"หวยซอง เลขเด็ด เขียนโดยสาธารณชน เป็นการเสนอแนะเพื่อเสี่ยงโชคซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกกฎหมายเท่านั้น ไม่มีการขายหวยทุกชนิด และ ไม่มีใครทราบว่าหวยจะออกตัวไหน โปรดใช้วิจารณญาณ"

เรื่อง: ขอเชิญสมาชิกร่วมสร้างบุญสร้างกุศลกับองค์ท่านหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
 
 19274

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

yah ออฟไลน์
  • พลังน้ำใจ: 31799
12 กันยายน 2010, 11:51:19น.
"…เวลามีชีวิตอยู่นี้ เราจะทำความดีให้โลกทั้งหลายได้เป็นคติตัวอย่างอันดีงาม
และทำด้วยความเมตตาสงสาร เพราะหลังจากนี้แล้ว… เราตายแล้ว…
เราจะไม่กลับมาเกิดในโลกนี้อีกต่อไป เป็นตลอดอนันตกาล…"

            ปณิธานของหลวงตาฯ
         (พระอรหันต์ในสมัยปัจจุบัน)..อ้างอิงโดยคุณyah
--------------------------------------------

เทศน์อบรมพระสงฆ์และฆราวาส

ณ กุฏิหลวงตา สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

เมื่อค่ำวันที่ ๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๐

จิตใจนี้ต้องอาศัยการซักฟอก
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=4399&CatID=2
ธรรมบางส่วนจากลิ้งค์ด้านบน:-
       ท่านจึงสอนให้สร้างบุญสร้างกุศล บุญกุศลก็ซักฟอกเข้าไปโดยลำดับ เช่นการให้ทานก็ชำระความตระหนี่ถี่เหนียวที่มันผูกมัดจิตใจของเราออก ใจของเราก็คลี่คลายออกมา บุญกุศลที่ให้ไปนั้นกลับเข้ามา ของนี้ออกจากมือเราไปวางให้มือคนนั้น หมดจากมือเราก็ไปติดอยู่มือคนนั้น แต่บุญกุศลเข้ามาแล้วๆ จากผู้ทำ ใครเป็นคนทำบุญกุศลติดอยู่กับคนนั้น เวลาสร้างเข้าๆ จิตที่ได้รับความส่งเสริมจากความดีงาม มีการให้ทานรักษาศีลเป็นต้นแล้วก็ต้องมีความสง่างาม นี่เรียกว่าจิตมีผู้รับผิดชอบ มีผู้รักษา มีผู้บำรุง จิตก็ค่อยมีความสง่างาม

       แต่ผู้ที่มีแต่ความรักบาปหาบแต่กรรมนี้ชอบตั้งแต่การสร้างบาปสร้างกรรม อยู่วันยังค่ำก็ได้ ยิ่งมืดลงไปๆ สุดท้ายตั้งแต่วันเกิดมาสร้างแต่ความชั่วช้าลามกจนกระทั่งวันตาย ตายแล้วจมไปเลย จิตดวงนี้ตายไม่เป็น จะลงตกนรกตั้งกี่กัปกี่กัลป์จิตนี้ไม่เคยฉิบหาย ไม่มีคำว่าฉิบหาย สิ่งทั้งหลายสูญหายไปได้ แต่จิตไม่สูญ ตกนรกกี่กัปกี่กัลป์ตามอำนาจแห่งกรรมหนักเบาของตนยอมรับว่าทุกข์ ทุกข์มากขนาดไหนยอมรับว่าทุกข์ แต่ไม่ยอมฉิบหายค

