หวยซอง เลขเด็ด อภิโชควิเคราะห์เลขรวย หวยรัฐบาล : Apichoke.net

ปกิณณกะ => สุขภาพ-สมุนไพร => ข้อความที่เริ่มโดย: ข้าวใหม่ ที่ 10 สิงหาคม 2015, 16:50:51น.

หัวข้อ: นอนกรน เป็นเรื่องธรรมชาติ!
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวใหม่ ที่ 10 สิงหาคม 2015, 16:50:51น.

นอนกรน " น้ำมันมะกอก" ช่วยคุณได้



(http://upic.me/i/qj/26_20100517155122..jpg) (http://upic.me/show/56427288)


นอนกรน เป็นเรื่องธรรมชาติ!
แต่บ่อยครั้ง...ธรรมชาติก็เป็นเรื่องที่โหดร้าย
 ฟี้เล็กๆ ยังพอรับได้ แต่ถ้ามาเป็นหวูดรถไฟ น่าคิดว่าจะทนไปได้นานสักแค่ไหน
 จริงๆ แล้วมีกลวิธีง่ายๆ ในการขจัดเสียงกรน โดยไม่ต้องใช้หมอน

 ก่อนอื่นต้องเข้าใจที่มาของการกรนเสียก่อน

 โดยปกติ เวลาคนเรานอนหลับ กล้ามเนื้อที่ลิ้นและที่โคนลิ้นจะคลายตัวลงไปด้วย ทำให้ลิ้นตกลงไปปิดกั้นทางเดินหายใจ แต่ไม่ได้ปิดสนิท ทำให้อากาศที่เราหายใจผ่านจมูก และผ่านลงไปยังโพรงจมูกด้านหลัง ผ่านไปไม่สะดวกนัก เกิดคล้ายการกระพือบริเวณที่โคนลิ้น เป็นที่มาของเสียงกรน
 แต่วันไหนที่ทำงานมาเหนื่อยๆ แล้วนอนหลับสนิทมากๆ "ลิ้น" ที่ว่าจะตกลงไปมาก ทำให้ยิ่งกรนหนักขึ้น ยิ่งเป็นคนอ้วน เสียงยิ่งดังสนั่น
 วิธีแก้แบบปัจจุบันทันด่วน...เพียงแค่ให้เจ้าตัวนอนในท่าตะแคง หรือเกือบๆ คว่ำ ช่วยลดเสียงกรนลงได้
 ส่วนวิธีแก้แบบระยะยาว "น้ำมันมะกอก" ช่วยได้ โดย ใช้น้ำมันมะกอกชนิดสำหรับทำอาหาร (จะให้ดีควรเลือกแบบ Extra virgin olive oil) กิน 4-5 หยดก่อนนอน ที่สำคัญควรทำควบคู่กับการคุมน้ำหนักตัว

มะกอกจัดเป็นผลไม้ที่มีเม็ดแข็ง หนึ่งลูกจะมีหนึ่งเมล็ด ออกดอกเป็นช่อเล็กๆ สีขาว ในช่วงฤดูหนาว เป็นพืชที่ทนได้ทุกสภาวะอากาศ แต่ผลจะโตเต็มที่ประมาณ 7-8 เดือนหลังออกดอก ลำต้นจะสูงตั้งแต่ 3 เมตร จนถึง 18 เมตร ใบเรียวยาวสีเขียวเข้ม และมีหลากหลายพันธุ์ เมื่อนำมาแปรรูปเป็นน้ำมันมะกอก แม้จะมีแคลอรี่สูง แต่กรดไขมันที่มีเป็นกรดไขมันชั้นดี ที่มีประโยชน์กับร่างกายสูง ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ จึงช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจได้โดยปริยาย

 นอกจากนี้แล้วน้ำมันมะกอกยังประกอบ ด้วย วิตามินวิตามินเอและอี ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ทำให้น้ำมันมะกอกไม่เหม็นหืนเหมือนน้ำมันพืชชนิดอื่นๆ ตัวผลมีรสขมและฝาด เมื่อแก่จัดสีจะเปลี่ยนจากเขียวเป็นสีคล้ำจนเกือบดำ การสกัดเอาน้ำมันต้อง เลือกผลที่แก่จัด จึงจะได้น้ำมันมะกอกที่มีประสิทธิภาพ เพราะมะกอกเป็นผลไม้ที่มีน้ำมันมากที่สุด ในผลมะกอกที่แก่จัด 100 กรัม สามารถแปรรูปเป็นน้ำมันถึง 20-30 กรัม

