"หวยซอง เลขเด็ด เขียนโดยสาธารณชน เป็นการเสนอแนะเพื่อเสี่ยงโชคซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกกฎหมายเท่านั้น ไม่มีการขายหวยทุกชนิด และ ไม่มีใครทราบว่าหวยจะออกตัวไหน โปรดใช้วิจารณญาณ"

เรื่อง: สมุนไพรใกล้ตัว
 
 16511

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #30 21 สิงหาคม 2015, 18:39:48น.



 Y$@ f|c f|c f|c

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #31 21 สิงหาคม 2015, 18:40:31น.



 j|a j|a j|a

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #32 21 สิงหาคม 2015, 18:41:15น.



 m|y m|y m|y

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #33 21 สิงหาคม 2015, 18:42:36น.




‪#‎กล้วยน้ำว้า‬

การรับประทานกล้วยน้ำว้าเป็นประจำมีประโยชน์มากมายต่อร่างกายอย่างที่ทุกคนทราบกันดี แต่การรับประทานกล้วยน้ำว้าในเวลา timeline ที่แตกต่างวัย ยังให้คุณค่าที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายแบบเฉพาะเจาะจงที่แตกต่างกันอีกค่ะ

กล้วยดิบ
เปลือกภายนอกสีเขียวเข้ม ช่วยแก้โรคกระเพาะได้ดีเนื่องจากมีสารแทนนิน ซึ่งมีฤทธิ์ในการเคลือบรักษากระเพาะและลำไส้ป้องกันการติดเชื้อ และด้วยตัวกล้วยดิบเองซึ่งมีฤทธิ์ในการลดกรดในกระเพาะ จึงเป็นยาทางธรรมชาติที่รักษาโรคกระเพาะที่ดีกว่ายาแผนปัจจุบันทั่วไป กล้วยดิบไม่สามารถรับประทานสดๆได้ วิธีการจึงต้องนำกล้วยมาฝานเป็นแว่นๆแล้วอบด้วยความร้อนต่ำไม่เกิน 50 องศา จนแห้งแล้วนำมาบดเป็นผง รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา 3 ครั้งก่อนอาหาร โดยสามารถผสมกับน้ำผึ้งเพื่อให้รสชาติดีขึ้นง่ายต่อการรับประทาน

กล้วยห่าม
หรือกล้วยกึ่งดิบกึ่งสุก เปลือกภายนอกสีเหลืองแต่มีสีเขียวประปราย สามารถรับประทานได้สดๆ รสชาติไม่หวานจัดอาจติดรสฝาดเล็กน้อย กล้วยห่ามมีโพแทสเซียมสูง จึงให้ผลดีกับผู้มีอาการท้องเสียเนื่องจากผู้ป่วยจะสูญเสียโพแทสเซียมออกจากร่างกายมาก ซึ่งหากขาดมากอาจมีผลกระทบกับการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้กล้วยห่ามยังช่วยหล่อลื่นลำไส้ และเพิ่มกากใยในการขับถ่ายให้กับผู้ป่วย สารเซโรโทนินในกล้วยห่ามยังช่วยออกฤทธิ์ กระตุ้นให้ผนังกระเพาะอาหารสร้างเยื่อเมือกมากขึ้น ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย

กล้วยสุก
สีเหลืองสด รสชาติอร่อยที่ปกติเราชอบรับประทานกัน ให้ผลตรงกันข้ามกับกล้วยห่าม เนื่องจากเป็นยาระบายอ่อนๆให้ผลดีกับคนที่มีอาการท้องผูก เพราะมีสารเพ็กตินอยู่มาก เพ็กตินเป็นเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำได้ ช่วยเพิ่มกากใยในระบบทางเดินอาหารและที่สำคัญเป็นอาหารของแบ็คทีเรียในลำไส้ หรือ prebiotic ตามธรรมชาติ จึงช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับคนที่มีอาการท้องผูกมากๆต้องรับประทานวันละ 5-6 ลูกเพื่อให้ได้ผลดี

กล้วยงอม
กล้วยสุกจัดผิวคล้ำไม่สดสวย ที่หลายๆคนไม่ชอบรับประทาน แต่กลับให้ผลดีอย่างมากมายในการเพิ่มภูมิต้านทานโรคภัยต่างๆ เพราะช่วยเพิ่มเซลเม็ดเลือดขาว และมีสารที่เรียกว่า TNF (Tumor Necrosis Factor) ซึ่งมีความสามารถในการต่อสู้กับเซลล์ที่ผิดปกติ และยิ่งกล้วยสุกมากเท่าไหร่ มีจุดสีดำที่เปลือกมากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้เกิดสารเสริมภูมิต้านทานนี้มากขึ้น การรับประทานกล้วยสุกจัดเป็นประจำวันละ 1-2 ลูกยังช่วยเสริมภูมคุ้มกันโรคหวัด ไปในตัวค่ะ

ข้อมูลจาก
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=601d58501588a1cb


 a|a a|a a|a

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #34 21 สิงหาคม 2015, 18:43:51น.