        เวลาอยู่ในสมมุตินี้ตกนรกกี่กัปกี่กัลป์มันก็อยู่ในแดนสมมุติ มันก็มีเวลาคลี่คลายออกมา ถึงจะค่อยเปลี่ยนแปลงออกจากบาปจากกรรมนั้นช้ามันก็เปลี่ยนแปลงของมันอยู่อย่างนั้น สุดท้ายมันก็พ้นกรรมอันนั้นขึ้นมา ขึ้นมามาสร้างความดี ความดีก็เสริมเข้าไปๆ ความชั่วนั้นก็ค่อยหมดไปๆ ผ่านมาเรื่อยๆ จนกระทั่งจิตใจถึงขั้นบริสุทธิ์วิมุตติมองดูเรื่องของเจ้าของนี้สสดสังเวชนะ ที่ถูกกิเลสตัณหามันครอบงำ เนื่องจากเราเชื่อมัน กลมายาของมันแหลมคมกว่าจิตใจของเรามาก เราต้องยอมรับ เวลามันสว่างไสวแล้วมันเล็งเห็นหมด สว่างไสวไปหมด เกิดความขยะแขยง แต่มันก็ผ่านไปแล้ว พ้นมาแล้ว
-----------------------------------------------
อ่านหรือรับฟังธรรมขององค์หลวงตา:-
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_multimedia.php?CatID=2&video=&cgiPageStr=42
-------------------------------------------------
1.หลวงตาเมตตาตั้งงบ 500 ล้านบาท สร้างตึกร.พ.อุดรธานี
ท่านสามารถร่วมทำบุญทอดผ้าป่า 84,000 กองกองละ 2,000 บาทหรือตามกำลังศรัทธาเพื่อสร้างตึกสงฆ์อาพาธ 10 ชั้นโรงพยาบาลอุดรธานีโดยการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ชื่อ ""ผ้าป่า 84,000 กองโรงพยาบาลอุดรธานีโดยหลวงตามหาบัว ""
ทำบุญตามกำลังศรัทธาโดยตรงได้ที่:-
1.ธนาคารกสิกรไทยสาขาอุดรธานีเลขที่ 110-2-20733-3

2. ธนาคารกสิกรไทยสาขาเอกมัยเลขที่ 059-2-50100-9

3. ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาอุดรธานีเลขที่ 510-418734-8

  

(โอนฟรี  ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการโอนธนาคารเดียวกัน)

(ธนาคารที่แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรยืนยันกับทางวัดแล้วว่าโอนโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแน่นอนคือ ธนาคารกสิกรไทยสาขาอุดรธานี)

หมายเหตุ  ผู้โอนกรุณาแจ้งต้นทางธนาคารที่โอนว่าได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมแล้ว
ลิ้งค์ภาพ:-
http://www.luangta.com/info/news_text.php?cginews_id=282&type=
----------------------------------------
2.การสงเคราะห์โลกขององค์หลวงตา
ร่วมทำบุญตามกำลังศรัทธาโดยตรงได้ที่:-  
บัญชีออมทรัพย์ชื่อ "วัดป่าบ้านตาด โดย พระมหาบัว ญาณสัมปันโน"
ธนาคารกสิกรไทย สาขาอุดรธานี เลขที่ 110-2-77999-8
ลิ้งค์การสงเคราะห์โลก:-
http://www.luangta.com/help/help.php
---------------------------------------
มาเถอะครับมาร่วมกันสร้างบุญไว้ให้เสมือนน้ำที่เต็มแก้วแล้ว
ภพหน้าชาติหน้าจะดื่มจะกินจะใช้ก็สะดวกทุกอย่าง
ไม่ขาดไม่แคลนเพราะเราได้สร้างไว้เต็มแล้ว..สาธุ..สาธุ!!!!!


"พวกเปรตมีถึง ๑๓ จำพวกนะ ท่านแสดงไว้ พอพ้นจากนรกมาก็มาเป็นเปรต เปรตประเภทที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม ถึง ๑๓ จำพวก..เปรต ประเภทที่หนึ่งยังกรรมหนักมากอยู่ ประเภทที่สองที่สามเบาลงไปๆ ประเภทปรทัตตูปชีวีเปรตนี้ได้อาศัยทานการกุศลของพี่น้องญาติมิตรทั้งหลายบริจาคไปให้ ท่านเหล่านี้รับๆๆ ถ้ากรรมหนากว่านี้ก็รับไม่ได้ มีหลายประเภทเปรตก็ดี"
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ธันวาคม 2010, 15:08:55น. โดย yah


Administrator *
  • พลังน้ำใจ: 18397
ตอบกลับ #1 13 กันยายน 2010, 18:22:30น.
ถือว่ามาร่วมทำบุญกับพระอริยสงฆ์จะได้กุศลแรงอย่างยิ่ง
ขอบคุณครับท่านเว็บมาสเตอร์

Y$@ Y$@ Y$@

  • พลังน้ำใจ: 229
ตอบกลับ #2 16 กันยายน 2010, 23:26:18น.
คุณ Yah
เป็นสะพานบุญ ให้พวกเรา ขอขอบคุณที่บอกบุญมา ณ ที่นี้ นอกจาก ให้ข้อมูล แก่สมาชิก ยังชี้ทางสว่าง ความสุขใจ ให้ด้วย
ทำบุญแบบนี้ มีประโยชน์ต่อส่วนรวม ค่ะ