 น้ำมันมะกอกถึงแม้จะมีแคลอรี่สูง แต่มีมีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์กับร่างกายสูง ทำให้ไม่เกิดไขมันสะสมในร่างกาย และน้ำมันมะกอกยังช่วยให้คนที่มีอาการนอนกรนลดเสียงกรนให้เบาลงได้ ด้วยการเลือกใช้น้ำมันมะกอกสำหรับทำอาหารมาประกอบอาหาร ซึ่งควรเลือกแบบ EXTRA VIRGIN OLIVE OIL เพราะ เป็นแบบบริสุทธิ์ มีสีเขียวเข้มใส และนิยมนำมาใช้ในการทำสลัด หรือรับประทานสัก 4-5 หยดก่อนนอน ทำอย่างต่อเนื่อง และทำควบคู่ไปกับวิธีดูแลสุขภาพอื่นๆ ร่วมด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในระดับมาตรฐาน จะช่วยแก้ปัญหานอนกรนให้หมดไปได้

 นอกจากช่วยลดอาการนอนกรนได้แล้ว ยังมีประโยชน์อีกหลายอย่าง อาทิเช่น

 ช่วยการหมุนเวียนของโลหิต
 : น้ำมัน มะกอก ช่วยป้องกันภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (arteriosclerosis) รวมทั้งภาวะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลว หัวใจวาย ไตวาย และเส้นเลือดใน สมองแตก

 ระบบย่อยอาหาร
: น้ำมัน มะกอก ช่วยให้ระบบการทำงานของส่วนต่าง ๆ ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะอาหาร ตับอ่อน ลำไส้ และถุงน้ำดี ทั้งนี้ยังช่วยป้องกันการก่อตัวของนิ่วอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าน้ำมันมะกอกช่วย บรรเทาอาการกระเพาะอักเสบ แผลในกระเพาะ และยังเป็นยาระบายอ่อนๆ

 ผลต่อผิวหนัง
: น้ำมัน มะกอก ช่วยปกป้องหนังกำพร้า ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ซึ่งเกิดจากวิตามินอี และ สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันมะกอกนั่นเอง นอกจากนี้ยังใช้ได้ผลดีในการป้องกันโรคผิวหนังและลดริ้วรอยเหี่ยวย่น

 ระบบต่อมไร้ท่อ
 น้ำมัน มะกอก ช่วยให้ระบบการเผาผลาญอาหาร (metabolic function) ภายในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพน้ำมันมะกอกได้กลายเป็นทางเลือกที่ดี ที่สุดในการป้องกันและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานจาก การศึกษาล่าสุดพบว่าระดับกลูโคสของผู้ที่มีสุขภาพดีจะลดลง12% เมื่อรับประทานน้ำมันมะกอก

 ผลต่อกระดูก

              น้ำมันมะกอก ช่วยในการเสริมสร้างกระดูก และช่วยให้ร่างกายของคนเรามีประสิทธิภาพในการดูดซึม แร่ธาตุและแคลเซี่ยมได้ดี และสามารถป้องกันโรคกระดูกพรุน

 ลดภาวะเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง
 : น้ำมัน มะกอก ช่วยป้องกันเนื้องอกที่เกิดกับอวัยวะบางส่วน (เต้านม ต่อมลูกหมาก ลำไส้ใหญ่ ปีกมดลูก) ทั้งนี้เพราะกรดไขมันที่มีอยู่ในน้ำมันมะกอกนั้นช่วยยับยั้งอนุมูลอิสระ และช่วยต่อต้านการก่อตัวของ ติ่งเนื้อในอวัยวะต่างๆ ที่กล่าวมา

 ต้านสารกัมมันตภาพรังสี
: ภาย หลังจากที่มีการค้นพบว่าน้ำมันมะกอกช่วยให้ร่างกายสามารถต้านทานสาร กัมมันตภาพรังสีได้ น้ำมันมะกอกได้รับบรรจุเป็นส่วนหนึ่งของอาหารสำหรับนักบินอวกาศ

 เหมาะใส่ในอาหารเด็กอ่อน
: ด้วย สารประกอบในน้ำมันมะกอกและคุณสมบัติในการช่วยย่อยอาหาร จึงนับได้ว่าน้ำมันมะกอกเป็น ไขมันธรรมชาติที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำนมมารดามากที่สุด

 ป้องกันความชราภาพ 
: การ ที่เรารู้จักหาวิธีการเพื่อต่อต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของ เรา เพื่อป้องกันภาวะ ความเสื่อมถอยของสุขภาพ อันเนื่องมาจากอายุที่เพิ่มขึ้นนั้น นับว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งจากการค้นคว้าวิจัยเราได้ทราบว่าน้ำมันมะกอกมี คุณสมบัติในการต่อต้านภาวะความเสื่อมถอยของสมองและยังช่วยยืดอายุของเราให้ ยืนยาวขึ้นอีกด้วย

 ลดภาวะโรคหลอดเลือดหัวใจ
: จาก การค้นคว้าวิจัยพบว่า น้ำมันมะกอกนั้นสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) ในขณะเดียวกันจะไม่ทำให้คอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ลดระดับลง




ขอบคุณ  ที่มา  xn--q3ctbz5akd1duhna.com S|d'

หัวข้อ: Re: นอนกรน เป็นเรื่องธรรมชาติ!
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวใหม่ ที่ 10 สิงหาคม 2015, 16:53:54น.

