คติธรรมคำสอน
-----------------------------------------------------------------------------
ผู้สนใจปฎิบัติธรรม คือผู้สนใจหาความรู้ความฉลาด เพื่อคุณงามความดีทั้งหลายที่โลกเขาปรารถนากัน เพราะคนเราจะอยู่ในโลกไปโดยไม่มีเครื่องป้องกันตัว ย่อมไม่ปลอดภัยต่ออันตรายทั้งภายนอกภายใน เครื่องป้องกันคือ หลักธรรม มีสติเป็นอาวุธสำคัญ จะเป็นเครื่องมั่นคงไม่สะทกสะท้าน มีสติปัญญาแฝงอยู่ในทุกอิริยาบท จะคิดจะพูดอะไรไม่มีการยกเว้น มีสติสอดแทรกอยู่ด้วยกันทั้งภายนอกภายใน มีความเข้มแข็งอดทน มีความเพียรและประกอบคุณงามความดี คนอ่อนแอโง่เง่าเต่าตุ่น วุ่นวายอยู่กับอารมณ์ เครื่องผูกพันด้วยความนอนใจ และเกียจคร้านในกิจการที่จะยกตัวให้พ้นภัย
การตำหนิผู้อื่น ถึงเขาจะผิดจริงก็เป็นการก่อกวน จิตใจของตนขุ่นมัวไปด้วย ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดแต่ตำหนิผู้อื่นจนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น นักปราชญ์ถือเป็นความผิดและบาปกรรม ไม่ดีเลย จะเป็นโทษให้ได้สิ่งไม่พึงปรารถนามาทรมานอย่างไม่คาดฝัน
การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรอง เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์ จึงควรสลัดสังเวชต่อในความผิดของตน งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำไมพอใจสรัางขึ้นมาเอง
เมื่อเกิดมาอาภัพชาติแล้ว อย่าให้ใจอาภัพอีก คิดแต่ผลิตโทษ ทำบาปอกุศลเผาผลาญตัวเองให้ได้ทุกข์ เป็นบาปกรรม คนชั่วทำชั่วได้ง่าย และติดใจไม่ย่อมลดละแก้ไขให้ดี คนดีทำดีได้ง่าย และติดใจกลายเป็นคนรักธรรมตลอดไป
เราต้องการของดี คนดีก็ต้องฝึก ฝึกจนดี จะพ้นการฝึกไปไม้ได้ งานอะไรก็ต้องฝึกทั้งนั้น ฝึกงาน ฝึกคน ฝึกสัตว์ ฝึกตน ฝึกใจ นอกจากตายแล้วจึงจะหมดการฝึก คำว่าดี จะเป็นสมบัติของผู้ฝึกดีแล้วแน่นอน
ผู้เห็นคุณค่าของตนเอง จึงควรเห็นคุณค่าของผู้อื่นว่ามีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ไม่เบียดเบียนทำลายกัน ผู้มีศีลมีสัตว์ เมื่อทำลายขันธ์ไปในสุคิตในโลกสวรรค์ ไม่ตกต่ำ เพราะอำนาจศีลคุ้มครองรักษาและสนับสนุน จึงควรเป็นอย่างยิ่งที่จะพากันรักษาให้บริบูรณ์ ธรรมก็สั่งสอนแล้วจดจำให้ดี ปฎิบัติให้มั่นคง จะเป็นผู้ทรงคุณสมบัตทุกอย่างแน่นอน
ศีลนั้นอยู่ที่ไหน มีตัวตนเป็นอย่างไร ใครเป็นผู้รักษาแล้วก็รู้ว่าผู้นั้นเป็นตัวศีล ศีลก็อยู่ที่ตนนี้ เจตนาเป็นตัวศีล เจตนา คือ จิตใจ คนเราถ้าจิตใจไม่มีก็ไม่เรียกว่าคน มีแต่กายจะทำอะไรได้ ร่างกายกับจิตต้องอาศัยกันและกัน เมื่อจิตใจไม่เป็นศีล กายก็ประพฤไปต่างๆ มีโทษต่างๆ ผู้มีศีลแล้วไม่มีโทษ จะเป็นปกติแนบเนียนไม่หวั่นไหว ไม่มีเรื่องหลงหาหลงขอ คนที่หาคนที่ขอต้องเป็นทุกข์ ขอเท่าไรยิ่งไม่มี ยิ่งอดอยากยากเข็ญ
ผู้ที่มีศีลแท้ เป็นผู้หมดเวรหมดภัย กายกับจิตเราได้มาแล้ว มีอยู่แล้ว ได้มาจากบิดา มารดา พร้อมบริบรูณ์แล้ว จะทำให้เป็นศีลก็รีบทำ ศีลที่มีอยู่ที่เรานี้แล้วรักษาได้ไม่มีกาล ได้ผลไม่มีกาล ผู้มีศีลเป็นผู้องอาจกล้าหาญ ผู้มีศีลย่อมมีความสุข มั่นคง บริบรูณ์ สมบูรณ์ ไม่อด ไม่อยาก ไม่จน ก็เพราะรักษาศีลได้สมบูรณ์ จิตดวงเดียวเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา
พระพุทธเจ้าตรัสสอนเรื่องกาย วาจา จิต มิได้สอนอย่างอื่น ทรงสอนให้ปฎิบัติฝึกหัดจิตใจ ให้เอาจิตพิจารณากาย เรียกว่า กายานัปัสสนาสติปัฎฐาน หัดสติให้มาก ในการค้นคว้าที่เรียกว่า ธัมมวิจยะ พิจารณาให้พอทีเดียว เมื่อพิจารณาพอจนเป็น สติสัมโพชฌงค์ จิตจึงเป็นสมาธิรวมลงเอย การประกอบความเพียรทำจิตให้ยิ่ง เป็นการปฎิบัติคำสอนตามคำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
คุณธรรม ยังผู้เข้าถึงให้เป็นผู้ฉลาดปราดเปรื่อง เลื่องระบือ มีความฉลาดกว้างขวางในอุบายวิธี ไม่มีความคับแค้นอับจน หมดสิ้นหนทาง ไม่ว่าจะเรื่องใด
ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่แน่นอน ความยิ่งใหญ่คือ ความไม่ยั่งยืน ชีวิตที่ยิ่งใหญ่คือ ชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น
วาสนา นั้นเป็นไปตามอัธยาศัย คนที่มีวาสนาในทางที่ดีมาแล้ว แต่คบคนพาล วาสนาก็อาจจะเป็นเหมือนคนพาลได้ บางคนวาสนายังอ่อน เมื่อคบบัณฑิตวาสนาก็เลื่อนขั้นขึ้นเป็นบัณฑิต ฉะนั้น บุคคลจึลควรพยายามคบแต่บัณทิต เพื่อเลื่อนภูมิวาสนาของตนให้สูงขึ้น
ผู้มีปัญญาไม่ควรให้สิ่งที่ล่วงมาแล้วตามมา ไม่ควรหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ผู้มีปัญญได้เห็นธรรมซึ่งเป็นปัจจุบัน ควรเจริญความเห็นนั้นไว้เนืองๆ ควรรีบทำเสีย ผู้มีปัญญาซึ่งมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ มีความเพียรแยกกิเลสให้หมดไป จะไม่เกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียร ทั้งกลางวันและกลางคืน
[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]
-----------------------------------------------------------------------------
ผู้สนใจปฎิบัติธรรม คือผู้สนใจหาความรู้ความฉลาด เพื่อคุณงามความดีทั้งหลายที่โลกเขาปรารถนากัน เพราะคนเราจะอยู่ในโลกไปโดยไม่มีเครื่องป้องกันตัว ย่อมไม่ปลอดภัยต่ออันตรายทั้งภายนอกภายใน เครื่องป้องกันคือ หลักธรรม มีสติเป็นอาวุธสำคัญ จะเป็นเครื่องมั่นคงไม่สะทกสะท้าน มีสติปัญญาแฝงอยู่ในทุกอิริยาบท จะคิดจะพูดอะไรไม่มีการยกเว้น มีสติสอดแทรกอยู่ด้วยกันทั้งภายนอกภายใน มีความเข้มแข็งอดทน มีความเพียรและประกอบคุณงามความดี คนอ่อนแอโง่เง่าเต่าตุ่น วุ่นวายอยู่กับอารมณ์ เครื่องผูกพันด้วยความนอนใจ และเกียจคร้านในกิจการที่จะยกตัวให้พ้นภัย
การตำหนิผู้อื่น ถึงเขาจะผิดจริงก็เป็นการก่อกวน จิตใจของตนขุ่นมัวไปด้วย ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดแต่ตำหนิผู้อื่นจนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น นักปราชญ์ถือเป็นความผิดและบาปกรรม ไม่ดีเลย จะเป็นโทษให้ได้สิ่งไม่พึงปรารถนามาทรมานอย่างไม่คาดฝัน
การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรอง เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์ จึงควรสลัดสังเวชต่อในความผิดของตน งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำไมพอใจสรัางขึ้นมาเอง
เมื่อเกิดมาอาภัพชาติแล้ว อย่าให้ใจอาภัพอีก คิดแต่ผลิตโทษ ทำบาปอกุศลเผาผลาญตัวเองให้ได้ทุกข์ เป็นบาปกรรม คนชั่วทำชั่วได้ง่าย และติดใจไม่ย่อมลดละแก้ไขให้ดี คนดีทำดีได้ง่าย และติดใจกลายเป็นคนรักธรรมตลอดไป