สมาชิกระดับอาจารย์ C6 *****
  • พลังน้ำใจ: 51775
ตอบกลับ #3 19 กันยายน 2010, 06:19:54น.
T|g ขออนุโมทนาในการบอกบุญครั้งนี้ครับ คุณ yah
ขอให้มีความสุขในทุกช่วงของเวลา
ขอบคุณมากครับ
<a href="http://www.swfcabin.com/swf-files/1379918811.swf" target="_blank" class="new_win">http://www.swfcabin.com/swf-files/1379918811.swf</a>

QQ ออฟไลน์
ผู้ดูแลบอร์ด *
  • พลังน้ำใจ: 2764
ตอบกลับ #4 09 ตุลาคม 2010, 10:49:16น.
ขอบคุณค่ะ ที่มาบอกบุญกันค่ะ
ขออนุโมทนาด้วยคนนะค่ะ


#t@ #t@ #t@

หวยซอง เลขเด็ด อภิโชควิเคราะห์เลขรวย หวยรัฐบาล : Apichoke.net


  • พลังน้ำใจ: 523
ตอบกลับ #5 17 ตุลาคม 2010, 12:53:19น.
ขออนุโมทนาด้วยนะคะ  T|g

  • พลังน้ำใจ: 631
ตอบกลับ #6 18 พฤศจิกายน 2010, 14:49:40น.
 T[@ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ สาธุค่ะ T[@
thanks  so  much..

yah ออฟไลน์
  • พลังน้ำใจ: 31799
ตอบกลับ #7 04 ธันวาคม 2010, 12:28:04น.
เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

เมื่อเช้าวันที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๘

ระลึกชาติ

 

         วัดภูริทัตฯก็ให้ท่านช่วยมาเป็นสมภารที่นี่ ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว บรรดาพระทั้งหลายเช่นท่านฟัก มาให้ความเห็นจากเราว่าใครเป็นสมภาร เราก็คอยสอบถามเรื่องราวอะไรไว้ก่อนแล้วสำหรับพระที่ควรจะมาเป็นสมภาร พระก็เสนอมาสององค์ เราพิจารณาเรียบร้อยแล้วลงความเห็นว่าท่านช่วยมีความเคร่งครัดเด็ดเดี่ยวมาดั้งเดิม เขาจะตั้งอะไรสมณศักดิ์สมณะแสกให้ท่านไม่เอา ท่านบอกว่ามันเป็นกังวล ตั้งเจ้าคณะอะไรให้อีกท่านก็ไม่เอา มันเป็นเครื่องกังวลกับการบำเพ็ญธรรม ถูกต้องท่านพูด นี้ละหนักมาก แสดงว่าท่านเห็นแก่ธรรมยิ่งกว่าเห็นแก่ยศแก่ลาภบ้าๆ บอๆ

         ประชุมแล้วก็เลยตกลงให้องค์นี้เป็นเจ้าอาวาส เราให้อำนาจทุกอย่างในวัด พระจะอยู่เก่าอยู่ก่อนอยู่ไหนก็ตามไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าเป็นพระดีพระชั่ว ถ้าพระชั่วอยู่มาตั้งกัปตั้งกัลป์เจอกันเมื่อไรขับเมื่อนั้น บอกงั้นเลย ไม่ให้อยู่ สถานที่นั้นไม่ใช่ส้วมใช่ถานพอจะมาบรรจุมูตรคูถอย่างนั้น คือพระที่เลวมันก็มูตรคูถ เราก็บอก ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เราก็หายกังวล มีเท่านั้นแหละ ทุกคนมอบอำนาจให้ท่านบุญช่วยเป็นสมภารเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะดูแลพระเณร ไม่ว่าอยู่เก่าอยู่ใหม่ องค์ไหนดีไม่ดีแล้วคัดเลือก ควรให้หนีให้หนีเลย ไม่ให้อยู่ เราบอกงั้น เอาอำนาจเลอะเทอะมาอวดอ้างว่าอยู่มาก่อนเท่านั้นเท่านี้ไม่ได้เราบอก ตัดกันตรงนี้เลย เท่านั้นแหละ

