หวยซอง เลขเด็ด อภิโชควิเคราะห์เลขรวย หวยรัฐบาล : Apichoke.net

ปกิณณกะ => สุขภาพ-สมุนไพร => ข้อความที่เริ่มโดย: sonic x ที่ 26 สิงหาคม 2010, 22:00:09น.

หัวข้อ: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 26 สิงหาคม 2010, 22:00:09น.
แนวทางใหม่ในการรักษาโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อน
http://www.apichoke.net/index.php/topic,1068.0.html

 :)

ออกกำลังเสริมหน้าอก
http://www.apichoke.net/index.php/topic,1069.0.html

 :)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 27 สิงหาคม 2010, 12:24:54น.
โรคที่พบในผู้สูงอายุ

โรคที่พบในผู้สูงอายุนั้น ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดมา ตั้งแต่ในวัยหนุ่มสาว แต่ไม่ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดอาการรุนแรงมากขึ้น เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ บางโรคเกิดเนื่องจาก ความเปลี่ยนแปลงของ การบริโภคอาหาร ภายหลังจากเกษียนอายุราชการ โรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ โภชนาการในอดีตหรือปัจจุบัน ได้แก่  

โรคอ้วน

อ้วนนับเป็นโรคอย่างหนึ่ง ที่เกิดจากการสะสมของพลังงาน ที่ได้จากอาหารที่รับประทาน เกินความต้องการของร่างกาย และมีการเก็บสะสมไว้ ในรูปของไขมันในระยะนานเข้า ก็จะปรากฏให้เห็น ด้วยการมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น จากเดิมทีละน้อยๆ อายุที่เพิ่มขึ้น มีโอกาสมีน้ำหนักตัวเพิ่มอยู่แล้ว เพราะการใช้แรงงานน้อยลง การรับประทานอาหารยังคงเดิม ดังนั้น ถ้าไม่ควบคุมการรับประทานอาหาร โอกาสอ้วนย่อมมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว โรคอ้วน เป็นปัจจัยเสี่ยงนำไปสู่การเป็นโรคอื่นๆ อีกหลายโรค เช่นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด โรคเกี่ยวกับข้อ ฯลฯ คนทั่วๆ ไปจะมีการเปลี่ยนแปลง น้ำหนักตัว และสังเกตเห็นว่า เริ่มอ้วนเมื่ออายุประมาณ 35-40 ปี ถ้าให้ความสนใจต่อสุขภาพ ระวังน้ำหนักตัวไม่ให้เกินมาตรฐาน ตั้งแต่ก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ ปัญหาของโรคต่างๆ ที่จะเกิด ย่อมน้อยลงได้ หรือเมื่อมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานแล้ว ต้องพยายามควบคุมอาหาร จัดอาหารที่ให้คุณค่าอาหารสูง แต่พลังงานต่ำ เพื่อช่วยลดน้ำหนักลง ก็เป็นการช่วยลด ปัญหาสุขภาพได้อีกทางหนึ่ง  

โรคโลหิตจาง

บางครั้งเราเรียกว่า โรคซีด โรคโลหิตจางเกิดได้ เนื่องจากการรับประทานอาหาร ที่ขาดธาตุเหล็กมาในระยะเวลานาน หรืออาจเกิดจากการสูญเสียเลือด ในปริมาณที่ไม่มากนัก จนไม่สามารถตรวจพบ แต่เกิดเรื้อรังมาเป็นเวลานาน เช่น เลือดออกในลำไส้ หรือกระเพาะอาหาร เป็นต้น โรคนี้ทำให้ผู้สูงอายุซีด ร่างกายอ่อนเพลีย ความต้านทานโรคน้อยลง ทำให้เจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น การจัดอาหารที่มีเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์ต่างๆ ให้รับประทานเป็นประจำ เพื่อให้ได้รับเหล็กที่เพียงพอ  

โรคหัวใจและหลอดเลือด

สถิติของการเกิดโรคนี้มากที่สุด ในช่วงอายุ 45 ปี ความรุนแรงจะมากขึ้น ถ้าไม่ได้รับการรักษา และดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในการรับประทานอาหารให้ถูกต้อง เพราะสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรค คือ การรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูง เกินความต้องการของร่างกาย และการเลือกรับประทานที่ไม่เหมาะสม เช่น อาหารที่มีไขมันสูง โคเลสเตอรอลสูง รวมถึงการสูบบุหรี่ และการขาดการออกกำลังกาย การป้องกันโรคนี้ ควรเริ่มเมื่อก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น หมูสามชั้น หนังเป็ด หนังไก่ เครื่องในสัตว์ กะทิ เป็นต้น งดการสูบบุหรี่ และมีการออกกำลังกายเป็นประจำ

โรคเบาหวาน

ผู้ใหญ่ที่เป็นโรคนี้ เป็นผู้ที่มีน้ำหนักตัว มากกว่ามาตรฐาน ในช่วงอายุเกิน 50 ปี ผู้สูงอายุที่ชอบรับประทานน้ำตาลมากๆ พบว่า ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้น มากกว่าคนหนุ่ม-สาว และลดระดับคืนสู่ปกติได้ช้า โรคเบาหวานพบในผู้สูงอายุ ที่มีการเกิดโรคนี้ในครอบครัว การรับประทานอาหารมากและอ้วน การเป็นโรคนี้จะนำไปสู่ การเป็นโรคหลอดเลือดแข็ง และอุดตันได้ง่าย และเป็นสาเหตุการตายของผู้สูงอายุ เป็นโรคเบาหวานด้วย ดังนั้น การควบคุมน้ำหนักตัว ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ให้อ้วน เป็นทางหนึ่งที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคได้  

โรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ

ผู้สูงอายุ มีการเสียสมดุลของฮอร์โมน ทำให้การเผาผลาญอาหารในร่างกายผิดปกติ การดูดซึมสารอาหาร และแร่ธาตุโดยเฉพาะ แคลเซียมเปลี่ยนแปลง นำไปสู่การเกิดโรคกระดูกพรุน ซึ่งเป็นปัญหาหนึ่งที่พบมากในผู้สูงอายุ ที่ทำให้กระดูกเปราะและหักได้ง่าย เกิดมากในผู้หญิงอายุเกิน 50 ปี และผู้ชายอายุเกิน 60 ปี การอักเสบต่างๆ ของข้อ เกิดจากการมีน้ำหนักตัวมากเกินไป ทำให้เป็นอุปสรรคในการเคลื่อนไหว และการช่วยตัวเอง ของผู้สูงอายุ การจัดอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม เนื้อสัตว์ต่างๆ ถั่วเมล็ดแห้งและผลไม้ ให้ผู้สูงอายุรับประทานเป็นประจำ เพื่อช่วยบำรุงความแข็งแรงให้แก่กระดูก  

จากตัวอย่างของโรค ที่พบในผู้สูงอายุที่กล่าวมา คงทำให้เห็นความสำคัญของโภชนาการ ที่มีผลกระทบต่อผู้สูงอายุ การให้การดูแลในเรื่องอาหารการกิน เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับสารอาหาร ในปริมาณที่มากพอต่อความต้องการของร่างกาย นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรง ยังช่วยชะลอการเกิดโรค หรือบรรเทาความรุนแรงของโรคได้  
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 27 สิงหาคม 2010, 12:40:52น.
 อัมพาตในผู้สูงอายุ

ถาม :    คำจำกัดความของคำว่า " โรคอัมพาต"  
ตอบ :    คำว่าอัมพาต ในภาษาชาวบ้าน ก็หมายถึง โรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติ ในระบบประสาทอย่างฉับพลัน โดยความหมายทั่วไป ก็จะหมายถึง แขนขาซีกใดซีกหนึ่งอ่อนแรงไปหรือเดินไม่ได้
 
ถาม :    อัมพาต และอัมพฤกษ์ เป็นโรคชนิดเดี่ยวกันหรือไม่   
ตอบ :    อัมพาตมักจะเป็นมาก และอัมพฤกษ์จะเป็นน้อยกว่า ในภาษาแพทย์ โรคหลอดเลือดสมองจะมีหลายแบบ ซึ่งพูดง่ายๆ ก็คือ หลอดเลือดสมองอาจตีบ หรืออุดตัน หรืออาจจะแตก ซึ่งแต่ละชนิด จะทำให้เกิดอาการทางระบบประสาทได้ ซึ่งบางทีอาการอาจคล้ายๆ กัน
 
ถาม :    อัมพาต มีกี่ลักษณะ   
ตอบ :    ก็จะเกิดขึ้นจากหลอดเลือดสมองที่ตีบ อุดตัน และแตก
 
ถาม :    ลักษณะอาการที่ผิดปกติของผู้ป่วยเป็นอมพาตที่มีหลอดเลือดในสมองตีบ จะมีลักษณะอาการผิดปกติอย่างไร   
ตอบ :    ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีลักษณะแขนขาอ่อนแรงซีกใดซีกหนึ่ง และจะทำให้เดินไม่ได้ รู้สึกชา บางรายจะเดินเซ บางรายจะมีอาการปวดหัว อาเจียน หรือพูดจาสับสน โดยสรุป ก็คือ ลักษณะที่จะบ่งชี้ว่าจะเป็นอัมพาต ก็คือ อาการจะเกิดขึ้นแบบทันทีทันใด ไม่ใช่ค่อยเป็นค่อยไป ใช้เวลานานเป็นชั่วโมง ไม่ใช่เป็นวันเป็นเดือน
 
ถาม :    นอกจากนี้จะมีโรคอื่นๆ นำมาก่อนหรือไม่   
ตอบ :    ก็มีโรคหลายโรค ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของอัมพาต ยกตัวอย่างเช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หรือการสูบบุหรี่ อ้วนเกินไป การใช้ชีวิตที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลย นั่งทำงานหรือนั่งโต๊ะอย่างเดียว  

ถาม :    ในปัจจุบันมีผู้ป่วยมากน้อยเพียงใด และจะเกิดขึ้นเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้นหรือไม่   
ตอบ :    จริงๆ โรคนี้เป็นได้ตั้งแต่วัยกลางคน ถ้ามองดูในคนอายุน้อย ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง เช่น เกิดจากโรคหัวใจบางชนิด ที่มีเส้นเลือดหลุดไปอุดหลอดเลือดสมอง ก็เลยทำให้เกิดอัมพาต แต่พบส่วนน้อย ส่วนใหญ่ถ้ามองในแง่ของปัจจัยเสี่ยง ที่ได้พูดไปข้างต้น จะเป็นโรคของคนวัยกลางคน และมักจะเป็นในผู้ชายได้เร็วกว่าในผู้หญิง ในผู้หญิงจะพบในผู้ที่มีอายุมากกว่าผู้ชาย
 
ถาม :    ความแตกต่างของโรคที่เป็นเร็ว เป็นช้าของผู้หญิงหรือผู้ชายเกิดขึ้นจากอะไร  
ตอบ :    เข้าใจว่าจะเกิดจากอิทธิพลของ ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับเพศ เช่น ฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตนเจน ที่มีผลต่อเรื่องไขมันในเลือด หรือโรคหลอดเลือดต่างๆ   

ถาม :    ความก้าวหน้าของวิธีการรักษาในปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง   
ตอบ :    การรักษาของโรคเส้นเลือดสมองตีบ การรักษาในปัจจุบันก็คือ มีหลัก ต้องรับมารักษาให้เร็วที่สุด ดังนั้น เมื่อไหร่เริ่มมีอาการชวนให้สงสัยว่า จะเป็นอัมพฤกษ์, อัมพาต จะต้องรับมาโรงพยาบาล ถ้ามาได้เร็วได้เวลาเป็นชั่วโมงยิ่งดี ก็อาจจะมียาบางอย่างจะช่วยได้ ยกตัวอย่าง คือ ยาที่ละลายลิ่มเลือด การให้ยาแอสโพริน เพื่อป้องกันไม่ให้หลอดเลือดตีบมากขึ้น แล้วทำให้เกิดอาการมากขึ้น อันนี้มีการศึกษาชัดเจนว่า ยิ่งให้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี แต่ถ้าเป็นหลอดเลือดอุดตัน บางครั้งก็จะต้องให้ยาละลายลิ่มเลือด เพื่อป้องกันไม่ให้มันเป็นซ้ำอีก แต่ถ้าหลอดเลือดแตก ก็จะเป็นการรักษาแบบประคับประคอง ดูอาการกันไป และต้องระวังไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา
 
ถาม :    นอกจากนี้จะมีการรักษาวิธีอื่นๆ ร่วมด้วยอีกหรือไม่ กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง   
ตอบ :    คือหลังจากที่อาการของผู้ป่วยคงที่ไม่เป็นมากขึ้น เราก็เริ่มพิจารณาถึงการรักษา เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน เช่น การพลิกตัว การป้องกันโรค ปอดบวม โรคติดเชื้ออื่นๆ หรือการดูแลเรื่องดุลน้ำ ดุลเกลือแร่ในร่างกาย และหลังจากนั้น ก็จะพิจารณาเรื่อง การทำกายภาพบำบัด เพื่อการฟื้นฟูในคนไข้สภาพกลับมาดีขึ้น
 
ถาม :    ขั้นตอนในการรักษาต้องใช้เวลามากน้อยแค่ไหน  
ตอบ :    แล้วแต่สถานการณ์ ก็คือ ถ้าเป็นบ่อยก็จะดีขึ้นเร็ว อาจจะไม่จำเป็นต้องทำกายภาพบำบัดยาวนานมากนัก แต่ถ้าบางรายที่เป็นมาก ก็อาจจะจำเป็นต้องทำสักระยะหนึ่ง บางทีอาจจะเป็นเดือน ถ้าพูดถึงการรักษาระยาว ถ้าเมื่อไหร่ที่เป็นอัมพาตแล้ว เรามักจะรักษาไปตลอดชีวิต เพราะว่ามันมี ความเสี่ยงที่จะกลับมาเป็นอีกได้ ถ้าเคยเป็นมาหนหนึ่งแล้ว ก็อาจจะเป็นอีกได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเคยเป็นมาครั้งหนึ่งแล้ว ก็จะต้องรักษาต่อเนื่องไปตลอดชีวิต
 
ถาม :    ก็หมายความว่า เราไม่สามารถจะไปรักษาอัมพาตให้หายขาดได้ใช่หรือไม่   
ตอบ :    ถ้าเส้นเลือดที่มันตีบไปแล้ว เราจะต้องรักษาเพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่พูดไปข้างต้น ว่าป้องกันไม่ให้มันตีบมากขึ้น หรือว่าเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตซ้ำอีก
 
ถาม :    โรคแทรกซ้อนอะไรบ้างที่มักพบว่าจะเกิดร่วมกับการเป็นอัมพาต  
ตอบ :    ในขณะที่เป็นอัมพฤกษ์ , อัมพาต โรคแทรกซ้อนที่เจอบ่อยๆ ก็คือ โรคติดเชื้อ คนไข้ที่นอนนานๆ ก็อาจจะมีโอกาสเป็นปอดบวม ปอดอักเสบ หรือติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ในขณะเดียวกันการที่นอนนานๆ ไม่ได้พลิกตัวอย่างถูกต้อง ก็จะมีโอกาสเกิดแผลกดทับ และมีการติดเชื้อตามมา
 