นอนกัดฟัน  สาเหตุและวิธีแก้ไข



(http://upic.me/i/aq/gnash2-1.jpg) (http://upic.me/show/56427342)




ในชีวิตของคนเรานั้น การนอนหลับพักผ่อนเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ถือว่าจำเป็นเป็นอย่างมากกับการ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข จริงไหมคะ แต่ใครจะทราบบ้างว่า ระหว่างที่เรานอนหลับนั้น อาจจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเพ้อ ละเมอ กรน หรือแม้แต่อีกอย่างหนึ่งที่สามารถสร้างปัญหาให้กับผู้ที่อยู่ใกล้ๆ และตัวเองได้มากกว่าที่คิดก็คือ "การนอนกัดฟัน" (มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Bruxism) ในบทความนี้ Womanandkid ขอนำความรู้ในเรื่องการนอนกัดฟัน มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านเพื่อเป็นความรู้ และแก้ไขปัญหานี้ได้หากเกิดขึ้นไม่ว่ากับตัวเองหรือคนใกล้ชิด มาติดตามกันเลยค่ะ

 
 ผลเสียของการนอนกัดฟัน
 
การนอนกัดฟันนั้นมีผลเสียเกิดขึ้นได้หลายอย่างนะคะ ที่แน่ๆ คืออาจจะเกิดเสียงดัง ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงหรือนอนอยู่ใกล้ๆ เกิดความรำคาญ ไม่สามารถนอนหลับได้ ทั้งนี้ขึ้นกับลักษณะของการนอนกัดฟันที่เกิดขึ้น ถ้ากัดแบบขบไว้เฉยๆ ก็อาจจะไม่มีเสียงก็ได้ค่ะ นอกจากนั้นก็เกิดผลเสียกับตัวเอง นั่นคือฟันของเรานั่นเอง การกัดฟันบ่อยๆ ทำให้ฟันสึกลงๆ โดยไม่สมควร คือยังไม่ทันจะได้ไปเคี้ยวอาหารอะไรให้เอร็ดอร่อย ฟันก็สึกลงแล้วอย่างน่าเสียดาย (เอาไว้ไปสึกนิดๆ หน่อยๆ ตอนเคี้ยวส้มตำ ขนมเค้ก บาร์บีคิว ยังจะดีเสียกว่าจริงไหมคะ) นอกจากนั้นถ้าการกัดฟันเป็นไปอย่างรุนแรง อาจจะทำให้ฟันบิ่นหรือแตกได้เลยเชียว และถึงจะไม่แตก การนอนกัดฟันเป็นการใช้กล้ามเนื้อขากรรไกรอยู่ตลอดเวลา เมื่อตื่นนอนขึ้นมาผู้นอนอาจจะรู้สึกปวดเมื่อยบริเวณฟัน ปาก ขากรรไกร ปวดขมับ ปวดศีรษะหรือตึงหรือชาที่ฟัน กัดฟันแล้วเจ็บหรือเสียวฟันหลายซี่ ถ้าหนักเข้าก็อาจจะทำให้ใบหน้ากางออกใหญ่ขึ้นทั้งสองข้างเพราะกล้ามเนื้อ ข้างแก้มขยายใหญ่จากการกัดฟันบ่อยๆ อย่างต่อเนื่อง (เพราะเหมือนการใช้งานกล้ามเนื้อ บ่อยๆ เข้าก็มีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะมันแข็งแรงขึ้นแบบที่เราไม่ได้ต้องการนั่นเอง)
 
สาเหตุของการนอนกัดฟัน
 
หลังจากที่ทราบถึงผลเสียที่เกิดขึ้นแล้ว เราลองมาดูกันเรื่องสาเหตุของการนอนกัดฟันกันบ้างดีกว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีความพยายามศึกษากันมานาน ส่วนมากแล้วไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดอย่างแท้จริงของการนอนกัดฟัน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านสรีระวิทยา) แต่ผลการศึกษาก็พบความสัมพันธ์ระหว่างอาการนอนกัดฟันกับลักษณะสองสามประการ ของผู้ที่มีปัญหานี้คือ
 