น้ำมันปลา...อาหารทรงคุณค่า น่าบริโภค

น้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมที่นิยมในหมู่คนรักสุขภาพ เนื่องจากเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ และขาดไม่ได้เช่นกัน น้ำมันปลาใช้สร้างผนังเซลล์ต่างๆ เพิ่มการนำสารอาหารและออกซิเจนผ่านผนังเซลล์ ส่งผลให้เซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกายทำงานได้ดี

ประโยชน์ของน้ำมันปลาต่อสุขภาพมีดังนี้
1. ลดไขมันในเลือด ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
2. ป้องกันลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองอุดตัน
3. ลดอาการของโรคสะเก็ดเงิน ผิวอักเสบ ผิวแห้ง
4. บรรเทาอาการไขข้ออักเสบ รูมาตอยด์
5. บำรุงสมอง เพิ่มการเรียนรู้และจดจำ
6. ป้องกันสมองเสื่อม อัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ
7. ลดอาการซึมเศร้า เครียด นอนไม่หลับ
8. ป้องกันจอประสาทตาเสื่อมจากแสงสีฟ้าจากจอคอมพิวเตอร์ มือถือ
9. ช่วยให้ผิวพรรณดีมีเลือดฝาด ลดสิว ฝ้า กระ
และอื่นๆ อีกมากมายเหลือคณานับ

การบริโภคน้ำมันปลาเป็นประจำและต่อเนื่อง ต้องคำนึงถึงคุณภาพของวัตถุดิบและแหล่งผลิตเพื่อความปลอดภัย
ปัจจุบันมีน้ำมันปลาเกรดคุณภาพ หรือที่เรียกว่า “น้ำมันปลาเกรดยา” โดยมีคุณสมบัติเด่นคือ
- มีการสกัดสารพิษปนเปื้อนออกไปมาก เช่น ตะกั่ว แคดเมียม ปรอท ดีดีที
- มีโอเมก้า 3 (EPA + DHA) เข้มข้นเป็น 2 เท่าของน้ำมันปลาทั่วไป
- เม็ดเล็กกว่า จึงกลืนง่ายแม้ในเด็ก

รักสุขภาพอย่างเดียวไม่พอ ต้องเลือกคุณภาพด้วยค่ะ

(Cr. นานาสาระ กับ เคล็ดลับสุขภาพที่ดี)


 |ra |g|

หวยซอง เลขเด็ด อภิโชควิเคราะห์เลขรวย หวยรัฐบาล : Apichoke.net

Re: สมุนไพรใกล้ตัว
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2015, 18:43:51น. »

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #35 21 สิงหาคม 2015, 18:54:21น.




เคล็ดลับ "คลายแสบร้อนเพราะพริก"
สำหรับคุณแม่บ้านค่ะ...

คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธเลยว่าไม่เคยพบกับปัญหาในการประกอบอาหาร เมื่อต้องเจอกับเมนูที่ต้องมีการซอยหรือหั่นพริก ถ้าใช้มือเปล่าสัมผัสกับพริกโดยตรงแล้วละก็ ไม่อยากจะคิดนะคะ.... อาการที่เกิดขึ้นต้องแสบร้อนตามนิ้วมือใช่มั้ยคะ ไม่ว่าจะล้างน้ำซักกี่ครั้งอาการแสบร้อนก็ไม่หาย ทำให้รู้สึกทรมานมากๆ ต่อไปนี้เรื่องเหล่านี้จะไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณแม่บ้านอีกเลย เพราะมีวิธีช่วยแก้อาการแสบร้อนจากการสัมผัสพริกมาฝากกันค่ะ

- นำเกลือแกงสำหรับปรุงอาหารที่มีอยู่ในครัว ตักมาประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงบนฝ่ามือแล้วลูบเกลือลงบนบริเวณที่รู้สึกแสบร้อนแล้วถูไปมา จะช่วยลดความแสบร้อนได้ค่ะ

- ใช้แป้งฝุ่นสำหรับทาตัวเด็ก หรือใช้แป้งหมี่ที่เราประกอบอาหาร มาลูบถูบริเวณที่รู้สึกแสบร้อนสักพักอาการแสบร้อนก็จะค่อย ๆ หายไปค่ะ

- ใช้ใบพริกจะใช่หรือไม่ใช่พันธุ์เดียวกับที่เราจับก็ได้ นำมาขยี้แล้วทาลงบนบริเวณที่แสบร้อน อาการแสบร้อนจะค่อย ๆ หายไปค่ะ
นำน้ำมะนาว มาทาให้ทั่วบริเวณที่เกิดอาการแสบร้อน จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด อาการแสบร้อนก็จะหายค่อย ๆ หายไปนะคะ

- นำน้ำมันพืชที่อยู่ในครัว มาทาให้ทั่วบริเวณที่เกิดอาการแสบร้อน จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสบู่ อาการแสบร้อนก็จะค่อย ๆ หายไปค่ะ

คุณแม่บ้านลองนำไปใช้กันดูนะคะ ปัญหาแสบร้อนจากพริกก็จะไม่มากวนใจ แต่ถ้าใครมีวิธีที่ผมกล่าวมานี้ ก็สามารถนำมาแบ่งปันกันได้นะคะ

ที่มา..Maebane



 |g| j|a j|a

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #36 22 สิงหาคม 2015, 12:05:37น.



 j|a j|a j|a

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #37 04 ตุลาคม 2015, 11:30:20น.