ถาม :    วิธีการดูแลผู้ป่วยที่เป็นอัมพาต ผู้ใกล้ชิดจะมีวิธีการดูแลอย่างไรบ้าง  
ตอบ :    ถ้าคนไข้ช่วยตัวเองได้น้อย ไม่สามารถจะลุกขึ้นมานั่งได้เอง เราก็คงจะต้องช่วยเหลือพอสมควร การช่วยเหลือก็ทำได้ตั้งแต่ การพลิกตัวทุกๆ 2 ชั่วโมง ฝึกทำกายภาพบำบัดสำหรับญาติ ก็คือ ญาติจะต้องมาเรียนรู้ วิธีการทำกายภาพบำบัด จากนักกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล เพื่อนำกลับไปทำต่อที่บ้านได้ และจะต้องพยายามให้คนไข้ช่วยตนเอง ให้มากเท่าที่จะทำได้ สมมุติว่า พอจะกินข้าวเองได้ ใช้มือข้างที่ยังดีอยู่ช่วยตัวเองได้ ก็พยายามให้ทำ เพื่อให้คนไข้มีความมั่นใจตัวเองมากขึ้นด้วยว่า ผู้ป่วยยังมีความสามารถอยู่ ไม่ใช่หมดความสามารถแล้ว และเราก็เจอบ่อยว่าคนไข้ที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต จะมีโรคซึมเศร้าตามมาได้มาก เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้ช่วยตนเองได้ ญาติไม่ได้ดูแลใกล้ชิด ก็จะยังมีปัญหานี้ตามมา แทนที่จะฟื้นตัวได้ทั้งๆ ที่แข็งแรงขึ้นแล้ว แต่ทางใจไม่แข็งแรง ก็จะแย่ลง
 
ถาม :    ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องจะสามารถปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ได้เหมือนเดิมหรือไม่  
ตอบ :    เรื่องของอัมพาต อัมพฤกษ์ นั้นมีหลายระดับ คนที่เป็นน้อย ก็สามารถที่จะกลับมาเดินเป็นได้เหมือนเดิม ส่วนคนที่เป็นมาก อาจจะใช้มือข้างหนึ่งไม่ถนัด อย่างน้อยเป้าหมายของเราฝึกให้เขา ใช้มืออีกข้างหนึ่งมาทดแทนได้ สมมุติว่าเป็นมือขวา อาจจะใช้มือซ้ายตักข้าวเข้าปาก ล้างหน้า แปรงฟันหรือทำกิจกรรมใดๆ ของตัวเองได้ นั่นคือ เป้าหมายที่ต้องการ เราไม่สามารถทำให้แขนขาที่อ่อนแรงไปแล้ว กลับมาดีได้เหมือนเดิม 100% แต่อย่างน้อย เราก็จะพยายามให้ผู้ป่วยช่วยตนเอง ก็คือใช้สิ่งที่มีอยู่มาชดเชย
 
ถาม :    อันตรายของโรคอัมพาตมีมากน้อยเพียงใด   
ตอบ :    ถ้าโรคอัมพาต หรือโรคหลอดเลือดสมองนั้น เกิดจากหลอดเลือดสมองแตก โอกาสที่ผู้ป่วยจะเสียชีวิตในช่วง 1 เดือนแรกจะมีสูง อาจจะถึง 40% ซึ่งเยอะมาก แต่ถ้าเป็นประเภทของ หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน โอกาสที่จะเสียชีวิตก็จะน้อยลง แต่ความพิการก็จะมากขึ้น
 
ถาม :    จะป้องกันการเกิดอัมพาตได้อย่างไร   
ตอบ :    สำหรับเรื่องของอัมพฤกษ์ อัมพาต การป้องกันคือเป็นหัวใจของเรื่อง เพราะว่าถ้าเป็นแล้ว ก็จะเกิดความพิการหรือเสียชีวิต เพราะฉะนั้น การป้องกัน สามารถทำได้ง่ายๆ ก็คือ ต้องเริ่มต้นตั้งแต่วัยที่ยังไม่สูงอายุ การดูแลป้องกันตัวเองไม่ให้เป็น ก็คือ ต้องค้นหาปัจจัยเสี่ยงว่า ตนเองมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือไม่ ปัจจัยเสี่ยงที่ว่าจะค้นได้อย่างไร บางครั้งไม่มีอาการ ก็ต้องไปตรวจสุขภาพประจำปี เช่น วัดความดัน เจาะเลือด เช็คดูเบาหวาน ไขมันในเลือด ถ้าใครที่สูบบุหรี่ต้องงดบุหรี่ ถ้าเจอว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดก็ต้องรีบรักษา ควบคุมให้ดี ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ ถ้าใครรู้ตัวว่าอ้วนจะต้องลดความอ้วน ใครที่ไม่ออกกำลังกาย ก็ต้องออกกำลังกาย ก็จะช่วยได้มาก 

ถาม :    ข้อแนะนำในตอนท้าย  
ตอบ :    ขอให้ทุกท่านสนใจตัวเอง ตั้งแต่วัยที่ยังไม่ถึงวัยผู้สูงอายุ และมองหาว่าอะไรเป็นปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ของโรคอัมพฤกษ์, อัมพาต ดังที่กล่าวไปข้างต้น ดังนั้นการตรวจสุขภาพประจำปีก็มีความสำคัญ แม้กระทั่งการไปพบแพทย์ด้วยอาการเจ็บป่วยอื่นๆ เช่น ไข้หวัด ถ้าจะให้หมอวัดความดันให้ก็จะเป็นการดี ถ้าบังเอิญพบว่าเป็นความดันโลหิตสูง ก็รีบรักษาก็จะช่วยป้องกันการเกิดอัมพฤกษ์, อัมพาตได้  

ผศ. นพ. รุ่งนิรันดร์ ประดิษฐสุวรรณ
   
แหล่งข้อมูล : www.si.mahidol.ac.th - คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  

หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 27 สิงหาคม 2010, 14:16:31น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) สวัสดีครับ เพื่อนสมาชิกสามารถนำข้อมูลมาลงร่วมกันได้นะครับ
ให้ sonic ได้มีส่วนร่วมในการอ่านข้อมูลของเพื่อนสมาชิกบ้าง
จะได้เสริมความรู้และนำไปใช้ประโยชน์ในวันข้างหน้าได้
ขอบคุณมากครับ

 T|g T|g T|g h*[ h*[ h*[
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 27 สิงหาคม 2010, 14:40:16น.
(http://upic.me/i/ot/li_lg.jpg) (http://upic.me/show.php?id=ac0dc53d50a7bf88c804880160efb63e)

http://www.youtube.com/v/dAlcUP_OnHc?fs=1&=1&autoplay
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: takom..*♫~ ที่ 27 สิงหาคม 2010, 18:02:56น.
 :)  ความรู้เพียบเลย  เก่งจังท่านผู้ดูแลบอร์ด   ]E[ s#y s#y
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 27 สิงหาคม 2010, 18:13:41น.
:)  ความรู้เพียบเลย  เก่งจังท่านผู้ดูแลบอร์ด   ]E[ s#y s#y

(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) :-[ :-[ ทำเอาเขินเลยนะครับ PR.ตาคม
ขอบคุณมากครับ

หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ 28 สิงหาคม 2010, 08:56:54น.
:)  ความรู้เพียบเลย  เก่งจังท่านผู้ดูแลบอร์ด   ]E[ s#y s#y

ถูกต้องค่ะ  คุณตาคม  ท่านผู้ดูแลบอร์ดของดอทเน็ทเก่งจริง ๆ ค่ะ  

(http://comment-thai.com/photo/13786.gif) (http://comment-thai.com/pimp_glitter_13786.html)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 28 สิงหาคม 2010, 11:11:21น.
สวัสดีวันหยุดครับ
สดใสรับวันใหม่
ขอให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน เจอสิ่งดีๆ ตลอดวัน
และที่สำคัญ เป็นกำลังใจให้เสมอครับ


http://img441.imageshack.us/img441/6434/rud20248202.swf
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: *.:。✿Fikky✿.。.:* ที่ 28 สิงหาคม 2010, 11:49:04น.
 J@: J@: J@:

(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) h*[ 625 * สวัสดีครับ คุณ fikky
จิ๊บ จิ๊บ เสียงนกร้องครับ แหะๆ ขอบคุณมากที่เข้ามาเยี่ยมและเม้นให้
รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 02 กันยายน 2010, 06:00:19น.
สวัสดีครับ ทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม

(http://glitter.kapook.com/files/glitter/photo/original/5/6872.gif) (http://glitter.kapook.com/category.php?category_id=3&sid=124513a66aa171df29f9b78cd7c858d3)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ 02 กันยายน 2010, 08:23:19น.
(http://comment-thai.com/photo/6385.gif) (http://comment-thai.com/pimp_glitter_6385.html)


(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) h*[ 807 * สบายดีครับ ขอบคุณครับ
รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 02 กันยายน 2010, 20:19:30น.
::) บรรเทาอาการปวดหัวด้วยตัวคุณ

อาการปวดหัวเป็นเรื่องปกติคู่วิถีชีวิตคนเมืองอย่างเราๆ บนโต๊ะทำงานนอกจากจะเห็นเครื่องเขียนจำเป็นแล้ว แผงยาแก้ปวดหัว ก็ดูจะคุ้นตาอยู่บ่อยๆ ทำไมถึงปวดหัวหรือครับ ?  

สาเหตุนั้นมีเยอะมาก แล้วแต่องค์ประกอบของแต่ละคน เช่น มีโรคประจำตัวบางอย่าง ความดันโลหิตสูง เป็นไมเกรน คนกลุ่มนี้เขาจะรู้ตัว เมื่อมันเริ่มปวดตึบๆ ขึ้นมา ส่วนใหญ่ถ้ากินยาดักไว้ก่อนอาการก็จะทุเลาไม่ถึงขั้นรุนแรง  

แต่สำหรับคนที่ปวดหัวทั่วไป อาจมีได้หลายสาเหตุ เช่น อากาศร้อนเกินไป นอนไม่พอ เครียด หิวข้าว คนที่ชอบเคี้ยวหมากฝรั่งนานๆ แพ้กลิ่นน้ำหมอฉุนๆ คนสูบบุหรี่จัดส่วนใหญ่ก็จะปวดหัวบ่อยๆ นอนผิดท่าก็ทำให้ปวดหัวได้เหมือนกัน อย่างนอนคว่ำหน้าก็อาจทำให้กล้ามเนื้อที่คอหดตัวและเป็นสาเหตุให้ปวดหัวได้ ท่านอนหงายจะดีกว่าสำหรับคนที่ปวดหัวบ่อยๆ และปวดหัวไม่ทราบสาเหตุอีกมากที่ทำให้คนเราปวดหัว ก่อนที่จะพึ่งโอสถก็ลองแก้ที่ต้นเหตุปัญหา และพึ่งตนเองดูก่อนกันดีกว่าไหม...  

นอนหลับสักงีบอาจช่วยให้อาการปวดหัวดีขึ้น แต่ก็เหมือนดาบสองคม บางคนปวดหัวแล้วนอนสักตื่นจะอาการดีขึ้น แต่บางคนนอนมากไปจะยิ่งปวดหัวหนักขึ้น ต้องลองดูนะครับ  

ไม่ว่าจะยืนหรือนั่ง ต้องให้หลังและคอตั้งตรงไว้เสมอ พยายามหลีกเลี่ยงการเอียงศีรษะไปด้านใดด้านหนึ่งอยู่เสมอๆ
ประคบร้อนหรือเย็น ที่บริเวณหน้าผากและต้นคอก็ช่วยได้ ส่วนจะเลือกร้อนหรือเย็นอันนี้ต้องตามความเหมาะสมของแต่ละคน ขอแนะนำว่าความร้อนห้ามใช้กับคนปวดหัวไมเกรน หรือคนที่ปวดหัว หายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนออกช้าๆ เหมือนเวลาคลายเครียด หรือดับความโกรธ นวดและกดเพื่อบรรเทาอาการปวดหัว บริเวณต้นคอ ไหล่ และหลัง
ประคบดวงตาด้วยผ้าชุบน้ำเย็น เพราะอาจเกิดจากตาเพลียที่ต้องสู้กับแสงจ้าเป็นเวลาต่อเนื่องนานๆ เช่น อยู่ท่ามกลางแดด  สู้แสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันจนตาล้า การใส่แว่นกันแดด หรือติดแผ่นกรองแสงหน้าจอก็ช่วยได้มาก
 
ดื่มกาแฟดำสักแก้ว อาจช่วยได้ แต่อย่าดื่มมากไปเพราะอาจทำให้ใจสั่นและนอนไม่หลับ  

รับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ เพราะการอดอาหารอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง เส้นเลือดในสมองหดตัว เมื่อทานอาหารมื้อต่อไปจะทำให้เส้นเลือดขยายเกิดอาการปวดหัวได้  

งดอาหารบางชนิด ได้แก่ อาหารที่มีรสเค็มที่ใส่เกลือมากๆ อาหารที่ใส่ผงชูรส ช็อกโกแล็ต เนยแข็ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์  อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้ดี และมลพิษน้อยที่สุด
 
ลองดูนะครับว่าคุณจะเลือกใช้วิธีไหนเพื่อบรรเทาอาการปวดหัว บำบัดด้วยวิธีธรรมชาติเลี่ยงตัวต้นเหตุเป็นปฐมก่อนเป็นดี แต่ถ้าไม่ดีขึ้นและมีอาการมากขึ้นเรื่อยๆ หรือเป็นบ่อยขึ้น แบบนี้จำเป็นต้องไปพบคุณหมอสักหน่อยให้ช่วยวินิจฉัยล่ะครับ  

ที่มาข้อมูล :นิตยสาร Health Today
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 02 กันยายน 2010, 20:29:02น.
::) เด็กอ้วน-ภูมิแพ้ ระวัง!!
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับทำให้สมาธิสั้น หัวใจไม่โต และอาจเสียชีวิตกะทันหัน

 
         ภาวะนี้พบได้ในเด็กทุกอายุ แต่พบมากในเด็กช่วงอายุ 2-6 ปี ถ้าไม่รักษาจะทำให้เด็กหยุดหายใจเป็นช่วงๆ เกิดการขาดออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์คั่งในเลือด ซึ่งอาจทำให้สติปัญญาถดถอย สมาธิสั้น การเรียนตกต่ำ เลี้ยงไม่โต หัวใจโต หรือ เสียชีวิตอย่างกะทันหันได้  

สาเหตุ
         ส่วนใหญ่มักเกิดจาก ต่อมทอนซิลที่อยู่ข้างโคนลิ้นและต่อมอดีนอยด์ที่บริเวณหลังจมูกมีขนาดโตขึ้นและขวางทางเดินหายใจส่วนบน ขณะหลับกล้ามเนื้อในช่องคอส่วนต้นจะคลายตัว ทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบ โรคอื่นๆ ที่ภาวะนี้พบได้บ่อย เช่น เด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้ เด็กอ้วน โรคอ้วนจะมีไขมันสะสมบริเวณช่องคอเพิ่มขึ้น นอกนั้นยังพบในเด็กที่มีลักษณะโครงหน้า คาง ลิ้นและคอผิดปกติ ทำให้ลักษณะทางเดินหายใจส่วนบนแคบกว่าปกติ
 