         ไม่อย่างนั้นอันธพาลมันจะเข้าครองวัดครองวา กลายเป็นส้วมเป็นถานไปหมด วัดนี้เขาถวายเราแล้ว เราก็เป็นภาระหนัก นิมนต์อาจารย์เจี๊ยะมา ท่านก็รับให้ เราก็เบาภาระ เมื่ออาจารย์เจี๊ยะล่วงไปแล้วภาระอันนี้ก็อยู่กับเรา เพราะเขาถวายเรานี่วัดใช่ไหมล่ะ เราให้อาจารย์เจี๊ยะมาอยู่ เมื่ออาจารย์เจี๊ยะล่วงไปแล้วใครสมควรที่จะมาอยู่วัดนี้ที่จะเป็นมงคลแก่วัดแก่วา แก่สาธารณะทั่วๆ ไป เราก็บอกเด็ดไว้ด้วย เราก็บอกเด็ดไว้ด้วย  องค์ไหนไม่ดีอย่าให้อยู่ ให้ขับออกเลย อย่าเอามาไว้ส้วมๆ ถานๆ อย่าให้มีอำนาจมาครองวัด มันจะเป็นส้วมเป็นถานไปหมดในวัดนี้ เราว่า วัดนี้สำหรับบรรจุอรรถธรรม ว่างั้น ไม่ใช่บรรจุมูตรคูถนะ บอกขาดตัวไปเลย

         ให้อำนาจท่านช่วยเต็มที่เลย เพื่อท่านจะได้รักษาความดีเอาไว้คงเส้นคงวาหนาแน่นต่อไป ถ้าปล่อยให้พวกอันธพาลมาเป็นใหญ่มันจะแหลกไปหมด เหมือนที่มันเป็นอยู่นั้นเห็นไหมล่ะ พวกนี้แทรกอยู่ที่ไหน มูตรคูถแทรกอยู่ที่ไหนเหม็นคลุ้งไปหมด  อันนี้เป็นพระฝ่ายปฏิบัติด้วย และอยู่ในความรับผิดชอบของเราร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยวัดนี้นะ เพราะฉะนั้นเราถึงได้ชี้ขาดทุกอย่างที่จะกลั่นกรองพระดีเข้ามาอยู่ มีเท่านั้นแหละ

         ท่านจันทร์มีเมตตาสัตว์ ผ่อนผันสั้นยาวทุกอย่าง ให้อยู่กับสัตว์ ให้สัตว์เป็นเพื่อน ให้เอาสัตว์เป็นเสี่ยวเลย เราบอกงั้น เรียกว่าเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ สัตว์แถวนั้นลงนั้นหมด อยู่ในภูเขา ตอนเช้าขนาดนี้มาแล้วนะมากินข้าว หมูตั้งเป็นร้อยๆ หลั่งไหลลงมาในวัด เหมือนหมูที่เราเลี้ยงไว้ในบ้านเรานะ หมูป่าหลั่งไหลลงมา แต่เขามาโดยนิสัยสัตว์ป่านะ เขาไม่ได้มาแบบสัตว์บ้าน มาเซ่อๆ ซ่าๆ ทะลึ่งๆ ไม่มี พอลงมา จัดอาหารให้เรียบร้อยแล้วต่างตัวต่างกินเรียบร้อยแล้วพรึบขึ้นเลย เงียบไม่มายุ่งนะ ขึ้นอยู่บนเขา พวกนกยูงก็เหมือนกันเต็มวัดตอนเช้า พอกินอิ่มแล้วไปหมดเหมือนกัน ยังเหลือแต่สัตว์ที่ประจำวัดเพ่นๆ พ่านๆ ก็ดีอย่างหนึ่งที่นั่น นั่นก็เป็นจุดให้อภัยแก่สัตว์