อัมพฤกษ์-อัมพาต อัมพาตสิบปี ดื่มสมุนไพร ห้าวันรู้ผล





เสียงตื่นเต้นระคนดีใจของ คุณประนอม มณีย้อย บ้านท่าศาลเจ้า ต.เชิงกลัด อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี
โทรศัพท์เข้ามาหาผม บอกว่าติดต่อคุณจำรัส ยากมาก ดีใจที่โทรติด ดิฉันป่วยเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาต มาร่วม ๑๐ ปี เธอรีบ พูด โดยไม่ปล่อยให้ผมได้ซักถาม เธอบอกว่าป่วยเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาต มาร่วม ๑๐ ปี ขาลีบ ตะโพกลีบ ไหล่ซ้ายห้อย เดินเอียงเซไปเซมา เหมือนเจ้าเข้าทรง เวลาเดินต้องลากขาไปด้วยบางครั้งโดนก้อนหินเท้าจะเป็นแผล ไหล่ขวาชาไม่มีแรง ต้องไปฉีดยาที่ไหล่ขวาทุกอาทิตย์ ครั้งละ ๒๕๐ บาท หมดเงินไปเยอะ

ดิฉันทนทุกข์มานานแล้ว พยายามติดต่อคุณจำรัส อยากบอกเอาบุญให้คนที่เป็นได้หาย ดิฉันกินสมุนไพรนี้เพียง ๕ วันรู้ผลเลย ปัจจุบันเดินได้ปกติแล้ว เธอยังเล่าไม่หยุดผมได้แต่ขานรับ ครับๆ “ ดิฉันได้ตัวยานี้มาจากผู้ป่วยอัมพฤกษ์-อัมพาต ที่นอนซมอยู่กับที่ไปไหนมาไหนไม่ได้ เหมือนนอนรอความตาย อยู่ๆก็ลุกเดินได้อย่างน่าอัศจรรย์ ตัวยามีสมุนไพร ๔ ชนิด หาง่าย พอได้สูตรยามาดิฉันก็ไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง เพื่อนบ้านก็เอาไปทำ เพียงไม่กี่วันก็วิ่งมาบอกว่าหายแล้ว ดิฉันตกใจ..งง..ดิฉันเป็น คนบอกยังไม่ได้ทำ แต่มีคนเอาไปทำก่อน หายจากโรคอัมพฤกษ์-อัมพาตแล้ว ดิฉันจึงรีบทำกินบ้าง

สูตรยาตัวยามี

พริกไทยดำ ๒ ช้อนโต๊ะ
ดีปลี ๓๐ ดอก
ผักเสี้ยนผี ๑ กำมือ
มะตูมอ่อน ๑ ขีด

วิธีทำหรือต้ม

ตัวยาทุกตัวต้องตากหรืออบให้แห้งก่อน หลังจากนั้นเอาไปต้ม ใส่น้ำเยอะๆ ต้มให้เดือดประมาณ ๒๐ นาทีให้ฤทธิ์ยาออกมา ให้ดื่มต่างน้ำ ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ รสชาติจะเผ็ดร้อน กิน ๔ วันแรกจะเฉยๆ พอวันที่ ๕ จะปวดมากแทบทนไม่ได้ โดยเฉพาะบริเวณที่อาการหนัก เราต้องทนให้ได้หลังจากนั้นมันก็จะหลุดออกมาเลยคือหายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนไม่เคยปวดกลับมาเป็นปกติ ดิฉันร้องไชโย ดังลั่นบ้าน ชาวบ้านใกล้เคียงนึกว่าดิฉันบ้า”

สำหรับผักเสี้ยนผี ที่ใช้ประโยชน์มีอยู่ 2 ชนิดคือ ผักเสี้ยนชนิดที่เรานำมาดองรับประทาน หรือเรียกว่าผักเสี้ยนตัวผู้ หรือผักเสี้ยนขาวบางทีก็มีดอก สีขาว ออกม่วง หรือ สีม่วงส่วนอีกชนิดคือผักเสี้ยนผีหรือผักเสี้ยนตัวเมีย ต้นจะแผ่กิ่งก้านตรงเฉียงประมาณ ๔๕ องศา ดอกมีสีเหลืองบางและเกลี้ยง ดอกจะบานในวันเดียวคือตอนเช้า มีเมือกเหนียวๆอยู่ภายในลำต้น เมื่อเด็ดจะมีกลิ่นเหม็นเขียวฉุนๆลำต้นสูงประมาณ ๑ เมตร สรรพคุณเด่นของผักเสี้ยนผีคือแก้ข้ออักเสบ แก้เหน็บชา บางแห่งเรียกผักเสี้ยนผีว่าสมุนไพรไปนิพพานไม่กลับ หรือส้มเสี้ยนตัวเมียดอกจะมีสีเหลือง

สมุนไพรมะตูมอ่อน เป็นยาธาตุทำให้เจริญอาหาร บำรุงกำลัง และขับลมเนื่องจากมีสารเพคตินจึงมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อในลำไส้ได้

สมุนไพรพริกไทยดำมีสารแอลคาลอยด์ไพเพอร์ริน ทำให้เลือดลมเดินสะดวก กระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานดี

สมุนไพรดีปลีรสเผ็ดร้อนขม แก้เส้นอัมพฤกษ์-อัมพาตดับ ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบ ขับลม แก้ธาตุพิการ เป็นยาอายุวัฒนะ บางแห่งเรียกสมุนไพรประดงข้อ ดีปลีเชือก ปานนุ และพิษพญาไฟ

หลังจากสูตรนี้รายการทั่วทิศถิ่นไทย สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย นำออกเผยแพร่ ทั้งผมและคุณประนอม ก็ได้รับตำแหน่งใหม่เป็นชุมสายโทรศัพท์รับปรึกษาปัญหาสุขภาพเฉลี่ยวันละ๘๐ สายทั้งวันทั้งคืน ถ้าโทรหาคุณประนอมไม่ติดก็โทรหาคุณจำรัส โทรหาคุณจำรัสไม่ติดก็โทรหาคุณประนอม ขอโทษทีครับเวลาอาบน้ำ-นั่งสุขาวดียังต้องรับสาย จะปิดเครื่องก็เห็นใจคนป่วย