อาการ
         เด็กมักจะนอนกรนร่วมกับมีอาการหายใจลำบากขณะนอนหลับ หน้าอกบุ๋ม อ้าปากหายใจ ปากซีดเขียว เสียงกรนหายใจสะดุดขาดหายเป็นช่วงๆ นอนดิ้นพลิกตัวบ่อย หรือนอนในท่าแปลกๆ พ่อแม่บางรายกลัวลูกจะหยุดหายใจ ถึงกับต้องนั่งเฝ้าคอยขยับตัวลูกหรือเขย่าปลุกลูกให้ตื่น ในตอนกลางวันเด็กอาจซุกซน ไม่อยู่นิ่ง มีสมาธิสั้นหรือผล็อยหลับบ่อยๆ
 
 การวินิจฉัย
         โดยการซักประวัติ ตรวจร่างกาย เอกซเรย์ทางเดินหายใจ และอาจต้องส่งตรวจพิเศษขณะนอนหลับ เช่น การตรวจระดับออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ขณะหลับ (overnight oxymetry and capnogarphy) หรือตรวจการนอนหลับแบบมาตรฐาน (polysomnography) ทั้งสองวิธีเป็นการตรวจด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ขณะที่เด็กหลับและไม่ทำให้เด็กเจ็บปวด การตรวจจำเป็นต้องให้เด็กค้างคืนในห้องพิเศษเดี่ยวโรงพยาบาล
 
 การเตรียมตัวก่อนมาตรวจพิเศษ  
         ควรนัดวันตรวจกับแพทย์ หยุดยาพ่นจมูกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ งดยาภูมิแพ้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้คัดจมูก 3 วันก่อนการตรวจ  
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 03 กันยายน 2010, 05:56:37น.
สวัสดีตอนเช้าครับ ทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม

 h*[  


http://img19.imageshack.us/img19/2372/1437e116499d55f46a05c5.swf
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: rainy ที่ 04 กันยายน 2010, 06:13:18น.
ขอบคุณมากค่ะ +1  k#| 4480


(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) h*[ 21 * สวัสดีครับ คุณ rainy
ด้วยความยินดีครับ เที่ยงแล้วไปหาอะไรทานกันดีกว่ามั้ย
ขอบคุณครับ  รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 04 กันยายน 2010, 09:40:22น.
สวัสดีเช้าวันเสาร์ครับ
 h*[

http://img3.imageshack.us/img3/8888/rud202020827.swf
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: takom..*♫~ ที่ 04 กันยายน 2010, 22:35:18น.
(http://img227.imageshack.us/img227/6131/819g.gif) h*[(http://img227.imageshack.us/img227/1655/f07061ef1.th.jpg) (http://img227.imageshack.us/img227/1655/f07061ef1.jpg) h*[

 h*[เหนื่อยกับงานกับชีวิตที่แสนจะวุ่นวายมาทั้งวันแล้ว  
หลับตาเพื่อพักผ่อน เก็บแรงไว้สู้ต่อไป...คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ   h*[

(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) h*[ 1299 * สวัสดีครับ พีอาร์.'บายดีป่าว
ตื่นหรือยัง เที่ยงแล้วหิวแล้ว ไปทานข้าวกันเถอะ พี่เลี้ยงข้าว น้องเลี้ยงน้ำเปล่า เอามะ
ทานให้หายเหนื่อย ทานให้กับชีวิตที่แสนจะวุ่นวายให้มันดีขึ้น
ทานเสร็จก็หลับตาพักผ่อนสักงีบ จะได้มีแรงต่อสู้กับหัวใจที่อ่อนล้าต่อไป
ขอบคุณครับ  รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: ★♥Cane♥★ ที่ 05 กันยายน 2010, 19:20:36น.
(http://winkkk.com/photo/9365.gif) (http://winkkk.com/pimp_glitter_9365.html)(http://upic.me/t/aw/1_display.jpg) (http://upic.me/show/16197076)

 
สวัสดีค่ะพี่โซนิค h*[ p]|
h*[ ขอบคุณสำหรับวันดีๆที่มีให้กันตลอดมา +1 h*[  p]| T|g

(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) h*[ 2279 * สวัสดีครับผู้ช่วยฯ
ของพี่ขอเป็น ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาที่ดีๆ ที่มีให้กันดีกว่า เนอะๆ แหะๆ
ขอบคุณครับ  รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ 07 กันยายน 2010, 11:03:47น.
(http://comment-thai.com/photo/3193.gif) (http://comment-thai.com/pimp_glitter_3193.html)

(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) h*[ 807 * ขอบคุณครับ
ไม่ว่าวันนี้ หรือวันไหน พี่ชายคนนี้ก็มีความรู้สึกที่ดีๆ ให้กับน้องสาวคนนี้เสมอ
รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: ทรายมุก ที่ 08 กันยายน 2010, 13:19:39น.
 k(* ขอบคุณมากค่ะ สำหรับข้อมูลดีๆ และน่าสนใจ  h*[
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ 08 กันยายน 2010, 16:18:22น.
(http://comment-thai.com/photo/10985.gif) (http://comment-thai.com/pimp_glitter_10985.html)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: takom..*♫~ ที่ 11 กันยายน 2010, 11:32:48น.
(http://i.kapook.com/glitter/2010/th/09/T020910_02C.gif) (http://glitter.kapook.com/category.php?category_id=16&sid=4d28249a29596a506de5fb0d011cb6af) p]| p]|
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ 13 กันยายน 2010, 10:52:36น.
(http://comment-thai.com/photo/4541.gif) (http://comment-thai.com/pimp_glitter_4541.html)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 15 กันยายน 2010, 10:20:09น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) สวัสดีครับ วันนี้เรามาสังเกตมะเร็ง 14 ชนิดกันดีกว่า

การสังเกตอาการเบื้องต้นของมะเร็งชนิด ต่างๆ  

อาการของ การเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย


1. มะเร็งปากมดลูก  
อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณอาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศ สัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด เนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ได้

2. มะเร็งในมดลูก  
อาการ  มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง

3. มะเร็งรังไข่  
อาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง

4. มะเร็งในเม็ดเลือด (ลูคีเมีย)  
อาการ เหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาการปวดตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของ ช่องท้อง

5. มะเร็งปอด  
อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ มีเลือดออก และมีเสมหะปนมากับน้ำลาย น้ำหนักลดอย่างเร็ว  เจ็บหน้าอกและหายใจลำบาก หรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
 
6. มะเร็งตับ  
อาการ  ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด

7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ  
อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ

8. มะเร็งสมอง  
อาการ   ปวดศีรษะนาน ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่นอาเจียน หรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงาน เช่นมีอาการชา และเป็นอัมพาตชั่วคราว ควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย

9. มะเร็งในช่องปาก  
อาการ  มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือที่ลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือก เนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือเป็นเวลานาน
 
10. มะเร็งในลำคอ  
อาการ เสียงแหบพร่า มีก้อนบวม ทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้

11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร  
อาการ   น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว อาเจียนออกมาเป็นเลือด ท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย บ่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ

12. มะเร็งทรวงอก
อาการ   มีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวม หรือผิวเนื้อทรวงอกหนา ขึ้นมีก้อน บวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวัง เพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่า ซีสต์ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกันแน่

13. มะเร็งลำไส้  
อาการ  น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติ มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ ซึ่งมีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใช้กระดาษทิชชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคืออาการของริดสีดวงทวารแต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่น คือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้

14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง  
อาการ  มีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้ เกิดอาการติดเชื้อในบาง ส่วนของร่างกายมะเร็งผิวหนัง อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝ หรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่าเมลาโนมา ( Melanoma ) คือ เนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติ  
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: ★♥Cane♥★ ที่ 16 กันยายน 2010, 02:28:49น.
(http://upic.me/i/zq/f1.11.jpg) (http://upic.me/show/16433149)
 h*[ คืนนี้นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะคะ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะพี่โซนิค ขอบคุณค่ะT|g T|g
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ 18 กันยายน 2010, 10:14:01น.
(http://comment-thai.com/photo/9476.gif) (http://comment-thai.com/pimp_glitter_9476.html)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 21 กันยายน 2010, 06:48:37น.
::) โยเกิตทำเอง เพื่อสุขภาพที่ดี

โยเกิตนอกจากจะเป็นอาหารลดน้ำหนักยอดฮิตของหญิงสาวแล้ว โยเกิตยังเป็นอาหารคุณภาพเยี่ยมที่อุดมไปด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง มีโปรตีน วิตามินบี 2 และบี 12 ที่ช่วยสร้างเม็ดเลือดและบำรุงระบบประสาท แต่เนื่องจากโยเกิตที่ขายตามท้องตลาดทั่วไปมักผสมน้ำตาล น้ำเชื่อมผลไม้ ซึ่งหากร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้หมดก็จะกลายเป็นแคลอรีให้สาวๆต้องปวดใจ (กับไขมันที่เพิ่มขึ้น) เพราะฉะนั้นมาทำโยเกิตเพื่อสุขภาพด้วยตัวเองแบบง่ายๆดีกว่า

ส่วนผสม :
นมสดหรือนมพร่องมันเนย 2 ลิตร, โยเกิตสำเร็จรูปรสธรรมชาติ 1 ถ้วย  

วิธีทำ :

1. เทนมใส่ภาชนะแก้วหรือเซรามิก นำไปตั้งไฟ พออุ่นยกลง

2. นำโยเกิตที่เตรียมไว้ผสมลงไปคนให้ละลายทั่วกัน ตักแบ่งใส่ถ้วยแล้วปิดฝาให้สนิท

3. นำไปวางเรียงในกระติกน้ำแข็งหรือกล่องโฟมใบใหญ่ ปิดฝาให้สนิท ตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องปกติประมาณ 8 ชั่วโมง

แล้วคุณจะได้โยเกิตแช่เย็นเก็บไว้รับประทานได้นาน 7 วันทีเดียว

ที่มา :: นิตยสาร ขวัญเรือน  
 T|g T|g T|g
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 21 กันยายน 2010, 09:33:43น.
(http://img29.imageshack.us/img29/9559/d47e7d54b3e34341574e002.gif)
สวัสดีครับ ส่งความรัก
ความคิดถึง และกำลังใจมาให้
สำหรับท่านที่เข้ามาอ่าน เกี่ยวกับสุขภาพ  h*[
ขอให้มีสุขภาพดี แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา
และเมื่อได้รับแล้ว โปรดยิ้มสักนิด ขอบคุณมากครับ
]E[

http://img224.imageshack.us/img224/209/391qg9.swf
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ 21 กันยายน 2010, 09:48:58น.
 Y$@ Y$@ Y$@ Y$@ Y$@ Y$@ Y$@ Y$@ Y$@ Y$@ Y$@


(http://comment-thai.com/photo/17013.gif) (http://comment-thai.com/pimp_glitter_17013.html)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 22 กันยายน 2010, 05:59:18น.
Goodmorning  h*[ สวัสดีตอนเช้าครับ

(http://img72.imageshack.us/img72/9599/39bgcon06.gif)

ตั้งใจมาส่งความรักและกำลังใจให้ครับ
กับทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม
เทคแคร์ด้วยนะ ด้วยความคิดถึงและเป็นห่วง
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ 22 กันยายน 2010, 13:56:02น.
(http://comment-thai.com/photo/1135.gif) (http://comment-thai.com/pimp_glitter_1135.html)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Buck RI ที่ 23 กันยายน 2010, 10:29:10น.
แวะมาสวัสดี  พี่ sonic x ครับ

(http://upic.me/i/h6/goodmorningbearcup.gif) (http://upic.me/show/7723367)

5404
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Buck RI ที่ 23 กันยายน 2010, 10:53:00น.
ขออนุญาตวางเพลงนะครับ

http://www.youtube.com/v/fqLI0wrpJa4?fs=1&
amp;hl=en_US&color1=0x234900&color2=0x4e9e00=1&autoplay=1
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: ★♥Cane♥★ ที่ 24 กันยายน 2010, 02:07:04น.
(http://upic.me/i/a1/12_09_10_01_43_3906_7879.gif) (http://upic.me/show/16626625)

 h*[ สวัสดีค่ะพี่โซนิค +1 h*[ +1พี่บัค h*[
 h*[ คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ เป็นกำลังใจให้กันทุกวันค่ะ h*[
(http://upic.me/i/p7/211.3.gif) (http://upic.me/show/16510556)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: takom..*♫~ ที่ 26 กันยายน 2010, 11:18:39น.
(http://img1.imagehousing.com/1/df0636d4c925d364eecaf9487fc6d1e5.gif) (http://www.imagehousing.com/)

 Y$@ Y$@ Y$@ T@$ T@$ T@$
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: ★♥Cane♥★ ที่ 26 กันยายน 2010, 12:02:15น.
http://img262.imageshack.us/img262/8506/5cc6b4971lm7.swf
 T|g สวัสดีค่ะพี่โซนิค k(*  +1 h*[ เป็นกำลังใจให้กันทุกวันนะคะ k#|
มีความสุขกับวันหยุดพักผ่อนนะคะ p]|
(http://upic.me/i/37/311.1.gif) (http://upic.me/show/16689264)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 29 กันยายน 2010, 17:46:20น.
::) สัญญาณเตือนว่า เข่าเสื่อมกำลังมาเยือน

          เราเคยเข้าใจกันว่าการเสื่อมถอยของร่างกายจะเกิดเมื่อเข้าสู่วัยชรา แต่ในกรณีที่มีการใช้ข้อเข่าอย่างหนัก ทั้งการเดิน การวิ่ง อาการเข่าเสื่อมจะมาเยือนคุณเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของคนในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปมาก อาทิ พฤติกรรมการบริโภคที่ส่งผลให้น้ำหนักตัวมากขึ้น การออกกำลังกายที่ไม่ถูกต้อง

          ดร.มนต์ทณัฐ โรจนาศรีรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ไคโรเมด สหคลินิก และโฆษกสมาคมการแพทย์ไคโรแพรคติกแห่งประเทศไทย กล่าวว่าอาการสำคัญที่บ่งชี้ถึงการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม คืออาการปวดข้อเข่า ข้อติดขัดขยับไม่ออกอาจมีเสียงลั่นดังในข้อคล้ายกระดูกเสียดสีกัน ข้ออักเสบบวม ข้อคดงอข้อขาโก่ง การเคลื่อนไหวทำได้น้อยลง โดยก่อนหน้านี้บางท่านอาจมีอาการเตือนล่วงหน้า เช่น เมื่อขยับหัวเข่าแล้วรู้สึกติดขัดบ้าง เดินในระยะใกล้ ๆ แล้วรู้สึกปวด เมื่อนั่งอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ จะรู้สึกปวดเข่า หรือเมื่อเปลี่ยนท่าทางลุกขึ้นยืนจะไม่มีแรง เป็นต้น

          ซึ่งถ้าเข้าข่ายอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางรักษาต่อไป

ขอขอบตุณข้อมูล : นิตยสารขวัญเรือน
 T|g T|g T|g
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: able ที่ 29 กันยายน 2010, 18:59:53น.
ขอบคุณมากค่ะ Y$@ Y$@ Y$@ Y$@ Y$@
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 29 กันยายน 2010, 19:04:45น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) สวัสดีครับ เพื่อนสมาชิกสามารถนำข้อมูลมาลงร่วมกันได้นะครับ
ให้ sonic ได้มีส่วนร่วมในการอ่านข้อมูลของเพื่อนสมาชิกบ้าง
จะได้เสริมความรู้และนำไปใช้ประโยชน์ในวันข้างหน้าได้
ขอบคุณมากครับ