         สำหรับวัดภูริทัตตะฯนั้นเป็นวัดที่พระจะต้องปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจริงๆ มาอยู่ มาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ เราขับเลยนะ ไม่ให้อยู่ พวกเลวนี้เราเบื่อเหลือประมาณจนมองหน้ากันไม่ได้ ไหนจะมาอยู่กับวัดเราเอาไม้แทงหัวอกเราตลอดเวลาได้เหรอ ไม่ได้ว่างั้นนะเรา ไม่เหมือนใคร ไม่มีใครอยู่องค์เดียวพอ ไม่ต้องมีใครมายุ่ง เราสบาย เราเข้ามาเกี่ยวข้องอย่าให้เป็นภัย ให้เป็นคุณ เราบอก สองวัดที่เรารับนะ รับที่เขาถวายวัด ที่เขาถวายวัดมากต่อมากเราไม่อาจรับได้ ไม่ใช่รับสุ่มสี่สุ่มห้า แล้วใครมาอยู่ก็ได้ เราไม่เอาอย่างนั้น ถ้าเรารับอะไรแล้วก็ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง เช่นวัดภูริทัตตะฯกับวัดหลวงตาบัวเมืองกาญจน์เป็นวัดที่เขาถวายเราแล้ว เราก็รักษาเข้มงวดกวดขัน

         ที่นั่นเลยเป็นสถานที่ให้อภัยสัตว์เต็มในดงนั้นนะ มาอยู่นั้นหมดกับท่านจันทร์ นี่ก็เป็นจุดอันหนึ่งที่ให้อภัยแก่สัตว์ เราถามว่าพวกนายพงนายพรานเขาไม่มาลอบยิงสัตว์เหรอ ไม่มา คือทางนู้นก็ยังมีพวกทหารมีตชด.คอยตระเวนอยู่เรื่อยๆ ข้างบนเขา เขาไม่กล้ามา แล้วสัตว์เหล่านั้นก็มาอยู่สบายๆ ถึงเวลาเขามากินอาหารกับพระแล้วขึ้นๆ ที่นั่นให้อภัยแก่สัตว์มากทีเดียว วัดป่าหลวงตาบัว เป็นประโยชน์ทางให้อภัยแก่สัตว์ ชีวิตจิตใจของสัตว์ลงมากินทั้งนั้น พวกที่ไม่มากินเขาอยู่ข้างบนก็ไม่มีใครมารังแก เพราะอานุภาพของวัดนั่นแหละรักษาไว้

         พระไปอยู่ที่ไหนเป็นอย่างนั้นละ สัตว์เคยเห็นพระเมื่อไรแต่เขาเกิดมา แต่ทำไมเขามาสนิทสนมมาแอบแฝงกับพระ ก็เพราะธรรมนั่นเอง ธรรมให้อภัยทุกอย่าง ไม่เบียดเบียน ไม่ทำลาย มิหนำซ้ำยังให้อาหารกิน เช่นอย่างวัดป่าหลวงตา  ให้อาหารเขาด้วย รักษาเขาด้วย ไม่ให้ใครมาทำลายรังแกเขา ให้เขาอยู่สบายๆ ต่อไปนี้ยิ่งจะมากนะ แถวนั้นมาก และที่รู้สึกขยายออกไปอีกเราก็ไม่ว่า เพราะซื้อขยายก็หมายถึงหัวใจสัตว์ที่จะมารวมตัวเพื่อความปลอดภัยอยู่ที่นั่น และเพื่อความอบอุ่น อาหารการกินก็อาศัยกินกับพระด้วย ขยายที่ออกไปอีกเราก็ไม่ขัดข้องอะไร ขยายได้ เขาขยายเพื่อสัตว์

         ทุกวันนี้สัตว์มาอยู่ไม่ได้นะ พวกยักษ์พวกผีหูสั้นๆ นั่นแหละ มันเก่งมาก เราหยิ่งในเราว่าเป็นมนุษย์ หูสั้นๆ นี่คือตัวยักษ์ตัวสำคัญ สัตว์ทั้งหลายเขากลัวกันหมด ไม่เห็นกลัวแต่ปลิงเท่านั้นละ หูสั้นๆ หูยาวมันกินทั้งนั้นละปลิง กินเลือด นอกนั้นเขากลัวหมด มียุงบ้างไม่กลัวนะ นอกนั้นกลัวกันทั้งนั้น มนุษย์หูสั้นเขาเรียกว่ายักษ์หูสั้น กินไม่เลือกพวกนี้ ในน้ำในบกเอามากินหมดไม่มีเหลือ ปลาในทะเลก็ไม่เหลือ พวกยักษ์หูสั้นกินหมด ปลาทะเลน้ำจืดน้ำเค็มที่ไหนบนฟ้าอากาศไปหากินได้หมดพวกนี้ หูสั้นๆ มันฉลาดนะ ไม่มีใครฉลาดเกินยักษ์หูสั้น