นี่เป็นประสบการณ์จริงของผู้ป่วยอัมพาต-อัมพฤกษ์ คุณประนอม มณีย้อย บ้านท่าศาลเจ้า ต.เชิงกลัด อ.บางระจันทร์ จ.สิงห์บุรี โทร. ๐๘-๑๓๖๕-๘๓๑๓
เพื่อให้หายข้องใจผมบึ่งรถไปหาคุณประนอม ที่จังหวัดสิงห์บุรี ไมน่าเชื่อจากผู้หญิงที่หมดสภาพเวลาล้มไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ขนาดหมาเลียหน้า แต่วันนี้ที่ผมเห็นเธอปั่นจักรยานมารอรับผมถึงปากทางเข้าบ้าน แล้วจัดเตรียมสมุนไพรต่างๆให้ผมดู ซึ่งตำรับยานี้มีหลายคนนำไปใช้แล้วแจ้งกลับมาว่าได้ผลดีมาก นิ้วล็อคก็หาย นกเขาคืนชีพ ความดัน-เบาหวาน-เก๊าท์-ปวดหัวเข่ารูมาตอยล์




ขอขอบคุณข้อมูลจาก :khonthaiuk eu



j|a j|a j|a

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #38 04 ตุลาคม 2015, 12:41:39น.





 S|d'


ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #39 11 พฤศจิกายน 2015, 21:28:55น.







ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #40 11 พฤศจิกายน 2015, 22:27:45น.




 S|d'

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #41 26 กุมภาพันธ์ 2016, 21:33:51น.







ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #42 02 มีนาคม 2016, 19:35:43น.




เรื่องดีดีของ... "น้ำส้มสายชู" ที่ควรแบ่งปัน


เรื่องดีดีของ... "น้ำส้มสายชู"

1. แก้ปัญหาท่ออุดตัน ผสมน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยกับเบกกิ้งโซดาครึ่งถ้วย เทลงในท่ออ่างล้างจาน รอให้ฟองหายไปหมด แล้วล้างออกด้วยน้ำร้อน

2. ลบคราบเทปกาว ฉีดน้ำส้มสายชูไปที่คราบเทปกาว รอสักพัก แล้วเช็ดคราบออก

3. กำจัดกลิ่นถังขยะ ราดน้ำส้มสายชูบนขนมปังให้ชุ่ม ห่อด้วยกระดาษแล้วทิ้งไว้ก้นถังขยะข้ามคืน

4. ทำน้ำยาทำความสะอาดด้วยตัวเอง เทน้ำส้มสายชูลงในกระบอกฉีดน้ำประมาณ 1/3 ขวด เติมน้ำจนเกือบเต็มขวดและผสมน้ำยาล้างจานเล็กน้อย เขย่าให้เข้ากัน ก็ใช้ทำความสะอาดได้ทั้งครัวและห้องน้ำ

5. ทำกับดักแมลงวัน เทน้ำส้มสายชูที่หมักจากแอปเปิ้ล (Apple Cider Vinegar) ลงในถ้วยใบเล็ก ครอบปากถ้วยด้วยพลาสติกห่ออาหาร ใช้มีดเจาะพลาสติกประมาณสองสามรูเพื่อล่อแมลง

6. ลบรอยย่นบนเสื้อผ้า ผสมน้ำส้มสายชู 1 ส่วนต่อน้ำ 3 ส่วน ฉีดน้ำยาที่ผสมแล้วบนรอยยับ แขวนเสื้อผ้าทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้รอยยับคลายตัว

7. แก้ปัญหาแมวข่วนเฟอร์นิเจอร์ ฉีดน้ำส้มสายชูลงบนเฟอร์นิเจอร์เล็กน้อย แมวเกลียดกลิ่นน้ำส้มสายชู มันจะไม่เข้าใกล้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นเลย

8. รักษาความสดของดอกไม้ ผสมน้ำส้มสายชูที่หมักจากแอปเปิ้ลกับน้ำ เติมลงในแจกันดอกไม้

9. ทำความสะอาดแว่นตา ฉีดน้ำส้มสายชูที่เลนส์แว่นเล็กน้อย เช็ดด้วยผ้านุ่มๆ

 10. กำจัดคราบบนกระทะ ผสมน้ำส้มสายชู 1 – 2 ถ้วยกับน้ำในอัตราส่วนเดียวกัน เทลงบนกระทะ ตั้งไฟให้เดือดประมาณ 5 นาที

สารพัดประโยชน์ "น้ำส้มสายชู" ที่คุณต้องรู้




 f|c f|c f|c

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #43 23 มีนาคม 2016, 20:33:49น.





 j|a j|a j|a

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #44 22 เมษายน 2016, 21:12:04น.





ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #45 01 พฤษภาคม 2016, 21:10:53น.