 T|g T|g T|g h*[ h*[ h*[
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 29 กันยายน 2010, 19:07:55น.
ขอบคุณมากค่ะ Y$@ Y$@ Y$@ Y$@ Y$@

(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee)  สวัสดีครับ คุณ able
แทนคำขอบคุณ เพิ่มพลังน้ำใจเพิ่มให้เป็น 167 ครับ
ขอบคุณมากครับ ที่เข้ามาเยี่ยมและทักทายกัน
หวังว่าข้อมูลที่นำมาเสนอคงเป็นประโยชน์ได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
ขอให้มีความสุขตลอดเวลา ร่ำรวย ร่ำรวยครับ
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 29 กันยายน 2010, 19:33:54น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) ไหล่ติด อาการฮิตของคนเมือง

         เพราะความรีบเร่ง เหน็ดเหนื่อยของคนเมือง ทำให้การออกกำลังกายหดหายไปจากชีวิตประจำวัน กอปรกับการเดิน ยืน นั่งที่ผิดลักษณะ อาการเสื่อมของข้อต่าง ๆ และรวมถึงอาการไหล่ติดจึงเกิดขึ้นกับคนเมืองอย่างง่ายดายที่สำคัญยังพบว่าอาการไหล่ติดเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายในสัดส่วน 60:40 อีกด้วย โดยอาการเตือนว่าไหล่ติดกำลังถามหา สังเกตได้จากการที่คุณเคลื่อนไหวร่างกายในท่าทาง เช่น เหยียดแขนไปหยิบของบนที่สูง, ดันประตูหนัก ๆ ให้เปิดออก, สระผมหรือถูหลังให้ตัวเอง หรือเมื่อสวมเสื้อหรือถอดเสื้อยืดเข้าออกทางศีรษะ แล้วมีอาการเจ็บ ตึง ติดขัดเกิดขึ้น

          ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจากไคโรเมด สหคลินิก ให้คำแนะนำในการฟื้นฟูสำหรับผู้เกิดอาการว่า พยายามยืดเยื่อหุ้มข้อไหล่ และเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ โดยใช้สภาพแวดล้อมรอบตัว เช่น บันได ผนังห้อง คานโหน มาเป็นตัวช่วยในการบริหาร โดยหมั่นยืดร่างกายทีละน้อย ในระยะแรกอาจมีอาการเจ็บบ้างเล็กน้อย ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการบริหารนานหลายเดือนกว่าอาการจะลดน้อยลง แต่ถ้าทำแล้วเจ็บมากติดต่อกันหลายวัน ควรได้รับการตรวจ และวินิจฉัยอย่างละเอียดจากแพทย์ เพื่อการรักษาอย่างถูกต้องที่สุด

ขอขอบคุณข้อมูล : นิตยสารขวัญเรือน
 T|g T|g T|g
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ 04 ตุลาคม 2010, 14:07:00น.
(http://comment-thai.com/photo/10459.gif) (http://comment-thai.com/pimp_glitter_10459.html)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 05 ตุลาคม 2010, 06:38:30น.
สวัสดีตอนเช้าครับ
พร้อมอากาศดีๆ  กับกลิ่นหอมของกาแฟ
มีความสุขในทุกๆ เรื่อง ตลอดทั้งวันนะครับ


(http://nsa11.casimages.com/img/2009/11/20/091120015258909196.gif)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ 06 ตุลาคม 2010, 10:15:39น.
(http://comment-thai.com/photo/14098.gif) (http://comment-thai.com/pimp_glitter_14098.html)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 10 ตุลาคม 2010, 19:01:11น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) ราศีเกิดกับสุขภาพที่ควรดูแล

ราศีเมษ
13 เม.ย. - 13 พ.ค.
อาการปวดศีรษะและโรคไมเกรน เป็นโรคที่ชาวเมษควรระวัง เพราะตามการเดินทางของดวงดาวจะมีอิทธิพลปกคลุมร่างกายส่วนศีรษะทั้งหมด ยิ่งประกอบกับความที่เป็นคนคิดมาก เครียดจัด ไม่ยอมทานอาหารตรงตามเวลา อาการปวดหัวจึงมักจะมาเยี่ยมเยียนอยู่เป็นประจำ โรคหวัดและไซนัสอักเสบ ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพของชาวเมษ จึงควรดื่มน้ำหัวบีต แครอท และชาสมุนไพรคาโมมายล์เป็นประจำ
     
 ราศีพฤษภ
14 พ.ค. - 13 มิ.ย.   ด้วยความที่เป็นคนทานเก่ง ชอบกินจุบจิบตลอดเวลาทำให้ปัญหาใหญ่เป็นเรื่องรูปร่าง ซึ่งพอคิดจะลดก็มักตบะแตก ไม่เคยสำเร็จสักที เพราะฉะนั้นจึงควรนำความมุ่งมั่น ความดันทุรังที่เป็นนิสัยพื้นฐานประจำตัวมาปรับใช้ให้เป็นประโยชน์กับการลด น้ำหนัก ซึ่งถ้าทำได้เชื่อว่าคราวหน้าส่องกระจกคุณอาจจะตะลึงคิดว่านางฟ้าแปลงกายมา อยู่ตรงหน้า ปัญหาเรื่องคอ เป็นอีกปัญหาสำคัญของชาวพฤษภ ยิ่งเมื่ออยู่ในที่เย็นหรือเกิดอาการเครียดจัดจะปวดเมื่อยตามคอได้ง่าย ซึ่งวิธีแก้คือใช้มือนวดเบาๆใต้ติ่งหู ต่อมไทรอยด์ทำงานไม่ปกติ ก็เป็นอีกโรคที่มักมาก่อกวนชาวราศีนี้ ทำให้ระบบการเผาผลาญของร่างกายทำงานไม่ปกติ ควรทานปลาหรืออาหารที่มีไอโอดีนเยอะๆ  
     
 ราศีมิถุน
14 มิ.ย. - 14 ก.ค.  ชาวราศีเมถุนมีจุดอ่อนอยู่ที่หลังและไหล่ ทำให้มักเกิดอาการตึงเส้นเอ็นบริเวณข้อมือบ่อยๆ ยิ่งถ้าต้องนั่งทำงานหรืออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ เพราะฉะนั้นจึงควรหาอุปกรณ์เสริม เช่น หาเบาะนิ่มๆ มารองข้อมือเวลาใช้คอมพิวเตอร์ หรือเก้าอี้ที่นั่งสบายมีพนักตรงปรับระดับอย่างพอเหมาะกับโต๊ะทำงาน นอนไม่หลับ ถือเป็นโรคที่รุนแรงสำหรับชาวราศีนี้ เพราะไม่ใช่แค่หลับๆ ตื่นๆ แต่จะถึงขั้นตาค้าง สมองทำงานตลอดเวลา จนร่างกายทรุดโทรมอ่อนเพลีย วิธีแก้คือลด ละ เลิก เครื่องดื่มกระตุ้นร่างกายทั้งหลาย โรคหลอดลมอักเสบ หวัดลงปอด หืด ปอดอักเสบ ถุงลมโป่งพองและโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอากาศบริสุทธิ์และการออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยสร้างเกราะป้องกันได้  
     
 ราศีกรกฏ
15 ก.ค. - 16 ส.ค.    อาการต่างๆ ก่อนมีประจำเดือน ไม่ว่าจะเป็นปวดท้อง อารมณ์แปรปรวนหงุดหงิดง่าย เป็นโรคที่มักเกิดกับชาวกรกฎ ด้วยสาเหตุที่ดาวเคราะห์ประจำราศีเป็นดวงจันทร์ และร่างกายมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงส่งผลให้หน้าอก เต้านมและต่อมน้ำนมมักเกิดอาการผิดปกติ จึงควรทานวิตามินและอาหารเสริมเป็นประจำ อีกทั้งโรคกระเพาะ ลำไส้อักเสบและโรคที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร จึงควรใส่ใจในพฤติกรรมการทานให้มาก  
     
 ราศีสิงห์
17 ส.ค. - 16 ก.ย.    ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อหลังและส่วนต่างๆ ของร่างกาย เนื่องจากนิสัยดื้อรั้น ชอบทำทุกอย่างด้วยตนเอง ไม่ยอมยืดหยุ่น ทำให้ร่างกายเมื่อยล้าและเคล็ดขัดยอกอยู่บ่อยๆ ชาวราศีสิงห์มักมีน้ำหนักตัวมากเกินพอดี เพราะพอเครียดก็มักระบายออกกับมันฝรั่ง ไอศกรีม หรือขนมหวานทั้งหลาย ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือดตีบ ซึ่งหากยังเลิกการทานเพื่อระบายความเครียดไม่ได้ควรเปลี่ยนมาทานผัก ผลไม้ หรือมันฝรั่งทอดปราศจากเกลือและไขมันต่ำแทน  
     
 ราศีกันย์
17 ก.ย. - 16 ต.ค.   ด้วยความที่เป็นคนร่าเริง ชอบทำกิจกรรม ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ ทำให้โรคต่างๆ ไม่ค่อยมารุมเร้ากวนใจคุณมากนัก แต่สำหรับโรคนอนไม่หลับถือเป็นกรณียกเว้น คุณมักจะตื่นกลางดึกแล้วนอนไม่หลับอยู่บ่อยๆ ลองอาบน้ำอุ่นจัดก่อนนอน หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนักหลังสี่โมงเย็น หรือดื่มนมและน้ำผึ้งอุ่นๆ ก่อนนอน  
     
 ราศีตุลย์
17 ต.ค. - 15 พ.ย.   จากนิสัยที่คุณเป็นคนชอบทานของหวานและอาหารมันๆ เป็นประจำ แต่ไม่ยอมออกกำลังกาย ส่งผลให้ไตทำงานหนักมากกว่าปกติ จึงควรดูแลไตเป็นพิเศษ โดยดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว หลีกเลี่ยงอาหารพวกเนื้อ ปลา เป็ด ไก่ แล้วแทนที่ด้วยผักผลไม้สีเขียวและสีเหลือง รับรองถ้าทำตามไตคุณจะยิ้มระรื่นเลยทีเดียว เนื่องจากผิวหนัง และไตของชาวราศีนี้อยู่ใต้อิทธิพลของดาวศุกร์ จึงมักส่งผลให้ไขมันและส่วนเกินที่ถูกขับออกมาจากไตถูกปลดปล่อยทางร่างกาย ผิวหนังเป็นเหงื่อและสิว การดูแลใบหน้าให้สะอาดจึงเป็นสิ่งที่ชาวตุลควรใส่ใจให้มากเป็นพิเศษ  
     
 ราศีพิจิก
16 พ.ย. - 15 ธ.ค.    ชาวราศีพิจิกมีนิสัยชอบกลั้นการขับถ่ายๆ ไว้นานๆ แถมยังชอบอาหารที่มีไขมันสูงแบบที่เห็นเป็นไม่ได้ต้องวิ่งเข้าหาทันที ทำให้โรคท้องผูกมักมาเยือนบ่อยๆ จนบางครั้งอาจเรื้อรั้งไปถึงริดสีดวงทวาร ทางที่ดีควรปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน และทำระบบขับถ่ายให้เป็นกิจวัตร  
     
 ราศีธนู
16 ธ.ค. - 15 ม.ค.    ด้วยความที่เป็นคนทุ่มเทเต็มที่กับเรื่องกิน เรื่องดื่มเป็นพิเศษ ทำให้ชาวราศีนี้มีโอกาสเป็นโรคตับอักเสบ โรคตับแข็งและโรคพิษสุราเรื้อรังมากกว่าชาวราศีอื่น เพราะฉะนั้นเลิกดื่มซะเถอะ ราศีธนูหมายถึงร่างกายส่วนตับและถุงน้ำดี ทำให้ชาวราศีธนูมีโอกาสเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีสูง ซึ่งโรคนี้มักทำให้คุณเกิดอาการปวดท้องประมาณ 15 นาที ถึง 1 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหารเสร็จ ถ้าอยากให้อาการดีขึ้นลองทานอาหารประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรต หรือวิตามินเสริมที่ช่วยให้เกิดการดูดย่อยไขมันได้ดี
 
     
 ราศีมังกร
16 ม.ค. - 12 ก.พ.   ลักษณะและบุคลิกที่ดูก้าวร้าวของคนราศีนี้ มักส่งผลมาจากลักษณะทางกายภาพของส่วนกระดูกและข้อต่อที่ไม่ค่อยมีความ ยืดหยุ่น ทำให้เมื่อยิ่งแก่ตัว หรือเริ่มเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของชีวิต จะเป็นโรคเกี่ยวกับข้อต่อและกระดูก ทางที่ดีควรบริโภคแคลเซียม วิตามินดีและออกกำลังกายเป็นประจำ แต่จะให้เจ๋งกว่าควรรีบทำก่อนอายุ 35 ไม่งั้นจะสายเกินแก้ โรคข้ออักเสบเป็นโรคที่ก่อให้เกิดความอ่อนเพลีย ทรมานและเจ็บปวดมากที่สุดโรคหนึ่งสำหรับชาวราศีมังกร เพราะไม่สามารถรักษาได้โดยตรง ทำได้เพียงให้ยาลดอักเสบและบวมตามข้อเท่านั้น ดังนั้นการเลือกอาหารบริโภค ฝึกโยคะ ทำสมาธิ สร้างจินตนาการจะเป็นตัวช่วยในการบรรเทาปวดอีกวิธีที่ยอดเยี่ยมทีเดียว  
     
 ราศีกุมภ์
13 ก.พ. - 12 มี.ค.  โรคข้อเท้าบวม ข้อเท้าเคล็ด หลอดเลือด (ดำ) ขอด จากทิศทางของดวงดาวทำให้ชาวราศีกุมภ์มักมีอาการบวมที่ข้อเท้า หรือบริเวณต่ำกว่าหัวเข่าลงมา ดังนั้นจึงควรนวดขาทุกวัน ตั้งแต่นิ้วเท้าจนถึงต้นขาด้วยน้ำมันวิตามินอี หรือน้ำมันหอมระเหยมะนาวผสมกับลาเวนเดอร์ เพื่อบริหารให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น  
     
 ราศีมีน
13 มี.ค. - 12 เม.ย.  ชาวราศีมีนมักมีระบบต่อมน้ำเหลืองทำหน้าที่หลักในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้มีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับระบบต่อมน้ำเหลืองได้มาก แต่ทางแก้ไม่ยาก แค่ดื่มน้ำสมุนไพร ชาและเครื่องดื่มบำรุงร่างกาย จากการที่โหมงานหนัก ชอบคิดมากในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำให้ชาวราศีมีนจะรู้สึกเหนื่อยอ่อนและเวียนศีรษะอยู่บ่อยๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภาวะเลือดจางและขาดธาตุเหล็ก แต่เพียงแค่รับประทานอาหารทดแทนธาตุเหล็ก เสริมสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงก็จะบำบัดได้มาก


บทความโดย MangoMove
ขอบคุณครับ
 T|g T|g T|g
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 10 ตุลาคม 2010, 19:57:04น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) ข่าวดีสำหรับคอกาแฟ เพราะช่วยลดการปวดบวมจากโรคเกาต์ได้

 นักวิจัยของมหาวิทยาลัยบอสตันและโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ดของสหรัฐฯศึกษาพบว่า สตรีที่ดื่มกาแฟวันละ 4 ถ้วย จะสามารถหนีห่างโรคเกาต์ปวดบวมตามข้อลงได้เกินครึ่ง

คอกาแฟหญิงที่ดื่มขนาดนั้นหรือมากกว่า จะหนีห่างโรคพ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 57 มากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มเลย แม้แต่เพียงดื่มน้อยระหว่าง 2-4 ถ้วย ก็จะหนีโรคได้ร้อยละ 22 หรือวันละถ้วยเดียว ก็ยังหันหลังให้ได้ร้อยละ 3

นักวิจัยได้ศึกษากับกลุ่มพยาบาลหญิงอเมริกันเกือบ 90,000 คน ในการศึกษาติดตามนานไม่ต่ำกว่า 26 ปี และวิเคราะห์ได้ว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟจัดเป็นเวลานานจะเป็นโรคน้อยที่สุด โดยไม่อาจทราบสาเหตุได้ ได้แต่คาดว่าอาจเป็นเพราะ มันไปช่วยลดปริมาณอินซูลินในเลือด

ก่อนหน้านี้เมื่อ พ.ศ. 2510 ก็เคยมีการศึกษาแบบเดียวกัน พบว่า กาแฟดูเหมือนจะช่วยป้องกันทั้งหญิงชายจากโรคเกาต์ และก็มีการศึกษาพบด้วยว่า โรคเกาต์อาจจะเป็นอาการเตือนของโรคหัวใจด้วยก็ได้.
 