         วันนี้ก็นัดหมอว่าจะไปตอน ๑๑ โมงครึ่งให้ถึงนู้น โรงพยาบาลหมออุทัย เขานิมนต์เรามานานแล้วอยากให้ไปโรงพยาบาลเขาจะตรวจตาอีกทีหนึ่ง เพราะตั้งแต่ผ่ามาแล้ว ๑๘ ปีนี้มัง ตั้งแต่ปี ๒๕๓๐ ผ่าตา นี่ก็ ๒๕๔๘ แล้ว มันก็ร่วม ๑๘ ปี เขาอยากจะตรวจให้ละเอียดลอออีกทีหนึ่ง ถ้าเอาเครื่องไปตรวจเล็กน้อยไปวัดมันก็ไม่ครบ เขาอยากให้ตรวจในนี้จะได้ละเอียดลออ เราก็เลยตกลงกับเขา ไปกรุงเทพฯแล้วจะเข้าไปตรวจ นี่ก็ตกลงกันว่าวันนี้แหละตอน ๑๑ โมงครึ่งตรวจ เราก็จะไปตามเวลานั้นแหละ วันมะรืนก็กลับเท่านั้นละ

         พูดอย่างนี้ก็ออกวิทยุ เรียกว่าทั่วโลกทุกเช้าๆ ที่เราอยู่อุดร มาอยู่นี่ก็ไม่พ้น นี่ก็ออกแล้วนี่ ธรรมะกำลังกระจายออกไปทุกแบบทุกฉบับ ที่ควรจะเข้าสู่หัวใจคนเราได้อยู่ ออกทางวิทยุ หลายด้านนะ เวลานี้วิทยุกำลังขยายกันออกไปตั้งมากมาย รวดเร็วด้วย ทางภาคอีสานแหละมากวิทยุ มีทุกภาคเวลานี้ออกจากสวนแสงธรรม ภาคใต้ก็พังงา สองแห่ง ภาคกลางเรานี้ที่มีอยู่ก็เมืองกาญจน์ ลพบุรี หลายแห่ง กำลังจะตั้งกันอีกอยู่ คือธรรมเข้าที่ไหนเย็นที่นั่น ธรรมของพระพุทธเจ้าไม่เคยเป็นข้าศึกศัตรูต่อผู้ใด เป็นคุณล้วนๆ  เมื่อธรรมได้เข้าสู่จิตใจแล้วจะมีความสงบร่มเย็น รู้บุญรู้บาป และยับยั้งตัวเองในความประพฤติที่ไม่ดีทั้งหลาย หักเข้ามาสู่ความดีงาม ผลคือความสงบร่มเย็นก็จะมีแก่จิตใจของเรา ถ้าปล่อยให้แต่กิเลสเพ่นพ่านๆ ก็เป็นเหมือนสัตว์ไม่มีเจ้าของนั่นแหละ สัตว์ไม่มีเจ้าของตายได้ง่าย สัตว์มีเจ้าของมีผู้อารักขาอยู่ค่อยปลอดภัยไปเรื่อยๆ แต่สัตว์ไม่มีเจ้าของตายง่ายมาก

มนุษย์เราไม่มีธรรมเป็นเจ้าของฉิบหายได้ง่ายมาก เราแต่ละคนๆ ให้มีธรรมเป็นเจ้าของของใจ อย่าให้มีแต่กิเลสตัวเป็นภัยเข้ามารุมล้อมโดยถ่ายเดียวจะเป็นภัยไปตลอด ตั้งแต่ตื่นนอนกระทั่งหลับ และตั้งแต่เกิดจนกระทั่งวันตาย จะมีแต่ภัยรอบตัวๆ เผาในแดนมนุษย์นี้แล้วก็ยังจะนำไปเผาที่แดนเมืองผีอีก จากความประพฤติอันเลวร้ายของตัวเองนั้นแหละมันตามสังหารเรา ทั้งสังหารในแดนมนุษย์สดๆ ร้อนๆ จากนั้นก็ไปสังหารในแดนเมืองผีอีกตามบุญตามกรรม ผู้จุดไฟทางดีก็ไปเป็นมนุษย์ ไปสวรรค์ ไปพรหมโลก นิพพาน ก็ไป ตามแต่เจ้าของที่จะรักษาปฏิบัติบำรุงเจ้าของได้มากน้อยเพียงไร ความดีก็จะส่งเสริมในทางที่ดี ถ้าใครปล่อยตัวเป็นสัตว์ไม่มีเจ้าของ อันนั้นมีแต่ทางล่มจมไปเรื่อยๆ