1) ความเครียด
 
พบว่าผู้ที่มีความวิตกกังวลในบางช่วงเวลา ในการทำงาน หรือการเรียน เช่นช่วงที่ต้องเตรียมงานสำหรับลูกค้าสำคัญบางราย หรือช่วงใกล้สอบ ช่วงที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดกับสภาวะเศรษฐกิจ เหล่านี้ทำให้มีโอกาสทำให้เกิดการนอนกัดฟันได้มากขึ้น
 
2) เกิดจากสภาพร่างกาย
 
จุดนี้อาจจะเป็นจุดเดียวที่มีความเกี่ยวข้องกับสภาพร่างกายได้ คือปัญหาเกิดจากสภาพในช่องปากที่มีการสบฟันไม่ดี ไม่ว่าจะเกิดโดย ธรรมชาติ เกิดจากการอุดฟัน ใส่ฟัน ทำให้ฟันบางซี่สูงกว่าปกติ ทำให้เกิดการสะดุดเวลาบดเคี้ยวอาหาร ส่งผลทำให้การสบฟัน เปลี่ยนไป และกระตุ้นให้ร่างกายพยายามปรับความไม่สม่ำเสมอนั้นลงโดยการกัดขบส่วนที่ไม่ เสมอนั้น ทำให้มีการกัดเน้นฟันตลอดเวลานอน
 
3) เกิดจากอาหารบางชนิด
 
จากการศึกษายังพบว่าเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (ชา กาแฟ น้ำอัดลมบางชนิด เป็นต้น) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ สารเสพติด และยาที่ใช้รักษาโรคบางตัวเช่น แอมเฟตามีนที่ใช้ร่วมกับ L-dopa หรือยาเฟนฟลูรามีน (Fenfluramine) ซึ่งได้มาจากแอมเฟตามีน หรือผู้ที่ใช้ยาฟีโนเธียซีน (Phenothiazine) เป็นเวลานาน มีความสัมพันธ์ในการเพิ่มระดับการกัดฟันด้วย
 
วิธีแก้ไขการนอนกัดฟัน
 
เมื่อเราทราบถึงสาเหตุและที่มาของการนอนกัดฟันแล้ว คราวนี้มาลองดูวิธีการแก้ไขกันบ้างค่ะ วิธีการก็แบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ ก็คือการพยายามแก้ที่สาเหตุ และการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นดังนี้
 
1) จัดการความเครียด
 
โดยการหาวิธีผ่อนคลายความเครียด หรือลดความเครียดลงให้ได้ การจัดการกับความเครียดก็เช่น ถ้ามีปัญหาเรื่องการงานหรือการเรียน ก็ให้พยายามแก้ไขหรือวางแผนหาวิธีแก้ไขเอาไว้ให้เสร็จสิ้นก่อนการนอนหลับพัก ผ่อน อาจจะโดยการค้นคว้าเพิ่มเติม การหาผู้ช่วย การหาที่ปรึกษา เพื่อแก้ไขปัญหาให้หมดไป ปัญหาเรื่องการเรียนก็เช่นกัน อาจจะวางแผน และ/หรือทำการศึกษาเพิ่มเติม หาตำราหรือครูอาจารย์ที่สามารถสอนให้เราเข้าใจในบทเรียนได้ดีกว่าที่เป็น อยู่ สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความเครียดลงได้ นอกจากนั้นการเล่นกีฬาออกกำลังกาย  ฝึกโยคะ ทำสมาธิ ก็อาจจะเป็นอีกทางเลือกที่จะลดความเครียด และน่าจะดีกว่าการใช้ยาลดความเครียดนะคะ (เดี๋ยวกลายเป็นติดยาลดความเครียด เลยเครียดหนักกว่าเดิมค่ะ)
 
2) แก้ไขสภาพภายในช่องปาก
 
หากการกัดฟันทำท่าจะมีสาเหตุมาจากความไม่สมบูรณ์ของช่องปาก เช่นลักษณะการสบฟันไม่ดี ก็ต้องแก้ไขที่จุดนี้ ถ้าจะว่าไปนี่ก็เป็นการแก้ไขที่ชัดเจนที่สุดในบรรดาหลายๆ สาเหตุเลยนะคะ (อย่างน้อยก็จับต้องได้) เมื่อสภาพปากและฟันดีขึ้น ปัญหาการนอนกัดฟันจากสาเหตุนี้ก็น่าจะลดลงได้
 
3) หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มบางชนิด
 
ถ้าผู้ที่นอนกัดฟัน มีแนวโน้มว่าดื่มเครื่องดื่มที่อาจจะทำให้เพิ่มความเครียดได้อยู่เป็นประจำ ก็ควรจะทดลองลดเครื่องดื่มประเภทนี้ลงค่ะ อาจจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย อย่างน้อยการลดเครื่องดื่มพวก ชา กาแฟ ที่มีคาเฟอินลง ก็น่าจะทำให้หลับสนิทได้ดีขึ้นนะคะ
 
4) จัดการกับปัญหา
 
นอกจากข้อ 1-3 ด้านบนแล้ว หากปัญหายังอยู่ (หรือแม้แต่ในระหว่างที่จัดการแก้ไขด้วยวิธีการในข้อ 1-3 ก็ตาม) ก็ต้องมีการจัดการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายของเราจากการนอน กัดฟัน ซึ่งก็มีวิธีต่างๆ ตั้งแต่การใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ การใส่เครื่องป้องกันขณะนอนหลับ (Nightguard) ไปจนถึงการใช้เฝือกการสบฟัน (Occlusal Splint) ซึ่งพบว่าประมาณ 50% ของผู้ป่วยจะมีอาการนอนกัดฟันลดลงหลังจากใส่เฝือกการสบฟันไประยะหนึ่ง (อาจจะเกะกะหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้นะคะ) อย่างไรก็ตามการรักษาที่มีในผู้ป่วยแต่ละรายอาจมีวิธีแตกต่างกันออกไป วิธีที่ดีที่สุดอันหนึ่งก็คือปรึกษาทันตแพทย์ถึงการรักษาที่เหมาะสมสำหรับ แต่ละท่านด้วยค่ะ

 ถ้า เพื่อนๆ ไม่มีปัญหาเรื่องการนอนกัดฟัน ต้องถือว่าเป็นสิ่งที่ดีนะคะ และหากเพื่อนๆ มีเพื่อนที่มีปัญหาเรื่องนี้ (หรือแม้แต่ไม่ทราบว่าใครมีปัญหาอย่างนี้หรือไม่ก็ตาม) ลองส่งบทความนี้ให้เขาได้อ่านดูนะคะ จะได้สามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นโดยอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ (จะพอทราบได้ก็เมื่อเกิดการปวดเมื่อยต่างๆ ตามที่ได้อธิบายไว้แล้ว) เป็นการช่วยเหลือเพื่อนๆ ได้ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมนะคะ ขอบคุณค่ะ



  ขอบคุณ  ข้อมูลจาก :   http://www.womanandkid.com/index.php/womanhealth/8-healthknowledge/205-bruxism S|d'
หัวข้อ: Re: นอนกรน เป็นเรื่องธรรมชาติ!
เริ่มหัวข้อโดย: wonChol ที่ 23 สิงหาคม 2016, 12:13:16น.
ยาตัวนี้ช่วยได้ดีมากเลย
หัวข้อ: Re: นอนกรน เป็นเรื่องธรรมชาติ!
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 พฤษภาคม 2022, 12:14:32น.

เผยเคล็ดลับท่านอนที่ถูกต้องที่ช่วยให้หลับง่ายและหลับสนิทกว่าเคย

1. ท่านอนหงาย ...ท่านอนสุดคลาสสิคและดีที่สุดในการนอน ซึ่งการนอนหงายจะดีก็ต่อเมื่อเรามีหมอนจัดท่านอนที่ดี ที่ช่วยให้ระดับของศีรษะ ลำคอ และหลังอยู่ในแนวตรง ฉะนั้นควรใช้หมอนที่ไม่สูงมากเพื่อให้ตัวเรานอนเป็นแนวราบที่สุด

2. นอนหงายมีหมอนเล็กรองคอ แก้ปวดหัว ...หากตอนตื่นนอนแล้วรู้สึกปวดหัวทุกครั้ง ลองเพิ่มหมอนนอนหงายเล็กๆ อีกใบ มารองช่วงต้นคอดู เพราะจะช่วยทำให้คุณนอนหลับสนิทมากขึ้น และยังแก้ปัญหาการปวดหัวในตอนตื่นนอนอีกด้วย