บทความโดย
Reference : http://www.thairath.co.th
ขอบคุณครับ
 T|g T|g T|g
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 10 ตุลาคม 2010, 20:10:20น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) 10 อาหารอินเทรนด์ สำหรับสาวรักสุขภาพ

เทรนด์ของโลกเราหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น อาหารจึงถือเป็นปัจจัยสำคัญกับชีวิตและสุขภาพของเราทุกคน การเลือกทานอาหารที่ให้ประโยชน์สูงสุดแก่ร่างกายมีความจำเป็นอย่างมาก

(http://img253.imageshack.us/img253/2215/95783987.jpg)

1. น้ำ สำคัญมากสำหรับสิ่งมีชีวิต ถ้าขาดน้ำระบบการทำงานของร่างกายจะไม่เป็นปกติ น้ำช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดี หัวใจทำงานปกติและมีประสิทธิภาพแข็งแรงขึ้น ทั้งยังช่วยขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายของคุณผู้หญิงด้วย ที่สำคัญยังช่วยให้ผู้หญิงอย่าเรามีผิวชุ่มชื่น น้ำที่เหมาะแก่การดื่มคือน้ำที่มีอุณหภูมิปกติ สำหรับคุณผู้หญิงที่อยากมีสุขภาพและดูดีตลอดเวลานั้น ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว

2. ผัก เป็นอาหารที่มีคุณค่ามาก มีสารอาหารมากมาย อาทิ วิตามิน เกลือแร่ เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ในผักยังมีใยพืช (Fiber) ซึ่งช่วยกระตุ้นลำไส้ให้ทำงานดีขึ้น ทำให้ท้องไม่ผูก ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ด้วย อยากหุ่นดี ย่อยง่าย ถ่ายคล่อง  คุณผู้หญิงก็ควรหันมาทานผักกันเยอะๆ อย่างมื้อเย็นลองเปลี่ยนข้าว 1 จานเป็นสลัดแทนจะดีต่อสุขภาพและระบบขับถ่ายของคุณผู้หญิงไม่น้อย

3. นม มีทั้งนมวัว นมถั่วเหลือง หรือจะเป็นนมเปรี้ยว ก็ได้ นมทุกประเภทมีประโยชน์ทั้งสิ้น สำหรับผู้หญิงคนไหนที่รักษาหุ่น ก็ลองเลือกนมพร่องมันเนยติดตู้เย็นดูหรือ จะเป็นนมเปรี้ยวก็ดีไม่น้อยเพราะว่ามีจุลินทรีย์แลคโตาซิลัสช่วยกระตุ้นระบบ ขับถ่ายด้วย สำหรับคุณผู้หญิงคนไหนที่มีปัญหาในเรื่องระบบย่อยอาหารควรระวังเรื่องของการดื่มนมวัว เพราะในนมวัวมีแคลเซียมและโปรตีนซึ่งมีความสมบูรณ์ของกรดอะมิโนดีกว่าโปรตีน จากถั่วเหลือง
 
4. ไข่ไก่ มีทั้งโปรตีนและกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย 9 ชนิด ทั้งยังมีวิตามินกับเกลือแร่อีกหลายชนิด เช่น วิตามินเอ, บี, ดี และ อี ธาตุเหล็ก, สังกะสี, ซีลีเนียม และไอโอดีน ส่วนคุณผู้หญิงท่านไหนที่เคยเชื่อมาผิดๆ ว่าทานไข่แล้วจะเสี่ยงกับความอ้วนนั้น เข้าใจผิดอย่างจัง เพราะโคเลสเตอรอลในไข่แดงมีประมาณ 230 มิลลิกรัมต่อฟอง ซึ่งนับว่าปลอดภัยกว่าการกินเนย แป้ง น้ำตาล และเนื้อสัตว์ติดมันมากทีเดียวเชียว

5. เนื้อปลา เป็นเนื้อสัตว์ที่คุณผู้หญิงทานได้โดยไม่ต้องกลัวอ้วนเท่ากับการทานเนื้อ สัตว์อื่นๆ มีโปรตีนจากเนื้อปลามีไขมันต่ำ ย่อยง่าย และมีสาอาหาร คือ กรดโอเมก้า 3 ซึ่งมีกรด DHA และกรด EPA โดย DHA จะช่วยบำรุงเซลล์สมอง เซลล์ประสาท และเรตินาในดวงตา ส่วนกรด EPA ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอล และลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ด้วย

6. โยเกิร์ต ในโยเกริ์ตมีวิตามินมากมาย ได้แก่ วิตามิน เอ, บี1, บี 2, บี3,บี6, บี12, ดี, อี มีกรดที่ช่วยในการดูดซึมโปรตีน แคลเซียมและเหล็กเข้าสู่ร่างกาย ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร และระบบการขับถ่าย ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ช่วยบำรุงผิวพรรณ ขอแนะนำคุณผู้หญิงให้ทานโยเกิร์ตธรรมชาติแบบไม่มีน้ำตาลจะดีที่สุด นอกจากทานแล้วยังนำมาพอกหน้าบำรุงความชุ่มชื่นแก่ผิวหน้าของคุณผู้หญิงก็ได้ด้วย

7. ผลไม้รสเปรี้ยว ต้องย้ำไว้ก่อนว่าควรเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม, มะม่วง, ฝรั่ง, กีวี่และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เพราะผลไม้ประเภทนี้จะมีวิตามินซีสูง ปลอดภัยจากความอ้วนกว่าผลไม้รสหวานที่มีน้ำตาลมาก ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของภูมิต้านทานโรค ช่วยลดระดับไขมันที่จะไปพอกพูนเส้นเลือดในร่างกายแล้วทำให้หลอดเลือดอุดตัน ทั้งยังช่วยควบคุมโคเลสเตอรอล และป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี ที่สำคัญวิตามินซี ยังช่วยทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นเหตุของการเสื่อมของร่างกายของคุณผู้หญิงได้อีกด้วย

8. แอปเปิ้ล แอปเปิ้ลมีสารอาหารที่มีประโยชน์หลายชนิด อาทิ สารเบตาแคโรทีน วิตามินซี นอกจากนี้แอปเปิ้ลยังเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยมาก ซึ่งจะทำหน้าที่ทำความสะอาดลำไส้ ช่วยให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดียิ่งขึ้น และถ้าอยากได้คุณค่าเต็มเปี่ยมแนะนำให้ทานแอปเปิ้ลทั้งเปลือก เพราะเปลือกของแอปเปิ้ลแดง 1 ผลนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่ากับวิตามินซี 820 มิลลิกรัมทีเดียว คุณผู้หญิงคนไหนอยากผอมแต่ติดนิสัยทานจุกจิกยามบ่ายๆ หรือท้องว่าง ให้ลองหาแอปเปิ้ลติดไว้ทานดูเวลาหิว

9. ถั่ว โปรตีนจากพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงไม่แพ้โปรตีนจากเนื้อสัตว์ ดังนั้นในช่วงเทศกาลกินเจ ถ้าไม่อยากให้ร่างกายขาดโปรตีน ถั่วจะเป็นตัวช่วยหนึ่งของคุณผู้หญิงทั้งหลายได้ ในถั่วอุดมไปด้วยวิตามินที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของผิวหนัง ผม  การควบคุมความดันโลหิต ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้ไขมันไม่อิ่มตัวในถั่วจะช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล คุณผู้หญิงคนไหนที่อยากมีอาหารสุขภาพราคาประหยัดติดตู้เย็นต้องไม่พลาดหาถั่วมาเก็บไว้ดู

10. ธัญพืช หากคุณผู้หญิงไม่มีเวลาในการเข้าครัวสำหรับเตรียมมื้อเช้ามาก  การมีธัญพืชจำพวกข้าวโพด , ลูกเดือย ,งา ,ข้าวฟ่าง, เมล็ดทานตะวัน, จมูกข้าว และ รำข้าว ชนิดที่อบกรอบพร้อมทาน ติดตู้เย็นไว้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาได้มากทีเดียว ในธัญพืชจะมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่ต้องใช้เวลาในการย่อย ทำให้น้ำตาลในเลือดไม่ขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว จึงไม่ทำให้เกิดเป็นโรคเบาหวานตามมาในภายหลัง จะต่างจากแป้งขัดขาว ซึ่งน้ำตาลจะถูกย่อยเร็วแถมในธัญพืชยังเปี่ยมด้วย วิตามิน เกลือแร่ และไฟเบอร์มากมาย ทานง่ายแถมอิ่มสบายท้อง ในเวลาที่เร่งรีบเหมาะกับผู้หญิงในยุคนี้ทีเดียว
 

บทความโดย
Reference : เด็กดีดอทคอม
ขอบคุณครับ
 T|g T|g T|g

หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 10 ตุลาคม 2010, 20:19:47น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) ชาเย็นเครื่องดื่มยอดนิยม .. กลับกลายเป็นของแสลง

(โหลดภาพไม่ได้ครับ)

แพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะเตือนว่า ผู้ที่ชอบซดชาเย็นเป็นประจำไม่ควรจะดื่มมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เป็นนิ่วในไตได้ เนื่องจากชาเย็นจะมีปริมาณกรดออกซาลิกสะสมอยู่มาก ซึ่งเป็นสารเคมีสำคัญที่ทำให้เป็นนิ่วในไต การซดชาร้อนๆ ยังดีเสียกว่า เพราะแม้ว่าจะมีกรดออกซาลิกอยู่เช่นกัน แต่การจะดื่มมากๆจ นทำให้เป็นนิ่วได้เป็นของไม่ง่าย

ดร.จอห์น มิลเลอร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์คณะโรคระบบทางเดินปัสสาวะ โรงเรียนแพทย์สตริตช์ มหาวิทยาลัยโลโยลา แห่งชิคาโก กล่าวว่า ผู้ที่เป็นนิ่วในไตง่าย ไม่ควรจะแตะต้องชาเย็นเป็นอันขาด ผู้ชายและผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนซึ่งมีฮอร์โมนเพศ เอสโตรเจนน้อย และสตรีที่ผ่าตัดมดลูกออกไปแล้ว จะล่อแหลมที่จะเป็นนิ่วได้ง่าย นิ่วในไตมีลักษณะเป็นก้อนผลึกเล็ก ซึ่งเกิดจากแร่ธาตุและเกลือที่มีอยู่ในปัสสาวะ มักเกิดขึ้นในไตหรือท่อไต ซึ่งเป็นท่อระบายปัสสาวะจากไตไปสู่กระเพาะปัสสาวะ ปกติแล้วมันจะหลุดออกไปได้เอง แต่ถ้ามีขนาดโตมันจะติดค้างอยู่ในท่อไต



บทความโดย
Reference : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ขอบคุณครับ
 T|g T|g T|g


หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 10 ตุลาคม 2010, 20:25:09น.
(http://img1.imagehousing.com/1/df0636d4c925d364eecaf9487fc6d1e5.gif) (http://www.imagehousing.com/)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 10 ตุลาคม 2010, 20:25:59น.
http://img262.imageshack.us/img262/8506/5cc6b4971lm7.swf
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 10 ตุลาคม 2010, 20:49:34น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) 7 สุดยอดอาหารเด็ด พิชิตหวัด

ช่วงนี้หน้าฝน บางวันร้อน บางวันตก เอาแน่เอานอนไม่ได้ อาจมีคนใกล้ตัวไอ จาม เป็นหวัดกันระนาว จะหลีกหนีให้ไกลหรือใส่ผ้าปิดจมูกกันตลอดเวลาคงไม่สะดวก จึงขอป้องกันตัวเองง่ายๆ ด้วยการเลือกกิน สร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายกันดีกว่า

(http://img219.imageshack.us/img219/5847/59982122.jpg)

ซุปไก่น้ำแกงชั้นยอด
          อาหารง่ายๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นเพนนิซิลินธรรมชาติ และถือเป็นท็อปลิสต์ในบรรดาอาหารพิชิตหวัดทั้งหมด ในแง่ที่สามารถบำบัดอาการได้ดีที่สุด ซุปไก่ร้อนๆ ช่วยให้ทางเดินหายใจสะดวกขึ้น ให้พลังงาน และถ้าเพิ่มผักเข้าไปด้วยโดยเฉพาะหอมใหญ่ กระเทียม ก็จะยิ่งเพิ่มสรรพคุณในการบำบัดอาการมากยิ่งขึ้นครับ

อาหารเผ็ด รสจัด
            อาหารจัดจ้านแบบนี้ล่ะ ช่วยให้จมูกโล่งหายใจ สะดวกดีนัก เมนูแนะนำต้องนี่เลย ต้มยำ เพราะมีนานาสมุนไพรที่นอกจากแก้หวัดแล้ว ยังช่วยขับลมและย่อยอาหาร หรือจะเป็นเปปเปอร์มินต์ซุปหรือจริงๆ ก็ต้มจืดใบสาระแหน่นี่ล่ะครับ  สูตรนี้ไม่ยาก เหมือนแกงจืดตำลึงทุกอย่าง แค่เปลี่ยนจากใบตำลึงเป็นสาระแหน่เท่านั้น เหมาะกับคนที่มีอาการคัดจมูก หายใจไม่สะดวกมากๆ

กระเทียมไร้เทียมทาน
            ช่วยขับเสมหะ และมีคุณสมบัติเป็นยาแก้อักเสบ และในกระเทียมมีสารตัวหนึ่งชื่อ alliin เชื่อกันว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทำลายอนุมูลอิสระที่จะมาทำร้ายเซลล์ ช่วงนี้คุณอาจเพิ่มปริมาณกระเทียมที่ใส่ในอาหารให้มากขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย และมีข้อควรระวังคือไม่ควรกินกระเทียมขณะที่ท้องว่าง เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะได้