โภชนาการบำบัด
1.ดื่มน้ำร้อนปลอดทุกโรค

2.กินไข่ลวกวันละสองฟอง ใส่พริกไทยดำตำเองหนึ่งช้อนชา จะห่างไกลจากอัลไซเมอร์ไม่ต้องไปหาหมอ

3.หยุดกินน้ำตาลทราย เพราะเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคต่างๆ

4.กินทุเรียน ช่วยรักษาโรคมะเร็ง และแก่ช้า

5.กินแตงโม ช่วยแก้เลือดอุดตัน ลิ่มเลือด และช่วยบำรุงเลือด ถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้สมถรรพภาพทางเพศแข็งแรง

6.สตรีกินสับปะรด ช่วยกระช้บช่องคลอด

7.กินกล้วยไข่ ช่วยบำรุง ตับ ไต ผิว ตา กระดูก (เหมาะสำหรับคนทำงานหน้าคอมฯ) ทำให้หน้าอกโตด้วย

8.กล้วยน้ำว้านำไปเผาทั้งเปลือก ช่วยรักษา ปวดหัว ตัวร้อน และเบาหวาน

9.กล้วยหอม เด็กถ้ากินช่วยให้ความจำดี และสตรีวัยทองช่วยปรับฮอร์โมน ให้กินกับน้ำมะพร้าวอ่อน จะดีมาก

10.น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ใช้กินและนวดหน้า นวดร่างกายทำให้ดูอ่อนกว่าวัย รักษา ฝ้า กระ ดีมาก เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางค์ทุกชนิด

11.กินน้ำมันหมูดีที่สุดเพราะซ่อมสร้างเนื้อเยื่อได้ ที่เหลือขับทิ้งได้ไม่เหมือนน้ำมันพืช ที่ผ่านกรรมวิธีมีสารเคมีตกค้างมากมาย มีอันตราย ต่อสุขภาพระยะยาวแน่นอน

12.กินหอมแดง หอมใหญ่ กระเทียม และตามด้วยมะนาวฝานบางๆทั้งเปลือก 2-3 ชิ้น เพื่อดับกลิ่น เพื่อลดไขมันตัวร้ายในหลอดเลือด ดีกว่ากินยา

ขอขอบคุณที่มา : Chomphoonut Panomai




ขอบคุณเจ้าของข้อมูล
และ ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูลค่ะ


 j|a j|a j|a

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #46 03 พฤษภาคม 2016, 22:23:50น.




วิธีทำมะพร้าวธรรมดาๆ ให้เป็นมะพร้าวกะทิ ที่สามารถทำเองได้
วิธีที่ 1 ทำมะพร้าวจากมะพร้าวพันธุ์อะไรก็ได้ ถ้าต้องการให้ลูกออกมาเป็นมะพร้าวกะทิ ก็เอาถุงพลาสติกหุ้มจั่น จั่นก็คือดอกมะพร้าว 1 จั่นคือ 1 ทะลาย จั่นไหนถูกห่อด้วยพลาสติก จั่นนั้นหรือทลายดอกนั้นมันจะพิการ ทั้งนี้ จะต้องห่อตั่งแต่กลีบจั่นเริ่มแย้มบาน? ห่อไปจนกระทั่งมีลูกขนาดลูกหมากจึงค่อยเอาออก? โดยทั่วไปมะพร้าวในทะลายที่ห่อจั่นประมาณ 80-90 % จะเป็นมะพร้าวกะทิ วิธีนี้เป็นการทำมะพร้าวกะทิแบบชั่วคราว มะพร้าวในทะลายอื่น ๆ ที่ไม่ได้ห่อจั่นจะไม่เป็นมะพร้าวกะทิ
วิธีที่ 2 การทำมะพร้าวกะทิแบบถาวร ให้นำมะพร้าวที่เพาะไว้ ที่มีหน่อเหนือเปลือกขึ้นมาราว 30 ซม. แล้วใช้มีดตัดส่วนปลายตรงข้ามกับหน่อให้กะลาขาด จนเห็นเนื้อสีขาวและจาวสีเหลือง ภายในกะลามะพร้าวจากนั้นคว้านเอาจาวที่อยู่กลางกะลาออก เอาดินเหนียวอัดลงไปในกะลาแทนจาวจนเต็มและแน่นพอประมาณ สามารถนำไปปลูกได้ ? มะพร้าวที่ทำวิธีนี้จะเป็นมะพร้าวกะทิประมาณ 50 % หากจะเพิ่มปริมาณ ก็สามารถทำได้โดยให้เอาผลมะพร้าวที่ไม่เป็นมะพร้าวกะทิมาเพาะแล้วทำวิธีการเดียวกับที่กล่าวมานี้ ก็จะทำให้มะพร้าวในต้นใหม่เป็นมะพร้าวกะทิ ถึง 80 -90 % ทีเดียว มะพร้าวทุกพันธุ์สามารถทำมะพร้าวกะทิได้ทั้งสิ้น แต่ถ้าใช้มะพร้าวน้ำหอม ทำมะพร้าวกะทิไม่ดีเพราะมีกลิ่นเหม็นหืน มะพร้าวที่ดีที่สุดในการทำมะพร้าวกะทิคือ มะพร้าวกลาง
“มะพร้าวกะทิ” ติดผลเป็นทะลายปล่อยให้ผลแก่คาต้นก่อน ตัดทะลายลงมา เอาผลแต่ละผลเขย่าฟังดูว่าถ้าไม่มีเสียงน้ำในผลดังกระฉอกเลย หมายถึงมะพร้าวผลนั้นเป็น “มะพร้าวกะทิ” อย่างแน่นอน ไม่ต้องปอกเปลือก หรือทุบ ดูเนื้อในทุกผลให้เสียเวลา ทำหรือฝึกบ่อยๆจึงจะชำนาญ ช่วงแรกอาจมีผิดบ้างเป็น ธรรมดา คนโบราณก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน
ส่วน วิธีผ่ารับประทาน คนเฒ่าคนแก่บอกเคล็ดลับว่า ถ้าต้องการให้เนื้อในของ “มะพร้าวกะทิ” ฟูหรือเหนียวแน่น อร่อย ต้องนวดก่อน โดยเอาผลที่ปอกเปลือกแล้วกระแทกกับพื้นปูนเบาๆรอบๆผลให้ทั่ว กะเวลาจนแน่ใจว่าพอแล้วจึงนำผลไปผ่าครึ่ง จะพบว่าเนื้อในฟูเป็นสีขาวคล้ายปุยฝ้าย ใช้ช้อนตักรับประทานได้เลย รสชาติหวานมันหอมอร่อยมาก
การทำมะพร้าวกะทิแบบถาวร
วิธีนี้ให้นำมะพร้าวที่เพาะไว้ ที่มีหน่อเหนือเปลือกขึ้นมาราว 30 ซม. แล้วใช้มีดตัดส่วนปลายตรงข้ามกับหน่อให้กะลาขาด จนเห็นเนื้อสีขาวและจาวสีเหลือง ภายในกะลามะพร้าวจากนั้นคว้านเอาจาวที่อยู่กลางกะลาออก เอาดินเหนียวอัดลงไปในกะลาแทนจาวจนเต็มและแน่นพอประมาณ สามารถนำไปปลูกได้
มะพร้าวที่ทำวิธีนี้จะเป็นมะพร้าวกะทิประมาณ 50 % หากจะเพิ่มปริมาณ ก็สามารถทำได้โดยให้เอาผลมะพร้าวที่ไม่เป็นมะพร้าวกะทิมาเพาะแล้วทำวิธีการเดียวกับที่กล่าวมานี้ ก็จะทำให้มะพร้าวในต้นใหม่เป็นมะพร้าวกะทิ ถึง 80 -90 % ทีเดียว มะพร้าวทุกพันธุ์สามารถทำมะพร้าวกะทิได้ทั้งสิ้น แต่ถ้าใช้มะพร้าวน้ำหอม ทำมะพร้าวกะทิไม่ดีเพราะมีกลิ่นเหม็นหืน มะพร้าวที่ดีที่สุดในการทำมะพร้าวกะทิคือ มะพร้าวกลาง
Cr. เกษตร อินเตอร์ เชียงใหม่





ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #47 03 พฤษภาคม 2016, 22:50:54น.




แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 พฤษภาคม 2016, 22:52:48น. โดย namtanwaan

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #48 23 พฤษภาคม 2016, 21:45:59น.




S|d'ขอบคุณมากค่ะ

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #49 23 พฤษภาคม 2016, 22:22:25น.





มากิน "มะระ" กันเถอะ...ขมจริงเเต่คุณประโยชน์เหมือนยาอายุวัฒนะ!

.
รสขมๆ ของมะระอาจจะไม่เป็นที่โปรดปรานของใครหลายๆ คน แต่เชื่อว่าคงจะเคยได้ยินสำนวนที่ว่า "หวานเป็นลม ขมเป็นยา" สำหรับมะระนั้นเเม้จะขมเเต่ก็มีประโยชน์มากมายทั้งที่เรารู้เเละไม่รู้ วันนี้ได้รวบรวมคุณประโยชน์บางส่วนของมะระมาฝากกัน เผื่อว่าได้อ่านกันเเล้ว เพื่อนๆ จะหันมากินมะระกันมากขึ้นคะ
.

1. มะระช่วยให้เจริญอาหาร ใครจะไปคิดว่ามะระที่เราบอกว่าขม จะช่วยทำให้เรารับประอาหารได้มากขึ้น ทั้งนี้ก็เพราะในมะระมีสาร Momodicine ที่ช่วยให้น้ำย่อยหลั่งออกมามากขึ้นคะ
.

2. มะระช่วยเเก้หวัดได้ เพียงเเค่นำใบมาต้มดื่มกับน้ำ
.

3. มะระมีเเคลเซียมช่วยเสริมสร้างกระดูกเเละฟันของคุณให้เเข็งเเรง แก้โรคไขข้อเสื่อม
.

4. มะระช่วยลดน้ำตาลในเลือด เพราะช่วยเสริมการหลั่งอินซูลินในตับอ่อน กินมะระบ่อยๆ ช่วยบำบัดเเละรักษาอาการเบาหวาน
.

5. ตามตำรับยาไทย ว่ากันว่ามะระช่วยรักษาโรคตับเเละช่วยให้ตับทำงานได้ดีขึ้น
.

6. มะระมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ใครที่ท้องผูกบ่อยๆ ลองคั้นน้ำมะระดื่มสดๆ ดูคะ
.

7. มะระช่วยขับพยาธิ
.

8. มะระช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวพรรณสดใส ไม่เหี่ยวย่นง่าย
.

9. ผลมะระมีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยต่อต้านเชื้อไวรัสเเละเซลล์มะเร็งได้
.

10. มะระช่วยย่อยอาหาร

.
สำหรับใครที่ไม่ชอบความขมของมะระ เรามีวิธีในการเลือกมะระเเบบไม่ขมมากมาฝากกันคะ

.
วิธีการ คือ สังเกตที่หนามของมะระ ให้เลือกที่หนามอ่อนนิ่ม จะไม่ค่อยขมมากคะ ถ้าหนามเเข็ง เเสดงว่ามะระนั้นเเก่มาก ไม่ควรซื้อเพราะมันจะขมมากคะ ส่วนจะปรุงมะระอย่างไรไม่ให้ขมมากนั้น ให้นำมะระไปต้มในน้ำเดือดจัด เเล้วใส่เกลือลงไปเล็กน้อย หรือจะใช้วิธีนำเกลือมาทาทิ้งไว้ 30 นาที แล้วนำไปล้างออก เเล้วค่อยนำไปต้มในน้ำเดือดก็ได้คะ ถ้าต้มมะระยัดไส้ก็เเนะนำให้ต้มนานๆ หน่อยจะช่วยลดความขมได้คะ

.
แถมท้าย :
มะระเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคนธาตุไฟ ซึ่งได้แก่ คนเกิดปีขาล (เสือ) ปีมะโรง (งูใหญ่) ปีมะเส็ง (งูเล็ก) ปีระกา (ไก่) โดยอาหารที่ช่วยบำรุงธาตุไฟมักจะมีฤทธิ์เย็น รสจืด เเละขม เเนะนำให้คนธาตุไฟ รับประทานมะระจีนตุ๋นกับเห็ดหอมจะช่วยให้คุณสุขภาพร่างกายของคุณเเข็งเเรง

.
ที่มา : DeeDaily
ภาพประกอบโดย สกุลไทยออนไลน์






ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #50 27 พฤษภาคม 2016, 22:27:48น.