3. นอนหงายโดยมีหมอนรองใต้เข่า ...สำหรับท่านไหนที่มีแนวกระดูกสันหลังที่คดหรือผิดรูป การนอนท่าหงาย อาจเพิ่มอาการปวดหลังอีกด้วย เนื่องจากส่วนโค้งของแนวกระดูกถูก ที่ถูกกดทับจากน้ำหนักตัวตลอดทั้งคืน วิธีการแก้ง่ายนิดเดียวเพียงนำหมอนใบเล็กวางใต้เข่าขณะนอนหลับ จะช่วยให้แนวกระดูกสันหลังตรงขึ้น  และสำหรับ สาวๆ ที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน และมีอาการปวดท้อง ลองหาหมอนใบเล็กๆ สักใบมารองช่วงใต้หัวเข่าเพื่อช่วยลดอาการปวดท้องของคุณ แม้ว่าการนอนหงายปกติจะเป็นท่านอนที่ถูกต้อง แต่ก็ทำให้กระดูกสันหลังจะอยู่ในลักษณะที่โค้งมากเกินไป อาจทำให้เรายิ่งปวดท้องประจำเดือนมากขึ้น

4. นอนตะแคงขวา ช่วยย่อยอาหาร ...เพราะการนอนท่านี้จะมีส่วนช่วยให้อาหารจากกระเพาะถูกย่อยได้อย่างดี แต่การนอนท่านี้ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาในเรื่องระบบหายใจนอนท่านี้นะ

5. นอนตะแคงซ้าย แก้ปวดหลัง ...หลังจากนอนตะแคงขวา เพื่อช่วยในระบบย่อยอาหารแล้ว ลองเปลี่ยนมานอนตะแคงซ้ายเพื่อลดอาการปวดหลังกันดูบ้าง เพียงแค่หาหมอนหนุนคอสักใบ พร้อมหมอนข้างที่ช่วยนอนตะแคงซ้ายขนาดกำลังดีอีกหนึ่งใบ เท่านี้คุณก็จะมีความสุขกับการนอนและตื่นมาอย่างสดใส โดยไม่ปวดหลังแล้ว

6. นอนตะแคงขวาและงอเข่า แก้ปวดไหล่ ...สำหรับใครที่มีอาการปวดไหล่เรื้อรัง แนะนำให้ลองเปลี่ยนท่านอนเป็นการนอนตะแคงทางขวา พร้อมงอเข่าขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมหมอนดีๆ และหมอนข้างสักหนึ่งใบ เท่านี้อาการปวดไหล่เรื้อรังของคุณก็ทุเลาลงแล้ว

7. นอนขดตัว แก้นอนกรน    สำหรับคนที่มีปัญหานอนกรนหนักๆ แนะนำการนอนขดตัว เพราะท่านี้เป็นท่านอนที่ช่วยลดปัญหาการนอนกรนได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะต้องหาหมอนจัดท่านอนที่มีประสิทธิภาพที่ดีสักนิด เพื่อช่วยรองรับลำคอและช่วยให้เราหายใจได้อย่างสะดวก



(https://4upic.com/images/2020/01/11/aeK8na.png) (https://4upic.com/image/aeK8na)

(https://www.img.in.th/images/ee33bf084056d2ea2e32dc223ef8bd0e.md.gif) (https://www.img.in.th/image/8msc9l)
หัวข้อ: Re: นอนกรน เป็นเรื่องธรรมชาติ!
เริ่มหัวข้อโดย: Namtaan ที่ 29 พฤษภาคม 2022, 12:29:31น.


4 ท่านอนผิดๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้


การนอนผิดท่า เช่น
- การนอนขดตัวคุดคู้ การนอนคว่ำ การนอนแบบกึ่งนั่งกึ่งนอน และการนอนทับต้นแขนตัวเอง เป็นสาเหตุทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อกระดูกและกล้ามเนื้อ รวมถึงระบบประสาทได้
-ท่าทางที่เหมาะสม ได้แก่ ท่านอนหงาย หรือท่านอนตะแคง รวมถึงการเลือกเครื่องนอนที่ดี และการมีสิ่งแวดล้อมต่อการนอนที่เหมาะสม จะช่วยลดการบาดเจ็บต่อกระดูก กล้ามเนื้อ และระบบประสาท รวมถึงช่วยให้นอนหลับอย่างมีคุณภาพ

การนอน เป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดและง่ายที่สุด เป็นช่วงเวลาทองของร่างกายในการซ่อมแซมตัวเอง การนอนที่เหมาะสมจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6-7 ชั่วโมง เท่ากับเราใช้เวลากับการนอนไปถึง 1 ใน 4 ส่วน ในแต่ละวันเลยทีเดียว ดังนั้น การนอนในท่าทางที่ถูกต้องและเหมาะสมจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เรามีสุขภาพร่างกายโดยรวมที่ดี ไม่มีการบาดเจ็บของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อหรือระบบประสาทในส่วนต่างๆ ของร่างกายก่อนวัยอันควร ในทางกลับกัน บางคนอาจจะเคยสงสัย ทำไมยิ่งนอนยิ่งเมื่อย นั่นอาจเป็นเพราะเรานอนผิดท่า หรือนอนในท่าที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงเครื่องนอนอาจไม่เหมาะสม คือ นิ่มหรือแข็งจนเกินไป ก็เป็นได้