น้ำ
            เป็นช่วงที่คุณต้องเติมน้ำให้กับร่างกายมากๆ  ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าบริสุทธิ์ น้ำผลไม้สดๆ 100% น้ำอัดลม หรือจะเป็นน้ำจากผักผลไม้สดได้ทั้งนั้น แต่ที่ดีที่สุดก็ต้องน้ำเปล่าครับ สำหรับบางคนการได้ดื่มอะไรร้อนๆ จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ก็อาจเลือกเป็นชาสมุนไพร เช่น ชาคาร์โมมายล์ ชาเปปเปอร์มินต์ หรือจะจิบน้ำอุ่นๆ ลอยด้วยมะนาวฝานก็ช่วยได้ดีทีเดียว

ผลไม้ตระกูลส้ม
            ช่วงเป็นหวัดร่างกายจะต้องการวิตามินซีมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่สูบบุหรี่ซึ่งมีโอกาสเป็นหวัดง่ายกว่าคนไม่สูบ ร่างกายก็จะต้องการวิตามินป้องกันมากเป็นพิเศษ ฉะนั้นพยายามกินส้มหรือผลไม้ตระกูลส้มให้มาก ไม่ว่าจะกินผลสด เป็นของหวานปิดท้ายมื้ออาหาร หรือจะเป็นน้ำส้มคั้นในมื้อเช้าก็แล้วแต่ความชอบความสะดวก แต่ผลไม้ยิ่งสดเท่าไหร่ยิ่งเป็นวิตามินซีคุณภาพกับร่างกายมากเท่านั้น

นานาวิตามินซี
           ไม่ใช่แค่ผลไม้ตระกูลส้มเท่านั้นที่มีวิตามินซีสูง ผลไม้ชนิดอื่นก็สามารถร่วมด้วยช่วยกันเป็นกองกำลังช่วยร่างกายต่อสู้กับ อาการจากหวัดได้ เช่น สับปะรด สตรอว์เบอรี่ ฝรั่ง หรือแม้แต่มันฝรั่ง พริกไทยสดก็มีวิตามินซีสูงเช่นกันครับ

ขิงแก่แต่สด
            ขิงสดๆ ช่วยรักษาอาการไอและไข้ได้ แต่คุณอาจเลือกกินเป็นน้ำเต้าฮวยร้อนๆ น้ำขิงชงสำเร็งรูป หรือจะลองทำชาขิงดื่ม ง่ายๆ แค่รินน้ำร้อน 1 ถ้วยลงบนขิงสดทุบ 2 ช้อนโต๊ะ ทิ้งไว้ 5-10 นาที


บทความโดย
Reference :  สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น
ขอบคุณครับ
T|g T|g T|g
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 10 ตุลาคม 2010, 23:26:07น.
(http://winkkk.com/photo/4618.jpg) (http://winkkk.com/pimp_glitter_4618.html)
 (http://winkkk.com/pimp_glitter_4618.html)

คืนนี้ หลับฝันดีนะครับ ราตรีสวัสดิ์

Goodnight  h*[ I love you

(http://img1.imagehousing.com/1/baa204257b7006e9b6053803aec25dc1.gif) (http://www.imagehousing.com/)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 11 ตุลาคม 2010, 03:46:43น.
สวัสดีครับ เริ่มต้นทำงานกันอีกแล้ว
 h*[ เป็นกำลังใจให้เสมอ  h*[
ขอให้มีความสุขในทุกๆ เรื่อง ตลอดทั้งวัน ขอบคุณครับ

(http://upic.me/i/dv/qrmon.gif) (http://upic.me/show.php?id=277f8a05a3b0bf90c383008c3826ffb5)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 13 ตุลาคม 2010, 09:55:27น.
Good morning
 h*[
สวัสดีตอนเช้าครับ

"เวลาที่เราทำอะไรประสบความสำเร็จ
แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม
ให้กำหมัดฉลอง "yes"
ให้รางวัลกับตัวเองดังๆ ด้วยอารมณ์ที่เข้มข้น
สนุนสนาน ร่าเริง มีพลัง ฮึกเหิม
แล้วพูดตอกย้ำให้พลังกับตัวเองทันทีว่า
"ฉันทำได้ ฉันเก่งที่สุด ฉันเยี่ยมที่สุด
ฉันทำได้ YES"

 h*[
sonic เป็นกำลังใจให้เสมอนะครับ สู้สู้


(http://img1.imagehousing.com/1/baa9393dd1ebeaee79b22f506e08bd05.gif) (http://www.imagehousing.com/)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 25 ตุลาคม 2010, 07:34:59น.
(http://upic.me/i/rk/4a84aeac451df09a797cf000.gif) (http://upic.me/show/17542585)

สวัสดีวันหยุดชดเชยครับ
มีใครได้หยุดชดเชยบ้าง หรือว่าไปทำงานตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี มีความสุขอีก 1 วัน
เป็นกำลังใจให้เสมอ ขอบคุณครับ


(http://image.ohozaa.com/iz/fh124.gif) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=6f4436ab58c6222ee0df5afd15851c65)(http://image.ohozaa.com/iz/fh124.gif) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=6f4436ab58c6222ee0df5afd15851c65)(http://image.ohozaa.com/iz/fh124.gif) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=6f4436ab58c6222ee0df5afd15851c65)(http://image.ohozaa.com/iz/fh124.gif) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=6f4436ab58c6222ee0df5afd15851c65)(http://image.ohozaa.com/iz/fh124.gif) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=6f4436ab58c6222ee0df5afd15851c65)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 25 ตุลาคม 2010, 17:25:21น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) เดินโทรศัพท์กระทบสันหลัง

          ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ติดนิสัยเดินไปคุยโทรศัพท์ไป ควรเปลี่ยนพฤติกรรมกันได้แล้ว  เพราะมีผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยควีนสแลนด์ ในออสเตรเลีย ระบุว่าหากคุยโทรศัพท์ขณะเดินอาจทำให้เกิดอาการปวดหลังได้

          การทำวิจัยครั้งนี้นักวิจัยได้วัดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อลำตัว ซึ่งเป็นส่วนที่ปกป้องกระดูกสันหลังพบว่ากล้ามเนื้อส่วนลำตัวจะทำงานได้อย่างเหมาะสม ในคนที่เดินเฉย ๆ แต่คนที่เดินไปคุยไปจะมีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณนี้น้อยกว่าปกติ และจะเป็นอันตรายต่อกระดูกสันหลัง โดยอธิบายเพิ่มเติมว่าปัญหานี้เกิดขึ้นเนื่องจากวิธีในการสั่งงานของสมอง ที่กล้ามเนื้อจะมีหน้าที่หลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน และจะถูกสั่งการโดยสมองตามลำดับความสำคัญ ดังนั้นขณะที่คุยโทรศัพท์และเดินในเวลาเดียวกัน สมองจะให้ความสำคัญกับการคุยโทรศัพท์มากกว่า ทำให้เสี่ยงต่อการปวดหลังได้มากขึ้น นอกจากนั้นร่างกายของเรายังถูกออกแบบมาให้หายใจออกเวลาเท้าแตะพื้น ซึ่งจะเป็นการช่วยป้องกันการกระแทกของกระดูกสันหลัง ซึ่งเมื่อเราพูดและเดินไปพร้อม ๆ กันจะทำให้รูปแบบ การหายใจนี้เสีย ส่งผลต่อกระดูกสันหลังของเราได้

          จะเดินหรือคุยโทรศัพท์ต้องเลือกสักอย่างแล้วครับ

ขอบคุณมากครับ
 T|g T|g T|g h*[ h*[ h*[


หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 25 ตุลาคม 2010, 17:31:00น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) ดื่มนม ช่วยลดน้ำหนักได้

          ต้องยอมรับว่าสาว ๆ หลายคนกลัวการดื่มนม เพราะคิดว่านมมาพร้อมกับไขมันและความอ้วน แต่ผลการวิจัยล่าสุดกลับบอกว่าการดื่มนมช่วยลดน้ำหนักได้

          โดยนักวิจัยได้ทำการติดตามคนอ้วนกว่า 300 คนที่มีอายุระหว่าง 40-65 ปี ซึ่งทำการควบคุมน้ำหนักด้วยการรับประทานอาหารไขมันต่ำ, คาร์โบไฮเดรตต่ำ หรือการไดเอทแบบเมดิเตอร์เรเนียน เป็นระยะเวลากว่า 2 ปี ผลที่ได้จากการติดตามพบว่ากลุ่มที่มีการรับประทานแคลเซียมสูงประมาณ 580 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเทียบเป็นนม 2 แก้ว สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 12 ปอนด์ใน 2 ปี ส่วนกลุ่มที่รับประทานต่ำเพียง 150 มิลลิกรัมหรือเทียบเป็นนมเพียงครึ่งแก้วต่อวัน ลดน้ำหนักได้แค่ 7 ปอนด์

          นักวิจัยอธิบายความแตกต่างที่เกิดขึ้นนี้ว่า นมไปช่วยเพิ่มระดับพลังงานในร่างกาย ทำให้เกิดการเผาผลาญได้ดี “นมช่วยให้เรารู้สึกอิ่ม และเกิดความพึงพอใจ ทำให้ไม่นึกอยากกินอาหารที่มีน้ำตาล เครื่องดื่มซอฟต์ดริ๊งค์ น้ำผลไม้หวาน ๆ หรือเครื่องดื่มโซดาทั้งหลาย”  นอกจากนั้นยังมีการวิจัยเพิ่มเติมว่าในน้ำนมมีวิตามิน D ที่ส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักได้ดีกว่า โดยระดับวิตามิน D ที่มีการแนะนำไว้ต่อวันคือ 400 มิลลิกรัม หรือเทียบได้กับนมโลว์แฟต หรือพร่องมันเนยประมาณ 4 แก้ว

          ลดน้ำหนักคราวนี้นมสักแก้วก็ดีนะครับ...

ขอบคุณมากครับ
 T|g T|g T|g h*[ h*[ h*[
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ 12 พฤศจิกายน 2010, 09:25:53น.
(http://comment-thai.com/photo/10992.gif) (http://comment-thai.com/pimp_glitter_10992.html)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 18 พฤศจิกายน 2010, 19:42:46น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) หนาวนี้ อย่าอาบน้ำอุ่น...เพลินเกินไป

         หนาวนี้ท่าทางจะหนาวมากกว่าปีที่ผ่านมา พอถึงหน้าหนาวสิ่งที่มีปัญหาตามมาก็คือ การอาบน้ำ บางบ้านมีเครื่องทำน้ำอุ่น ก็อาบน้ำอุ่น บางบ้านก็ต้มน้ำอาบแม้จะช่วยให้รู้สึกสบายไม่ต้องสั่นสะท้านขณะอาบน้ำก็จริง แต่สิ่งที่ตามมาคือผิวหนังขาดความชุ่มชื่น เนื่องจากการอาบน้ำอุ่นจะเป็นการชะล้างเอาไขมันที่ชั้นผิวหนังออกไป เป็นเหตุให้ผิวหนังแห้ง เป็นขุยขาว ตามมาด้วยอาการคัน เวลาสัมผัสผิวแทนที่จะนุ่มก็จะกลายเป็นผิวสาก ๆ แทน บางรายถ้าผิวแห้งมาก ๆ ก็จะมีอาการผิวแตก แสบ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถอาบน้ำอุ่นได้เลย อาบได้แต่ต้องเป็นน้ำอุ่นอุณหภูมิพอเหมาะ สิ่งสำคัญคือเมื่อเช็ดตัวแห้งแล้ว อย่าลืมตามด้วยครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว ส่วนเรื่องของการสระผมก็อย่าใช้น้ำอุ่นสระ เพราะจะทำให้เส้นผมแห้ง ฟู อีกนิดสำหรับการสระผมหน้าหนาว ...ขณะสระผม อย่าใช้เล็บเกาเด็ดขาด เพราะจะทำให้หนังศีรษะระคายเคือง หลุดล่อนกลายเป็นรังแค ให้ใช้นิ้วคลึงวนเป็นลักษณะก้นหอยนวดไปตามหนังศีรษะแทน

ขอขอบคุณข้อมูล : นิตยสารขวัญเรือน
 T|g T|g T|g
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 11 ธันวาคม 2010, 10:08:40น.
(http://winkkk.com/photo/5978.gif) (http://winkkk.com/pimp_glitter_5978.html)


ถ้าคิดจะฝัน  จงฝันด้วยความรัก
อย่าฝันด้วยความอยากเพียงอย่างเดียว
แล้วความรักจะตอบแทนเป็นความสุข
เมื่อสุขใจที่จะทำ  ความสำเร็จจะตามมา

สาเหตุที่คนส่วนใหญ่
ไม่อาจทำความฝันให้เป็นจริงได้
เพราะเขาเหล่านั้น ฝันด้วยความอยาก
ไม่ใช่ฝันด้วยความรัก
แล้วตัวเราล่ะ
ตรวจเช็คความฝันของตัวเองแล้วหรือยัง
ว่าที่ผ่านมาเราแค่อยากตามคนอื่น
หรือว่าเรารักสิ่งนั้นด้วยหัวใจจริง
 (http://winkkk.com/pimp_glitter_5978.html)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 21 ธันวาคม 2010, 06:11:13น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) กินผักและผลไม้ถูกวิธี

 ::) ใครที่ชอบกินผักและผลไม้ ถ้าหากกินไม่ถูกวิธีก็อาจทำให้ได้รับประโยชน์หรือสารอาหารต่าง ๆ น้อยกว่าที่ควร วันนี้กระทู้หัวข้อสุขภาพมีเรื่องนี้มาบอก...

 |lI แก้วมังกร  : ผลไม้ชนิดนี้กินได้เพลินๆ แต่ถ้ากลืนโดยไม่ได้เคี้ยวเมล็ดเล็กๆ สีดำให้แตกซะก่อน อาจพลาดสิ่งดีๆ ไป เพราะในเมล็ดของแก้วมังกรมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ รวมทั้งวิตามินอี การเคี้ยวให้แตกจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารเหล่านี้ได้

 |lI ส้ม : ส้มเป็นผลไม้ที่มีไบโอฟลาโวนอยด์ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยจะมีมากในเยื่อบุผิวและเนื้อเยื่อส่วนใน ดังนั้น เวลากินส้มจึงไม่ควรลอกเยื่อบุผิวขาวๆ ออก และควรกินเนื้อส้มเข้าไปด้วย ช่วยเพิ่มกาก ใย อาหารอีกต่างหาก

 |lI ฝรั่ง : เวลากินฝรั่งหลายคนจะทิ้งเมล็ดแล้วกินแต่เนื้อเพราะมีความเชื่อว่าการกินเมล็ดฝรั่งจะทำให้เป็นโรคไส้ติ่ง ทั้งๆ ที่เมล็ดฝรั่งมีความหวานหอมและเป็นกากใยอาหารที่ดีเยี่ยม จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นเมล็ดอะไรหรืออาหารอะไร หากสามารถเข้าไปในไส้ติ่งได้ก็ทำให้เป็นโรคไส้ติ่งอักเสบได้ทั้งสิ้น ไม่จำเป็นต้อง เป็น เมล็ดฝรั่งอย่างเดียว

 |lI แครอท : ผักสีส้มที่กินแล้วผิวสวยเพราะได้ชื่อว่ามีสารเบต้าแคโรทีนสูง แต่จะได้ประโยชน์มากขึ้นหากปรุงด้วยความร้อนก่อนนำมากิน ความร้อนจะช่วยทำให้ผนังเซลล์ของแครอทอ่อนตัวลงร่างกายสามารถย่อยได้ง่ายและดูดซึมสารอาหารต่างๆ ได้ดีขึ้น

 ::) รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากมีสุขภาพที่ดี ก็อย่าลืมหันมากินผักและผลไม้กันเยอะๆ