ตื่นขึ้นมามีแต่เรื่องการทำชั่วช้าลามก ไม่มีความดีติดตัวเลย แล้วจะหาสิริมงคลมาจากไหน ไม่มีคนเรา อยู่ที่ไหนก็ต้องการสิริมงคล เห็นแดดแผดเผานี้ก็ต้องมองเห็นร่มไม้ชายคาเป็นสำคัญ ถ้ามีแต่แดดแผดเผาอย่างเดียวก็หมดหวัง มันยังหาที่เกาะ แม้แต่เดินไปตามท้องนาถ้าร้อนก็ต้องมองหาร่มไม้เป็นที่หลบภัย ได้รับความสุขความเย็นใจในเวลาหนึ่งที่กำลังเดินทาง อันนี้ก็เหมือนกัน เรากำลังเดินทางในวงวัฏฏะ หมุนกันไปหมุนกันมา จึงควรมีความดีงามทั้งหลายไปเป็นร่มไม้ชายคาให้เราได้อาศัยในกาลข้างหน้า ไม่ใช่ไปโดดๆ เดี่ยวๆ ไปไม่มีความหมายเหมือนไส้เดือน บุ้งกือ คืบคลานไปตามทาง หมดกำลังที่ไหนก็ตายที่นั่น

เราไม่ใช่บุ้งกือ ความคิดความอ่านไม่ได้เหมือนบุ้งกือ เป็นความคิดของมนุษย์ ควรคิดหาที่หลบหลีกปลีกตัวอันดีงาม เช่นสร้างตัวให้เป็นคนดีเป็นหลักเกณฑ์ของตัวเอง สร้างคุณงามความดีเข้าสู่จิตใจ ก็มีเกราะกำบังไปเรื่อยๆ มีร่มไม้ชายคาอาศัยไปตามภพชาตินั้นๆ คือสถานที่อยู่ของผู้มีบุญเป็นพักๆ คิดดูตั้งแต่แดนมนุษย์ไปจนกระทั่งถึงสวรรค์ พรหมโลก นิพพาน นี้เป็นแดนแห่งคนมีบุญ คนมีบาปไปไม่ได้ ในสวรรค์แม้แต่ชั้นจาตุมนี้ก็เหมือนกัน เทวบุตรเทวดาเต็มอยู่ในชั้นจาตุมเพียงชั้นแรกชั้นจาตุม ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตดี เป็นชั้นๆ นี้ ไม่ว่าชั้นไหน เข้าไปถามดูตั้งแต่ชั้นดาวดึงส์นี้ พวกเทพทั้งหลาย เทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม อยู่ด้วยกองกุศลของตน ที่ไปเสวยความดีอยู่นั้น เราไปหาค้นดูว่าในสถานที่นี่มีคนชั่วช้าลามกนรกจกเปรต ไปทำความชั่วช้าให้แก่สัตว์และมนุษย์ทั้งหลายทั่วๆ ไป ตายแล้วเขาได้มาขึ้นสวรรค์ในที่นี่มีไหม ไม่มีแม้รายเดียว

ถ้าไปถามในแดนนรกนี่ก็เหมือนกันอีก คนที่เขาสร้างคุณงามความดีมากๆ แล้วไปจมอยู่ในนรกกับพวกเปรตพวกผีนั้น ไปหาค้นดู ถามพวกเปรตพวกผีมีจำนวนมากน้อยเพียงไรที่ตกนรกหมกไหม้ ไปค้นหาคนทำความดีทั้งหลายที่ไปจมอยู่ในนรก สับปนกับสัตว์นรกมีไหม นี้ก็เช่นเดียวกัน ไม่มี แม้รายเดียวก็ไม่มี ผู้ที่มีบุญได้สร้างไว้แล้วไม่ลงนรก มีแต่พวกเปรตพวกผีที่สร้างความชั่วช้าลามกใส่ตัวเองไปกองอยู่ในนรกทั้งนั้น เช่นเดียวกับผู้ไปสวรรค์ ก็คือพวกทำความดี ไปหาคนชั่วช้าลามก ไปทำความชั่วช้าอย่างมองแมมมาแล้ว ตายแล้วไปสวรรค์ ไปหาค้นดูแม้คนเดียวก็ไม่มี ในชั้นไหนๆ ก็ไปเถอะ