4 ท่านอนผิดๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้

ท่าที่ 1: การนอนขดตัวคุดคู้
การนอนขดตัวคุดคู้ คือ การนอนที่มีการก้มศีรษะ โก่งหลัง พับสะโพก งอเข่า เป็นท่านอนที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งเนื่องจากก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายในหลากหลายแง่มุม การนอนท่านี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยง ดังนี้
ปวดเข่า เอ็นบริเวณเข่าและสะโพกเกิดการอักเสบเนื่องจากมีการพับงอของข้อสะโพกและข้อเข่าเป็นระยะเวลานาน
กล้ามเนื้อหลังส่วนล่างอักเสบและปวด เนื่องจากมีการโก่งงอของหลัง ทำให้กล้ามเนื้อหลังถูกยืดเหยียดออกจนตึง
กระดูกสันหลังมีการบิดโก่งงอผิดรูป
ปวดคอจากกล้ามเนื้ออักเสบ  เนื่องจากการนอนนั้นมีการก้มคอค้างไว้ทำให้กล้ามเนื้อคอตึง และยังไปเพิ่มแรงดันต่อหมอนรองกระดูกสันหลังช่วงคออีกด้วย
หากผู้ป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับประสาทอยู่แล้ว การนอนในท่าที่ผิดสุขลักษณะอย่างเช่นท่านอนขดตัวคุดคู้นี้ ก็อาจกระตุ้นให้เกิดอาการปวดมากขึ้นได้

ท่าที่ 2: การนอนคว่ำ
การนอนคว่ำ ถือว่าเป็นท่านอนที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากการนอนคว่ำจะทำให้ผู้นอนหายใจไม่สะดวก กระดูกสันหลังแอ่นมากกว่าปกติ และขณะที่นอนก็ต้องมีการบิดคอไปทางซ้ายหรือทางขวารวมถึงมีการแอ่นไปข้างหลังอีกด้วย จึงอาจก่อให้เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อคอ เกิดอาการปวดคอ ปวดหลังได้ ดังนั้น ท่านอนคว่ำจึงเป็นท่านอนที่ไม่ควรทำเท่าไหร่นัก แต่หากจำเป็นต้องนอนท่านี้ ก็แนะนำให้ทำได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ โดยแนะนำให้หาหมอนมารองช่วงหน้าอกหรือช่วงท้องก็จะทำให้นอนได้สบายยิ่งขึ้น

ท่าที่ 3: การนอนแบบกึ่งนั่งกึ่งนอน
ท่านอนแบบกึ่งนั่งกึ่งนอนโดยที่มีหมอนรองที่หลังเอาไว้ แล้วนอนเอนหลังและไถลตัวไปบนเตียงนอนหรือโซฟา พร้อมกับเล่นโทรศัพท์มือถือ อ่านหนังสือ หรือดูโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ นั้น ทำให้ผู้ที่นอนท่านี้ต้องงอหรือก้มคอเป็นระยะเวลานาน ซึ่งหากทำเป็นประจำ จะทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอและหลังทำงานมากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดอาการอักเสบและปวดกล้ามเนื้อคอบ่าไหล่ขึ้นมาได้ รวมถึงสามารถทำให้เกิดอาการปวดหลังส่วนล่างจากการที่มีการแอ่นของหลังขณะนั่งได้อีกด้วย

ท่าที่ 4: การนอนทับต้นแขนตัวเอง
การกดทับต้นแขนของตัวเองซึ่งเป็นบริเวณที่มีเส้นประสาท (Radial Nerve) อยู่ เป็นเวลานาน โดยอาจเกิดจากการทับของศีรษะหรือการพาดแขนบนพื้นผิวต่างๆ เช่น พนักเก้าอี้ พอเส้นประสาทถูกกดทับนานๆ แล้ว จึงก่อให้เกิดอาการทางระบบประสาทตามมา ที่พบบ่อยที่สุด คือ อาการข้อมือตก ทำให้กระดกข้อมือไม่ขึ้น อาการข้อมือตกจากการถูกกดทับของเส้นประสาทเรเดียน (Radial Nerve) นี้ เรียกว่า Saturday night palsy หรือ Honeymoon palsy โดยส่วนใหญ่แล้วอาการมักไม่ร้ายแรงและสามารถหายเองได้ ซึ่งระยะเวลาจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ส่วนมากแล้วจะใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ โดยในระหว่างที่รอเส้นประสาทหายดีนี้ แพทย์จะให้มีการออกกำลังกายกล้ามเนื้อบริเวณมือ ข้อมือ และแขนท่อนล่าง เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อฝ่อลีบและการเกิดข้อติดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย ภาวะ Saturday night palsy or Honeymoon palsy นั้น แรกเริ่มเดิมทีเกิดจากผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์หนักจนเมาพับและนอนหลับลึกฟุบไปกับโต๊ะ โดยที่วางศีรษะทับต้นแขนไว้  หรืออาจเกิดจากการที่คู่รักนอนหนุนแขนของอีกฝ่ายตลอดทั้งคืน พอตื่นขึ้นมาแล้วจึงพบว่าข้อมือตก ยกไม่ขึ้นนั่นเอง