ขอขอบคุณข้อมูล :
(http://img80.imageshack.us/img80/7936/dailynews.jpg)
 T|g T|g T|g
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 04 มกราคม 2011, 09:46:08น.
(http://upic.me/i/3c/ioudfy04.gif) (http://upic.me/show/19588914)

(http://i.kapook.com/glitter/2010/th/12/T281210_04C.gif) (http://glitter.kapook.com/category.php?category_id=103&sid=6f190100a0b581df9bfcfaa372509a93)

(http://img1.thaicomment.com/tc/009/029.gif) (http://www.thaicomment.com) (http://www.thaicomment.com/)

(http://upic.me/i/3c/ioudfy04.gif) (http://upic.me/show/19588914)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 24 มิถุนายน 2011, 21:07:49น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) นอนกัดฟัน ทำลายสุขภาพมากกว่าที่คิด 

(http://upic.me/i/hs/112333.jpg) (http://upic.me/show/25478418)

::)  การนอนกัดฟันเป็นพฤติกรรมผิดปกติขณะนอนหลับ ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพทำให้เกิดโรคภายในช่องปากและโรคเรื้อรังต่างๆ อาทิ ปวดศีรษะ ปวดหู เป็นต้น ดังนั้นจึงควรสังเกตสุขภาพของตนเองหลังจากตื่นนอนเป็นประจำ หากพบว่ามีพฤติกรรมนอนกัดฟัน ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้อง 

พฤติกรรมการนอนกัดฟันถือเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญอีกประการของคนไทย เนื่องจากส่งผลเสียต่อร่างกายไม่เฉพาะบริเวณช่องปาก ทำให้สุขภาพฟันเสื่อม มีปัญหาด้านการบดเคี้ย แต่ยังส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะและปวดหูเรื้อรังตามมา ซึ่งสาเหตุในการนอนกัดฟันนั้นที่แท้จริงไม่สามารถระบุได้แน่ชัดเลยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล อาทิ โรคภายในช่องปาก โรคเครียด อารมณ์รุนแรง เป็นต้น

วิธีการรักษาที่นิยม คือ การทำเฝือกสบฟันที่คล้ายยางกันฟันของนักกีฬา เพื่อช่วยลดการสบฟันอย่างรุนแรงในขณะนอนกัดฟัน และหากเป็นโรคภายในช่องปากควรรีบรักษาให้หายขาด ดังนั้นจึงควรสังเกตว่านอนกัดฟันหรือไม่ หากพบว่ามีพฤติกรรมดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้าทำการรักษาทันที

(http://upic.me/i/3k/co443.gif) (http://upic.me/show/9236310) น่ารู้เรื่องนอนกัดฟัน
การนอนกัดฟัน (Nocturnal Bruxism)   เป็นพฤติกรรมผิดปกติที่เกิดขึ้นในขณะที่เรานอนหลับ โดยกล้ามเนื้อบดเคี้ยว ข้อต่อขากรรไกร และฟันทำงานผิดปกติในลักษณะฟันขบกันหรือฟันบนและล่างถูไถซ้ำๆกันอย่างต่อเนื่อง อาจเกิดเสียงที่สร้างความรำคาญให้กับผู้อื่นหรือในบางรายก็อาจไม่มีเสียง ซึ่งผู้ที่นอนกัดฟันมักไม่รู้ตัวว่าตนเองนอนกัดฟัน  อาการนอนกัดฟันสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แม้กระทั่งในเด็กเล็ก เมื่อได้ลองกัดฟันแล้วอาจรู้สึกสนุกกับการได้ยินเสียงฟันกระทบกัน นอกจากนี้อาการดังกล่าวยังพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เพราะการแสดงออกของเพศหญิงถูกควบคุมโดยกฎเกณฑ์ทางสังคมมากกว่า ส่งผลให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวล ทำให้มีโอกาสเกิดการกัดฟันขณะนอนหลับ

(http://upic.me/i/3k/co443.gif) (http://upic.me/show/9236310) อะไรคือสาเหตุที่แท้จริง
สาเหตุของการนอนกัดฟันมีมากมายและไม่สามารถระบุได้แน่ชัด ขึ้นอยู่กับสุขภาพของแต่ละคน อาทิ มีสิ่งแปลกปลอมหรือสิ่งกีดขวางไปกระตุ้นการขบเคี้ยวฟัน ผู้ที่เป็นโรคปริทันต์ โรคภายในช่องปาก ปัญหาเรื่องฟันซ้อน ฟันเก เป็นต้น สภาวะของจิตใจและอารมณ์ก็มีผลทำให้ระดับอาการมีความแตกต่างกัน นอกจากนี้ยาที่มีส่วนผสมของแอมเฟตามีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ก็ล้วนส่งผลให้เกิดการนอนกัดฟันได้

(http://upic.me/i/3k/co443.gif) (http://upic.me/show/9236310) ประเภทของการกัดฟัน
ลักษณะการนอนกัดฟันที่พบมากในคนส่วนใหญ่มี 2 ประเภทคือ กัดฟันแบบเน้น (Clenching) เรียกอีกอย่างว่า ขบฟันแน่น  เป็นการกัดฟันในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งซ้ำไปซ้ำมาเป็นระยะเวลานาน เสียงจะไม่ดังมากนัก ทำให้ไม่ทราบว่าตนเองนอนกัดฟัน และอีกประเภทคือ กัดฟันแบบกัดถู (Grinding) เรียกอีกอย่างว่า บดถูฟัน  เป็นการกัดฟันในลักษณะขากรรไกรล่างมีการขยับไปมาตลอดเวลา มักเกิดเสียงดังรบกวนผู้อื่น  ซึ่งความถี่ของการกัดฟันจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ในแต่ละวัน

(http://upic.me/i/3k/co443.gif) (http://upic.me/show/9236310) แก้ปัญหานอนกัดฟัน
วิธีที่ได้รับความนิยมและช่วยบรรเทาความรุนแรงได้เป็นอย่างดีคือ การใส่เฝือกสบฟัน (Night Guard) ซึ่งมีลักษณะคล้ายยางกันฟันของนักกีฬา โดยมีทั้งเฝือกสบฟันแบบนิ่มและแบบแข็ง โดยทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ปากเพื่อนำไปทำเฝือกสบฟันขนาดที่เหมาะสม และบางครั้งอาจให้ยาปรับการนอนร่วมด้วย ที่สำคัญควรดูแลความสะอาดและรักษาโรคภายในช่องปากให้หายขาด งดเครื่องดื่มคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และเลิกสูบบุหรี่ นอนหลับพักผ่อนในห้องนอนที่เงียบสงบและไม่มีแสงสว่างมารบกวน หากมีอาการปวดกล้ามเนื้อควรประคบและบริหารขากรรไกร รวมทั้งทำกายบริหารด้วยการแหงนหน้าขึ้นให้สูงที่สุด อ้าปากให้กว้างที่สุดสลับกับการปิดปาก และนวดกล้ามเนื้อบริเวณกรามทั้งสองข้าง

(http://upic.me/i/3k/co443.gif) (http://upic.me/show/9236310) นอนกัดฟัน ร่างกายอ่อนแอกว่าที่คิด
ผลเสียของการนอนกัดฟัน เริ่มตั้งแต่ฟันสึกกร่อน สั้น และบางลง เกิดการเสียวฟันเรื้อรัง ถ้ากัดฟันแรงอาจทำให้ฟันบิ่น ฟันร้าว ฟันแตก จนทะลุโพรงประสาท ทำลายสุขภาพฟันและอวัยวะภายในช่องปากจนไม่สามารถทานอาหารได้ตามปกติ

นอกจากนี้ยังส่งผลให้ใบหน้าสั้นลง กล้ามเนื้อบริเวณแก้มขยายใหญ่ขึ้น และกางออกเป็นรูปเหลี่ยม ปวดเมื่อยใบหน้า กล้ามเนื้อบดเคี้ยว และข้อต่อขากรรไกร ปวดหัวและปวดหูอย่างต่อเนื่อง และติดนิสัยกัดกระพุ้งแก้มจนเป็นแผลโดยไม่รู้ตัว  

(http://upic.me/i/3k/co443.gif) (http://upic.me/show/9236310) รู้ได้อย่างไรว่ามีพฤติกรรมนอนกัดฟัน
ปกติแล้วไม่มีใครรู้ตัวขณะหลับว่าตนเองมีพฤติกรรมนอนกัดฟันหรือไม่ ดังนั้นวิธีการสังเกตคือ รู้สึกฟันขบกันแน่นและปวดมึนศีรษะขณะตื่นนอน จากนั้นจะปวดตึงกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม บางครั้งปวดศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุ เนื่องจากกล้ามเนื้อเทมโพราลิส (Temporalis Muscle) ซึ่งมีหน้าที่ยกขากรรไกรล่างขึ้นอยู่ติดกับกะโหลกศีรษะ เวลาอ้าหรือหุบปากอาจมีเสียงคลิก และอีกวิธีคือให้คนใกล้ชิดช่วยสังเกตขณะนอนหลับเพื่อให้ทราบอาการชัดเจน หากพบว่านอนกัดฟันควรปรึกษาแพทย์ทันที  
(http://upic.me/i/3k/co443.gif) (http://upic.me/show/9236310) ภาวะเครียด อารมณ์รุนแรง ส่งผลต่อการนอนกัดฟันจริงหรือไม่
นักจิตวิทยาได้มีการทดสอบผู้ป่วยที่เป็นโรคนอนกัดฟันแล้วพบว่า อารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีผลต่อการนอนกัดฟัน อาทิ โกรธ ผิดหวัง เศร้า เป็นต้น และการนอนกัดฟันมักเกิดในช่วงที่เปลี่ยนจากการหลับลึกหรือหลับสนิทไปสู่ภาวะใกล้ตื่น ที่เรียกกันว่า REM (Rapid Eye Movement) ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะความเครียดและกิจกรรมต่างๆ ที่ทำก่อนเข้านอน ทำให้ความรุนแรงและระยะเวลาการกัดฟันในแต่ละคืนต่างกัน
(http://upic.me/i/3k/co443.gif) (http://upic.me/show/9236310) การนอนกัดฟัน นอกจากทำให้สุขภาพฟันถูกทำลายแล้ว ยังส่งผลต่อบุคลิกภาพ อารมณ์ และจิตใจ รวมทั้งสร้างความรำคาญให้กับผู้อื่น ดังนั้นการสังเกตและใส่ใจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ทราบถึงอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นและสามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที



ขอบคุณข้อมูลจาก : kbeautifullife  
 T|g T|g T|g T|g T|g
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 24 มิถุนายน 2011, 21:09:46น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) วิธีดูแลแปรงสีฟัน เพื่อช่องปากสะอาดสุขภาพดี

(http://upic.me/i/rf/112338.jpg) (http://upic.me/show/25478484)

::)  วันนี้เรามีวิธีดูแลแปรงสีฟันเพื่อช่องปากสะอาด สุขภาพฟันที่ดีมาฝากกันครับ...ฟันและช่องปากถือเป็นส่วนที่สำคัญ แปรงสีฟันจึงมีส่วนช่วยผลักดันให้ช่องปากและฟันของคุณมีสุขภาพที่ดี 

 |lI ฉะนั้น การดูแลแปรงสีฟัน จึงมีส่วนสำคัญที่จะทำให้คุณนั้นไม่ต้องเป็นโรคช่องปากได้ หากว่าใครยังไม่รู้ วิธีดูแลแปรงสีฟัน ว่าต้องทำอย่างไรกันบ้างก็มาดูกันได้เลย เพราะในช่องปากของคนเรานั้นมักจะสะสมแบคทีเรียไว้มากที่สุด เวลาแปรงฟันแบคทีเรียเหล่านั้นก็จะถูกสะสมอยู่ในแปรงสีฟันจนกลายเป็นเชื้อโรค ฉะนั้นหากว่าใคร ไม่อยากให้แปรงสีฟันของตัวเองเป็นตัวก่อโรคก็มาดูวิธีดูแลแปรงสีฟันกันเลยดีกว่า

 |lI6 วิธีดูแลแปรงสีฟัน

 |lI 1. เปลี่ยนแปรงสีฟันอย่างน้อยทุกๆ 3 เดือน

 |lI 2. อย่าใช้แปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น

 |lI 3. ลองขอคำแนะนำในการใช้แปรงและแปรงฟันให้ถูกวิธีจากทันตแพทย์

 |lI 4. อย่าใช้แปรงที่มีขนแปรงแข็งเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดแผลที่เหงือกและทำให้แบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือดได้ง่าย 

 |lI 5. ถ้าเก็บแปรงสีฟันไว้ในห้องน้ำ ควรเก็บในปลอกให้เรียบร้อยไม่ควรวางทิ้งไว้ หรือเสียบใส่ในแก้วน้ำเฉยๆ

 |lI 6. ใช้น้ำร้อนทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคให้แปรงสีฟันบ้าง และน้ำร้อนยังทำให้ขนแปรงที่แข็งอ่อนนุ่มลงด้วย
 
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 24 มิถุนายน 2011, 21:45:44น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) ปวดหัวหรือปวดท้อง สิ่งที่คุณกินนั่นแหละช่วยได้! 

(http://upic.me/i/um/112339.jpg) (http://upic.me/show/25479420)

::)  แทนการหยิบยามากิน ลองเดินเข้าไปดูของกินในครัวก่อนดีไหม เพราะอาหารหลายอย่างให้วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่น ๆ ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหลายอย่างที่รบกวนคุณ  

 |lI  1. ปวดหัวไมเกรน
งานวิจัยด้านอาหารชี้ว่า การกินปลาที่มีไขมันสูงซึ่งอุดมด้วยไขมันอย่างโอเมก้า-3 อาจช่วยให้ร่างกายลดการสร้างพรอสตาแกลนดินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดอาการอักเสบและเจ็บปวด

 |lI  2. ปวดประจำเดือน
การสร้างพรอสตาแกลนดินส์ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือน เพราะเมื่อพรอสตาแกลนดินส์ถูกปล่อยเข้าไปในเนื้อเยื่อ มดลูกก็จะมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยมีอาการเกร็งกระตุก ลองกินโอเมก้า-3 ที่ช่วยยับยั้งการหลั่งของพรอสตาแกลนดินส์ และหลีกเลี่ยงเนื้อแดงและผลิตภัณฑ์จากนมที่มีกรด Arachidonic ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการสร้างพรอสตาแกลนดินส์

 |lI 3. ปวดข้อ
วิตามินซีอาจช่วยชะลอการเสื่อมของข้อต่อได้ การศึกษาวิจัยจากศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยบอสตัน แสดงว่า ผู้ป่วยโรคไขข้อที่กินวิตามินซีจำนวนมากมีแนวโน้มน้อยกว่าถึงสามเท่าที่จะมีอาการปวด หรือบาดเจ็บข้อ เมื่อเทียบกับคนที่กินวิตามินซีน้อยกว่า คุณสมบัติในการต้านแอนตี้ออกซิเดนท์ของวิตามินอาจช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำร้ายร่างกายเพิ่มขึ้น วิตามินซียังมีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกอ่อนและกระดูก

 |lI 4. อาการจุกเสียดจากกรดไหลย้อน (Heartburn)
ขิงอาจช่วยทำให้กล้ามเนื้อด้านล่างของหลอดอาหารแข็งแรงขึ้น มันเป็นเสมือนวาล์วที่กั้นไม่ให้กรดไหลย้อนขึ้นมา และหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูงที่อาจทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อหลอดอาหารอ่อนแอ อาหารรสจัด หรือมีกรดสูงก็อาจทำให้เกิดอาการจุกเสียดได้ 

 |lI  5. ท้องผูก
ผักและผลไม้ที่มีเส้นใยสูงช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานปกติ ลองกินเส้นใยอาหารให้ได้วันละ 20-35 กรัม และเพิ่มการกินช้า ๆ อย่างเช่น 4-5 กรัมต่อวัน ในวันแรก ๆ ไม่เช่นนั้นคุณอาจเกิดอาการไม่สบายท้องได้ และให้ดื่มน้ำเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองแก้วต่อวัน ที่จะช่วยผลักให้เส้นใยอาหารไปตามลำไส้


ขอขอบคุณข้อมูล : Lisa  
 T|g T|g T|g T|g
 
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: ...(love U)... ที่ 25 มิถุนายน 2011, 08:43:12น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) ปวดหัวหรือปวดท้อง สิ่งที่คุณกินนั่นแหละช่วยได้! 

