้ร่างกายเย็นสบายนอนหลับได้ดี

7. ดื่มนมอุ่นๆ ก่อนเข้านอน เพราะในนมมีกรดอะมิโนที่เรียกว่า ทรัยป์โตฟาน ช่วยให้นอนหลับสบาย และยังมีแคลเซียมสูง ช่วยผ่อนคลายประสาท ทำให้จิตใจสบาย

8. ทิศในการนอน ทิศที่ดีที่สุดคือทิศเหนือ ควนหันศรีษะไปทางทิศเหนือและให้เท้าไปทางทิศใต้ ตามทิศทางของคลื่นแม่เหล็กโลก

เมื่อเราทำได้อย่างนี้แล้ว ก็จะทำให้เรานอนหลับฝันดีได้ตลอดคืน และตื่นมาสดใสในตอนเช้า ทำให้อารมณ์ดีแจ่มใสไปทั้งวันเลย




นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version