ข้อแนะนำเพื่อให้มีคุณภาพการนอนหลับที่ดี

1.ท่านอนหงาย  เป็นท่านอนปกติที่คนส่วนใหญ่นิยมนอนกัน เนื่องจากการนอนหงายทำให้น้ำหนักตัวกระจายลงไปตามส่วนต่างๆ ของแผ่นหลัง จึงไม่มีน้ำหนักลงจุดใดจุดหนึ่งมากกว่าปกติ อีกทั้งกระดูกสันหลังก็อยู่ในแนวตรง ไม่มีการโค้งผิดรูป และหากมีหมอนรองใต้เข่าขณะนอนหงายก็จะทำให้นอนได้สบายยิ่งขึ้น เนื่องจากการรองหมอนไว้ใต้เข่าทำให้ข้อสะโพกมีการงอเล็กน้อย จึงช่วยลดการแอ่นของหลังส่วนล่างและป้องกันการปวดหลังได้ด้วย อย่างไรก็ตาม การนอนหงายอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคปวดหลัง มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับหรือนอนกรนเป็นประจำ เป็นต้น

2.ท่านอนตะแคง  เป็นท่านอนที่ดีอีกท่าหนึ่งที่คนนิยมกัน เป็นท่าที่นอนสบายและสามารถช่วยลดอาการปวดหลังได้ ควรนอนตะแคงโดยมีหมอนข้างไว้ให้กอดและพาดขา ส่วนหมอนหนุนที่ใช้ก็ไม่ควรเตี้ยจนเกินไปเพราะจะทำให้ปวดต้นคอได้ ควรใช้หมอนหนุนที่เมื่อนอนตะแคงแล้วศีรษะอยู่ระดับเดียวกับลำตัว หรือกระดูกสันหลังส่วนคออยู่ระดับเดียวกับกระดูกสันหลังส่วนอกและส่วนเอว

3.ไม่ว่าจะนอนในท่าไหน ทุกครั้งที่เรารู้สึกตัวในระหว่างการนอน เราควรจะขยับปรับเปลี่ยนท่านอน เพื่อให้ร่างกายได้ขยับ และกระดูกและกล้ามเนื้อไม่ถูกกดทับมากจนเกินไป

4.เครื่องนอน  เนื่องจากเครื่องนอนที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับสรีระของแต่ละบุคคล จึงแนะนำให้จัดเตรียมเครื่องนอนที่นอนแล้วสบายที่สุด หมอนสูงกำลังดี ฟูกที่นิ่มพอดีจะช่วยพยุงหลังของเรา มีหมอนข้างไว้กอดเมื่อต้องการนอนตะแคง นอนตื่นขึ้นมาแล้วไม่ปวดคอหรือปวดหลังก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว

5.สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม  ห้องนอนควรจะมืดสนิท ไม่มีแสงและเสียงรบกวนขณะนอนหลับ หรืออาจหาอุปกรณ์ตัวช่วย เช่น ที่ปิดตา หรือที่อุดหู เพื่อให้เรานอนหลับได้สนิท ให้การนอนหลับเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนจริงๆ

เพียงแค่เราปรับพฤติกรรมการนอนให้ดี โดยนอนในท่าทางที่ถูกต้อง ถูกสุขลักษณะ เลือกเครื่องนอนและจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ก็สามารถช่วยให้การนอนมีคุณภาพ หลับได้เต็มอิ่ม ถนอมกระดูกและกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ รวมถึงระบบประสาท และทำให้สามารถตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันและทำงานได้อย่างสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า มีชีวิตที่ยืนยาวโดยปราศจากการบาดเจ็บต่อระบบประสาท กระดูก และกล้ามเนื้อ




(https://4upic.com/images/2020/01/11/aeK8na.png) (https://4upic.com/image/aeK8na)


(https://www.img.in.th/images/f3ee3cbebe6bf03dedcc9547a717fc26.md.gif) (https://www.img.in.th/image/8mobpL)