(http://upic.me/i/um/112339.jpg) (http://upic.me/show/25479420)

::)  แทนการหยิบยามากิน ลองเดินเข้าไปดูของกินในครัวก่อนดีไหม เพราะอาหารหลายอย่างให้วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่น ๆ ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหลายอย่างที่รบกวนคุณ  

 |lI  1. ปวดหัวไมเกรน
งานวิจัยด้านอาหารชี้ว่า การกินปลาที่มีไขมันสูงซึ่งอุดมด้วยไขมันอย่างโอเมก้า-3 อาจช่วยให้ร่างกายลดการสร้างพรอสตาแกลนดินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดอาการอักเสบและเจ็บปวด

 |lI  2. ปวดประจำเดือน
การสร้างพรอสตาแกลนดินส์ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือน เพราะเมื่อพรอสตาแกลนดินส์ถูกปล่อยเข้าไปในเนื้อเยื่อ มดลูกก็จะมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยมีอาการเกร็งกระตุก ลองกินโอเมก้า-3 ที่ช่วยยับยั้งการหลั่งของพรอสตาแกลนดินส์ และหลีกเลี่ยงเนื้อแดงและผลิตภัณฑ์จากนมที่มีกรด Arachidonic ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการสร้างพรอสตาแกลนดินส์

 |lI 3. ปวดข้อ
วิตามินซีอาจช่วยชะลอการเสื่อมของข้อต่อได้ การศึกษาวิจัยจากศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยบอสตัน แสดงว่า ผู้ป่วยโรคไขข้อที่กินวิตามินซีจำนวนมากมีแนวโน้มน้อยกว่าถึงสามเท่าที่จะมีอาการปวด หรือบาดเจ็บข้อ เมื่อเทียบกับคนที่กินวิตามินซีน้อยกว่า คุณสมบัติในการต้านแอนตี้ออกซิเดนท์ของวิตามินอาจช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำร้ายร่างกายเพิ่มขึ้น วิตามินซียังมีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกอ่อนและกระดูก

 |lI 4. อาการจุกเสียดจากกรดไหลย้อน (Heartburn)
ขิงอาจช่วยทำให้กล้ามเนื้อด้านล่างของหลอดอาหารแข็งแรงขึ้น มันเป็นเสมือนวาล์วที่กั้นไม่ให้กรดไหลย้อนขึ้นมา และหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูงที่อาจทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อหลอดอาหารอ่อนแอ อาหารรสจัด หรือมีกรดสูงก็อาจทำให้เกิดอาการจุกเสียดได้ 

 |lI  5. ท้องผูก
ผักและผลไม้ที่มีเส้นใยสูงช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานปกติ ลองกินเส้นใยอาหารให้ได้วันละ 20-35 กรัม และเพิ่มการกินช้า ๆ อย่างเช่น 4-5 กรัมต่อวัน ในวันแรก ๆ ไม่เช่นนั้นคุณอาจเกิดอาการไม่สบายท้องได้ และให้ดื่มน้ำเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองแก้วต่อวัน ที่จะช่วยผลักให้เส้นใยอาหารไปตามลำไส้


ขอขอบคุณข้อมูล : Lisa  
 T|g T|g T|g T|g
 


s#y s#y T@$ T@$ +1 / 12503
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Buck RI ที่ 25 มิถุนายน 2011, 08:48:14น.
+ 1  h*[

sonic x
ผู้ช่วย webmaster
Super Hero

พลังน้ำใจ: 12506

 
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 25 มิถุนายน 2011, 15:18:54น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) ปวดหัวหรือปวดท้อง สิ่งที่คุณกินนั่นแหละช่วยได้! 

(http://upic.me/i/um/112339.jpg) (http://upic.me/show/25479420)

::)  แทนการหยิบยามากิน ลองเดินเข้าไปดูของกินในครัวก่อนดีไหม เพราะอาหารหลายอย่างให้วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่น ๆ ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหลายอย่างที่รบกวนคุณ  

 |lI  1. ปวดหัวไมเกรน
งานวิจัยด้านอาหารชี้ว่า การกินปลาที่มีไขมันสูงซึ่งอุดมด้วยไขมันอย่างโอเมก้า-3 อาจช่วยให้ร่างกายลดการสร้างพรอสตาแกลนดินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดอาการอักเสบและเจ็บปวด

 |lI  2. ปวดประจำเดือน
การสร้างพรอสตาแกลนดินส์ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือน เพราะเมื่อพรอสตาแกลนดินส์ถูกปล่อยเข้าไปในเนื้อเยื่อ มดลูกก็จะมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยมีอาการเกร็งกระตุก ลองกินโอเมก้า-3 ที่ช่วยยับยั้งการหลั่งของพรอสตาแกลนดินส์ และหลีกเลี่ยงเนื้อแดงและผลิตภัณฑ์จากนมที่มีกรด Arachidonic ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการสร้างพรอสตาแกลนดินส์

 |lI 3. ปวดข้อ
วิตามินซีอาจช่วยชะลอการเสื่อมของข้อต่อได้ การศึกษาวิจัยจากศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยบอสตัน แสดงว่า ผู้ป่วยโรคไขข้อที่กินวิตามินซีจำนวนมากมีแนวโน้มน้อยกว่าถึงสามเท่าที่จะมีอาการปวด หรือบาดเจ็บข้อ เมื่อเทียบกับคนที่กินวิตามินซีน้อยกว่า คุณสมบัติในการต้านแอนตี้ออกซิเดนท์ของวิตามินอาจช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำร้ายร่างกายเพิ่มขึ้น วิตามินซียังมีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกอ่อนและกระดูก

 |lI 4. อาการจุกเสียดจากกรดไหลย้อน (Heartburn)
ขิงอาจช่วยทำให้กล้ามเนื้อด้านล่างของหลอดอาหารแข็งแรงขึ้น มันเป็นเสมือนวาล์วที่กั้นไม่ให้กรดไหลย้อนขึ้นมา และหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูงที่อาจทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อหลอดอาหารอ่อนแอ อาหารรสจัด หรือมีกรดสูงก็อาจทำให้เกิดอาการจุกเสียดได้ 

 |lI  5. ท้องผูก
ผักและผลไม้ที่มีเส้นใยสูงช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานปกติ ลองกินเส้นใยอาหารให้ได้วันละ 20-35 กรัม และเพิ่มการกินช้า ๆ อย่างเช่น 4-5 กรัมต่อวัน ในวันแรก ๆ ไม่เช่นนั้นคุณอาจเกิดอาการไม่สบายท้องได้ และให้ดื่มน้ำเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองแก้วต่อวัน ที่จะช่วยผลักให้เส้นใยอาหารไปตามลำไส้


ขอขอบคุณข้อมูล : Lisa  
 T|g T|g T|g T|g
 


s#y s#y T@$ T@$ +1 / 12503

สวัสดีวันเสาร์ครับ

สาวยู

 h*[

332

พักผ่อนให้เต็มที่เพียงหนึ่งวัน  มีกำลังทำงานได้อีกเจ็ดวัน  


(http://upic.me/i/6z/6gu02.jpg) (http://upic.me/show/18523689)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 25 มิถุนายน 2011, 15:19:31น.
+ 1  h*[

sonic x
ผู้ช่วย webmaster
Super Hero

พลังน้ำใจ: 12506

 

สวัสดีวันเสาร์ครับ

น้องบัค

 h*[

620

พักผ่อนให้เต็มที่เพียงหนึ่งวัน  มีกำลังทำงานได้อีกเจ็ดวัน  


(http://upic.me/i/6z/6gu02.jpg) (http://upic.me/show/18523689)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 24 กรกฎาคม 2011, 21:10:28น.
J@: J@: J@:

Mum_Maisusa
Newbie

พลังน้ำใจ: 3

 T|g T|g T|g
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 07 สิงหาคม 2011, 05:47:57น.
สวัสดีตอนเช้าครับ
พร้อมอากาศดีๆ  กับกลิ่นหอมของกาแฟ
มีความสุขในทุกๆ เรื่อง ตลอดทั้งวันนะครับ


(http://nsa11.casimages.com/img/2009/11/20/091120015258909196.gif)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: catzzaa ที่ 09 พฤศจิกายน 2011, 15:23:16น.
sonic x
ผู้ช่วย webmaster
Super Hero

พลังน้ำใจ: 15512


 ]L| ]L| ]L| ]L|
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: rainy ที่ 04 เมษายน 2012, 09:06:26น.
sonic x
ผู้ช่วย webmaster
Super Hero

พลังน้ำใจ: 19339


(http://upic.me/i/qm/shirt.gif) (http://upic.me/show/34384001)

 ]E[ สวัสดีค่ะ คุณ sonic x
สบายดีหรือเปล่า คิดถึงน๊า
ของใหม่จาก CFC สั่งจองหรือยังคะ

 E|i E|i E|i E|i
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Buck RI ที่ 04 เมษายน 2012, 09:36:42น.
(http://upic.me/i/p6/sk101lv5.jpg) (http://upic.me/show/34384283)

จาก พี่โซนิค ถึงสมาชิกครับ

ปีใหม่และสงกรานต์นี้ ขอให้สมาชิกทุกๆคนมีความสุข ชุ่มชื่น ชีวิตร่มเย็น สนุกสนานกับการเล่นน้ำ อิ่มอกอิ่มใจกับการทำบุญ รวมถึงการเดินทางโดยสวัสดิภาพสำหรับคนที่ไปเที่ยวนะครับ อ้อ!!!! แล้วอย่าลืมสืบสานวัฒนธรรมไทยที่ดีงามด้วยนะครับ


(http://upic.me/i/wo/9ch13.gif) (http://upic.me/show/34384385)
http://www.youtube.com/v/44EkEYyUXjY&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3 =1&autoplay=1
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 28 กรกฎาคม 2012, 05:41:04น.
(http://upic.me/i/l2/1235999888.gif) (http://upic.me/show/5082256)

28 กรกฎาคม วันคล้ายวันประสูติของ

(http://upic.me/i/6f/fachai2.jpg) (http://upic.me/show/37711289)

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ

ขอพระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง
และเจริญพระชนมายุยิ่งยืนนานตลอดไป
(http://upic.me/i/l2/1235999888.gif) (http://upic.me/show/5082256)

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

ข้าพระพุทธเจ้า

sonic x
Assistant Webmaster

and Apichoke.net ' s member


(http://upic.me/i/0x/r0144.gif) (http://upic.me/show/3755785)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: AA6 ที่ 29 กรกฎาคม 2012, 10:57:22น.
 JI| มีประโยชน์มากทุกข้อมูล ขอบคุณมากค่ะ ::)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 29 กรกฎาคม 2012, 19:50:33น.
(http://upic.me/i/v8/5f1.2.jpg) (http://upic.me/show.php?id=e657b5d1ba90482ad74c5ced62e81aee) เฝ้าระวัง! โรคมือ เท้า ปาก

::) เฝ้าระวัง! โรคมือ เท้า ปาก

          จากกรณีการระบาดของโรคมือ เท้า ปาก สายพันธุ์รุนแรงในประเทศกัมพูชา ทำให้เด็กกัมพูชาเสียชีวิตกว่า 60 คน เป็นเหตุให้บ้านใกล้เรือนเคียงอย่างไทยต้องเฝ้าระวังเด็กเล็กมากเป็นพิเศษรวมถึงทำความเข้าใจกับโรคนี้ให้มากขึ้นด้วย

          โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มเอ็นเทอโรไวรัส (Enteroviruses) ซึ่งเป็นเชื้อที่เพิ่มขยายจำนวนในลำไส้ของคน ที่พบในไทยส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อค็อกซากีไวรัส เอ 1 และ เอ 16 (Coxsac-kievirus A1,A16) อาการไม่รุนแรง จะหายได้เองภายใน 7-10 วัน ส่วนที่พบในกัมพูชาเป็นชนิดรุนแรงคือ เอ็นเทอโรไวรัส 71 (EV71) ซึ่งอาจทำให้มีอาการสมองอักเสบ มีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต... ลักษณะของโรคจะพบในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการป่วย แต่จะปรากฏอาการดังกล่าวอยู่ 3-5 วัน โดยบางรายอาจไม่พบตุ่มพอง แต่บางรายจะมีอาการรุนแรง ขึ้นอยู่กับชนิดไวรัสที่มีการติดเชื้อ ซึ่งเชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายทางปากโดยตรง เช่น ช้อน แก้วน้ำ หรือของเล่นที่ปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลาย น้ำจากตุ่มพอง แผลในปาก หรืออุจจาระของผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสอยู่ ทั้งนี้เชื้ออาจอยู่ในอุจจาระของผู้ป่วยได้เป็นเดือน ทำให้ผู้ป่วยสามารถแพร่กระจายเชื้อได้ ดังนั้นเราควรสอนให้บุตรหลานล้างมือให้สะอาดทุกครั้งที่กลับจากที่สาธารณะ

          ทั้งนี้ในการเฝ้าระวังโรคหากพบแผลในปาก หรือเด็กมักบ่นว่าเจ็บปาก กินไม่ได้ ควรให้เด็กหยุดเรียนอยู่ที่บ้าน 1 สัปดาห์ และที่บ้านควรแยกภาชนะของใช้จากคนอื่นในครอบครัว เนื่องจากผู้ป่วยบางรายอาจมีเพียงแผลในปากเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีผื่นตามมือ หรือเท้าก็ได้ แต่สามารถแพร่เชื้อไปสู่เด็กคนอื่น ๆ และในสิ่งแวดล้อมได้
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: pat12 ที่ 29 กรกฎาคม 2012, 20:55:57น.
+1 S|d' S|d'

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: airzzaa ที่ 20 กันยายน 2012, 11:38:42น.
<t,17>  <t,17> <t,17>

(http://image.ohozaa.com/i/3c2/XJVRI.gif) (http://image.ohozaa.com/view2/vWSz)
หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับสุขภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: sonic x ที่ 18 พฤศจิกายน 2012, 08:58:35น.
<t,17> มาเยี่ยมและปัดฝุ่นห้องสุขภาพ
{"b} ท่านที่เข้ามาเยี่ยมขอให้มีความสุขมากๆ นะครับ


(http://upic.me/i/zb/44652.jpg) (http://upic.me/show/37022714)