เราต้องการของดี คนดีก็ต้องฝึก ฝึกจนดี จะพ้นการฝึกไปไม้ได้ งานอะไรก็ต้องฝึกทั้งนั้น ฝึกงาน ฝึกคน ฝึกสัตว์ ฝึกตน ฝึกใจ นอกจากตายแล้วจึงจะหมดการฝึก คำว่าดี จะเป็นสมบัติของผู้ฝึกดีแล้วแน่นอน
ผู้เห็นคุณค่าของตนเอง จึงควรเห็นคุณค่าของผู้อื่นว่ามีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ไม่เบียดเบียนทำลายกัน ผู้มีศีลมีสัตว์ เมื่อทำลายขันธ์ไปในสุคิตในโลกสวรรค์ ไม่ตกต่ำ เพราะอำนาจศีลคุ้มครองรักษาและสนับสนุน จึงควรเป็นอย่างยิ่งที่จะพากันรักษาให้บริบูรณ์ ธรรมก็สั่งสอนแล้วจดจำให้ดี ปฎิบัติให้มั่นคง จะเป็นผู้ทรงคุณสมบัตทุกอย่างแน่นอน
ศีลนั้นอยู่ที่ไหน มีตัวตนเป็นอย่างไร ใครเป็นผู้รักษาแล้วก็รู้ว่าผู้นั้นเป็นตัวศีล ศีลก็อยู่ที่ตนนี้ เจตนาเป็นตัวศีล เจตนา คือ จิตใจ คนเราถ้าจิตใจไม่มีก็ไม่เรียกว่าคน มีแต่กายจะทำอะไรได้ ร่างกายกับจิตต้องอาศัยกันและกัน เมื่อจิตใจไม่เป็นศีล กายก็ประพฤไปต่างๆ มีโทษต่างๆ ผู้มีศีลแล้วไม่มีโทษ จะเป็นปกติแนบเนียนไม่หวั่นไหว ไม่มีเรื่องหลงหาหลงขอ คนที่หาคนที่ขอต้องเป็นทุกข์ ขอเท่าไรยิ่งไม่มี ยิ่งอดอยากยากเข็ญ
ผู้ที่มีศีลแท้ เป็นผู้หมดเวรหมดภัย กายกับจิตเราได้มาแล้ว มีอยู่แล้ว ได้มาจากบิดา มารดา พร้อมบริบรูณ์แล้ว จะทำให้เป็นศีลก็รีบทำ ศีลที่มีอยู่ที่เรานี้แล้วรักษาได้ไม่มีกาล ได้ผลไม่มีกาล ผู้มีศีลเป็นผู้องอาจกล้าหาญ ผู้มีศีลย่อมมีความสุข มั่นคง บริบรูณ์ สมบูรณ์ ไม่อด ไม่อยาก ไม่จน ก็เพราะรักษาศีลได้สมบูรณ์ จิตดวงเดียวเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา
พระพุทธเจ้าตรัสสอนเรื่องกาย วาจา จิต มิได้สอนอย่างอื่น ทรงสอนให้ปฎิบัติฝึกหัดจิตใจ ให้เอาจิตพิจารณากาย เรียกว่า กายานัปัสสนาสติปัฎฐาน หัดสติให้มาก ในการค้นคว้าที่เรียกว่า ธัมมวิจยะ พิจารณาให้พอทีเดียว เมื่อพิจารณาพอจนเป็น สติสัมโพชฌงค์ จิตจึงเป็นสมาธิรวมลงเอย การประกอบความเพียรทำจิตให้ยิ่ง เป็นการปฎิบัติคำสอนตามคำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
คุณธรรม ยังผู้เข้าถึงให้เป็นผู้ฉลาดปราดเปรื่อง เลื่องระบือ มีความฉลาดกว้างขวางในอุบายวิธี ไม่มีความคับแค้นอับจน หมดสิ้นหนทาง ไม่ว่าจะเรื่องใด
ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่แน่นอน ความยิ่งใหญ่คือ ความไม่ยั่งยืน ชีวิตที่ยิ่งใหญ่คือ ชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น
วาสนา นั้นเป็นไปตามอัธยาศัย คนที่มีวาสนาในทางที่ดีมาแล้ว แต่คบคนพาล วาสนาก็อาจจะเป็นเหมือนคนพาลได้ บางคนวาสนายังอ่อน เมื่อคบบัณฑิตวาสนาก็เลื่อนขั้นขึ้นเป็นบัณฑิต ฉะนั้น บุคคลจึลควรพยายามคบแต่บัณทิต เพื่อเลื่อนภูมิวาสนาของตนให้สูงขึ้น
ผู้มีปัญญาไม่ควรให้สิ่งที่ล่วงมาแล้วตามมา ไม่ควรหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ผู้มีปัญญได้เห็นธรรมซึ่งเป็นปัจจุบัน ควรเจริญความเห็นนั้นไว้เนืองๆ ควรรีบทำเสีย ผู้มีปัญญาซึ่งมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ มีความเพียรแยกกิเลสให้หมดไป จะไม่เกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียร ทั้งกลางวันและกลางคืน
[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]