 P|P P|P P|P

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #51 19 มิถุนายน 2016, 17:09:17น.




 d|j d|j d|j

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #52 19 มิถุนายน 2016, 17:09:55น.




 ty: ty: ty:

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #53 19 มิถุนายน 2016, 17:11:36น.





 |ra |ra |ra

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #54 18 กรกฎาคม 2016, 20:52:18น.




 lv: lv: lv:

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #55 24 กรกฎาคม 2016, 19:37:47น.







ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #56 24 กรกฎาคม 2016, 19:39:01น.




แถมท้ายค่ะ ต้องระยะแรกนะคะ


 K:[ K:[ K:[

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #57 02 มีนาคม 2017, 21:26:30น.




 m|y m|y m|y

  • พลังน้ำใจ: 15
ตอบกลับ #58 06 มีนาคม 2017, 15:26:07น.
มีแต่ของมีประโยชน์ ทั้งนั้นเลยครับ ชอบครับ go: go: go:


แทงบอล maxbet

ผู้ช่วย Webmaster *
  • พลังน้ำใจ: 174378
ตอบกลับ #59 26 เมษายน 2017, 21:52:41น.
จิ๋วแต่แจ๋ว! 10 ประโยชน์ของมะเขือเทศราชินี รู้แบบนี้ ทานไปตั้งนานแล้ว






เมื่อพูดถึงมะเขือเทศแล้ว หลายคนก็อาจจะนึกถึงมะเขือเทศลูกใหญ่ๆ ที่มักใช้ประกอบทำอาหารในเมนูต่างๆ ให้ความรู้สึกว่าทานยาก ดูไม่อร่อย แต่มะเขือเทศที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้คือ “มะเขือเทศราชินี” เป็นผลไม้ลูกเล็กที่ทานง่ายแสนง่าย แถมรสชาติก็ไม่ได้แย่แบบที่ทุกคนคิด แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่า เห็นลูกเล็กๆ แบบนี้ แต่ประโยชน์ของมันไม่จิ๋วเลยล่ะ หากคุณได้รู้ว่ามันให้อะไรกับร่างกายเราบ้าง รับรองเลยว่าคุณอาจจะต้องเริ่มเปลี่ยนใจ หันมาลองชิมเจ้ามะเขือเทศจิ๋วแต่แจ๋วอย่าง มะเขือเทศราชินีแน่นอน

1. ช่วยบำรุงผิวพรรณ

เคยได้ยินไหมว่า ทานมะเขือเทศแล้วแก้มจะแดง ผิวจะดี ก็เพราะในมะเขือเทศนั้นมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรัยแห่งวัยได้ นอกจากการกินแล้ว เรายังสามารถนำน้ำของมะเขือเทศราชินีมาพอกผิวหน้า หรือฝานบางๆ แล้วนำมาแปะหน้าก็ได้เช่นกัน

2. รักษาสิว

ข้อนี้หนุ่มๆ สาวๆ ต้องฟังให้ดีเลยนะ ก็เพราะวัยที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้หลายครั้งเกิดสิวขึ้นมากวนใจเราจนไม่ค่อยอยากโชว์หน้าสดให้ใครเห็น คราวนี้ลองเอาน้ำของมะเขือเทศราชินีมาพอกหน้า หรือจะฝานบางๆ แล้วนำมาปะบนใบหน้าบริเวณที่เป็นสิว แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด แค่นี้ก็จะช่วยให้ผิวหน้าใส ไร้สิว อ่อนนุ่มน่าสัมผัสอีกด้วย

3. ลดความอ้วน

สำหรับคนที่กำลังอยู่ในคอร์สการลดน้ำหนัก ขอแนะนำให้ลองทานมะเขือเทศราชินีเลย เพราะนอกจากจะอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วิตามินซี วิตามิเอ วิตามินเค วิตามินพี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กแล้ว ยังมีปริมาณของน้ำมาก สำหรับใครที่ทานเข้าไป รับรองว่าอยู่ท้องแบบที่ไม่ต้องไปหาอย่างอื่นทานเพิ่มเลยล่ะค่ะ

4. เสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

ถ้าอยากจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะปกติในผักและผลไม้หลายชนิด จะเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดี โดยเฉพาะในมะเขือเทศราชินีที่มีทั้งวิตามินซี และแคโรทีนอยด์ เห็นทีแบบนี้ คงต้องไปหามะเขือเทศราชินีมาลองทานบ้างแล้วล่ะ

5. บำรุงสายตา

ทุกวันนี้ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ต้องอาศัยดวงตาในการมองเห็น ดังนั้นเราก็ควรที่จะบำรุงสายตากันสักหน่อย เพราะว่าในมะเขือเทศราชินีนี้มีวิตามินเอ ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา สำหรับใครที่เป็นมนุษย์ยุคไอที ต้องจ้องคอมหรือสมาร์ทโฟนนานๆ แนะนำว่าให้ทานมะเขือเทศราชินี เพราะมันจะสามารถช่วยถนอมสุขภาพสายตาของเราได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ

6. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์

อย่างที่รู้ๆ กันว่าในมะเขือเทศราชินีนั้นอุดมไปด้วยไลโคพีน ซึ่งเป็นอาหารของสมองที่สำคัญ และยังเป็นตัวช่วยในการต้านความเสื่อมของเซลล์สมอง อันเป็นที่มาของโรคอัลไซเมอร์ สามารถช่วยป้องกันภาวะความจำสั้น หากไม่ทานสารอาหารจำพวกไลโคพีนไว้ตั้งแต่ตอนนี้ เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายไม่สามารถสร้างไลโคพีนได้เอง เซลล์สมองก็จะค่อยๆ เสื่อมลงและถูกทำลาย ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็จะทำให้หลงๆ ลืมๆ มีกระบวนคิดที่ช้าลง ตอบสนองช้าลง และกลายเป็นโรคสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ในที่สุด

7. ขับถ่ายสะดวก

เพราะในมะเขือเทศราชินีนั้นมีวิตามิน และกากใยอาหารมากมาย ที่จะเข้าไปช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้คล่องขึ้น ใครที่กำลังมีปัญหาเรื่องขับถ่ายอยู่ ลองหันมาทานมะเขือราชินีดูสิ อาจจะช่วยให้ระบบขับถ่ายของคุณกลับมาทำงานเป็นปกติก็ได้นะ

8. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็กปากมดลูดในเพศหญิง

ผู้หญิงอย่างเราๆ นอกจากจะทานมะเขือเทศราชินี เพื่อช่วยบำรุงผิวพรรณแล้ว มันยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้อีกด้วยนะ

9. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชาย

เห็นแบบนี้ ผู้ชายก็ควรจะลองทานดูบ้างนะ เพราะในผลงานรวบรวมงานวิจัยทางคลินิกตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกา ปี พ.ศ. 2545-46 พบว่า การเลือกอาหารที่ถูกต้องอย่าง มะเขือเทศราชินี จะสามารถช่วยลด และป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายได้

10. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ

มะเขือเทศราชินีมีสารจำพวกไลโคพีน (Lycopene) ที่งานวิจัยระบาดวิทยาหลายชิ้นชี้แนะว่า ผู้ที่มีปริมาณไลโคพีนในเลือดสูงจะลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ การศึกษาระดับไลโคพีนในซีรั่ม ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกาปี พ.ศ. 2544 พบว่ามีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าระดับที่พบในคนทั่วไปในพื้นที่เดียวกัน ปริมาณไลโคพีนในซีรั่มมีความสัมพันธ์ผกผันกับความหนาของหลอดเลือดแดงคาโรติด และงานวิจัยในยุโรปในปี พ.ศ. 2540 พบว่าปริมาณไลโคพีนในไขมันอะดิโพสสะสมของผู้เข้าร่วมโครงการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอย่างเป็นอิสระ แต่การศึกษาในกลุ่มเสี่ยงเพศหญิงปี พ.ศ. 2546 พบว่าความสามารถในการลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจมีความสัมพันธ์กับปริมาณการกินมะเขือเทศมากกว่ากับปริมาณไลโคพีนในซีรั่ม ผู้ที่กินมะเขือเทศสัปดาห์ละ 7 ครั้งขึ้นไปลดความเสี่ยงต่อโรคดังกล่าวได้มากที่สุด

เห็นไหมว่า เจ้ามะเขือเทศราชินีนี่จิ๋วแต่แจ๋วจริงๆ ด้วยคุณประโยชน์ของสารอาหารมากมายที่อยู่ในตัวของมัน สามารถป้องกันเราจากโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี รู้แบบนี้แล้ว คงต้องรีบไปหามาทานบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ อย่าลืมนะว่าสุขภาพที่ดี เริ่มต้นได้ง่ายๆ ที่ตัวคุณ

 

ขอขอบคุณที่มาจาก

www.medthai.com

www.doctor.or.th

www.sukkaphap-d.com


S|d' ขอบคุณค่ะ[/color][/size]

 

เว็บไซต์ในเครือข่ายอภิโชค : apichokeonlin.com | apichoke.net | apichoke.biz | apichoke.me | apichoke.org | apichoke.info
"ศาสตร์ของการคำนวณหวย สถิติหวยความน่าจะเป็น บนเว็บนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน-นักคำนวณ และบุคคลทั่วไปตลอดจนเลขจากไสยศาสตร์ต่างๆ การที่ใครจะถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือถูกหวย รวยด้วยหวย ก็เป็นเพียงแต่ การเสี่ยงโชค เสี่ยงดวง เท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ และไม่ควรงมงาย หากต้องการเสี่ยงโชค ซื้อหวย เล่นหวย ก็ขอให้ เสี่ยงโชคแต่พอเพียงตามกำลังของตนเอง อย่าซื้อเกินกำลังอาจทำให้เดือนร้อนได้"
คำเตือน : อย่าหลงเชื่อหากมีผู้อ้างตนเป็นอาจารย์ดังสามารถให้หวยถูก100%หรือให้ถูกทุกงวดแน่นอน หรืออวดอ้างว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่กองสลาก แล้วเรียกเก็บเงินจากท่าน
ข้อมูลในเว็บนี้ใช้ประกอบเสี่ยงโชคสำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ไม่สนับสนุนหวยที่ผิดกฏหมาย