สวรรค์ ๖ ชั้นนั้นค้นหาเพียงคนเดียว อันธพาลสัตว์นรกที่ทำความชั่วช้าลามกอยู่ในแดนมนุษย์ ตายแล้วความชั่วนั้นส่งขึ้นไปสวรรค์ ไปสับปนอยู่กับพวกเทวบุตรเทวดาในสวรรค์ ๖ ชั้นนั้น แม้แต่รายหนึ่งมีไหม ไม่มี นั่นฟังซิ ธรรมท่านเอียงเมื่อไร ท่านตรงไปตรงมา เอ้า ขึ้นพรหมโลกอีก หาค้นดูคนชั่ว ทำความชั่วช้าลามกไปแล้วก็ไม่มีอีก มีแต่พรหมโลกเป็นพวกท้าวมหาพรหม ผู้สร้างคุณงามความดีไว้เป็นลำดับลำดาทั้งนั้นเต็มไปหมด ไม่มีอันธพาลไปสับปนอยู่นั้นเลย อันนี้แดนนรกก็ไม่มีคนดีไปสับปนอยู่นั้น มีแต่คนชั่วช้าลามกเต็มไปหมดในแดนนรกมี ๒๕ หลุม หาคนดีไปตกนรกอยู่ในนั้นไม่มี แฝงอยู่เพียงคนเดียวก็ไม่มี มีตั้งแต่คนชั่วช้าลามกที่ตนทำไว้แล้วๆ นั้นแลไปทรมานตน

นั่นละธรรมท่านเอียงไหม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่ว่าที่แจ้งที่ลับ ทำบุญได้บุญ ทำบาปได้บาป เหมือนกันหมด ขอให้พากันระมัดระวังให้ดี นี่บอกชัดเจนแล้ว คนดีทำความดีงามแล้วไปตกนรกผสมผเสอยู่กับพวกสัตว์นรกแม้รายเดียวก็ไม่มี คนชั่วที่ทำความชั่วช้าลามกนั้นตายแล้วขึ้นไปบนสวรรค์แฝงอยู่กับเทวบุตรเทวดาอย่างนี้ แม้รายเดียวก็ไม่มี เพราะฉะนั้นเราอย่าประมาทคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ลบไม่สูญก็คือคำสอน ได้แก่ความจริงล้วนๆ ที่แสดงออกมาคำใดเป็นความจริงทั้งนั้น ให้นำมาปฏิบัติตนเองแล้วจะเป็นคนดีไปตาม

yah ออฟไลน์
  • พลังน้ำใจ: 31799
ตอบกลับ #8 04 ธันวาคม 2010, 12:29:22น.
ต่อจากตอนที่แล้ว
นี่ละแดนสวรรค์ แดนนรก ไม่สับปนกัน พวกกรรมชั่วลงนรกทั้งนั้น พวกทำดีไปสวรรค์กัน พอพูดเรื่องนี้ก็ทำให้ระลึกถึงเณรหนึ่ง นี้ได้สัมภาษณ์กันจริงๆ ก็นานมาแล้วแหละ วันถวายเพลิงท่านอาจารย์มั่น วันเผาศพท่านอาจารย์มั่น ก่อนหน้านั้นมีพระมาบอกว่ามีเณรองค์หนึ่งแกระลึกชาติได้ ชื่อว่าอย่างนั้น บอกเลย แกอยู่บ้านนั้นเวลานี้ แล้วพระองค์นั้นเคยคบค้าสมาคมกับเณรนี้มาแล้ว แล้วในงานนี้แกจะมาไหม เราถาม มา เออ ถ้ามาให้บอกเรา เราจะซักถามให้ละเอียดลออ

พอแกมาแล้วให้พระองค์นั้นละไปตามเอามาจนได้ มาซักถาม โห พูดละเอียดลออมาก นี่ละถ้าระลึกชาติได้แล้วไม่หวั่นไหวใครนะ เณรนั้นพูดอย่างอาจหาญชาญชัยเลยทีเดียว แกพูดถึงภพก่อนของแก ตายแล้วก็มาเป็นเณรอยู่นี้ แต่ก่อนแกชื่อบัว อยู่ทางอุบล บอกชื่อเลยว่าอยู่บ้านโคกเลาะโคกและ แกละเอียดหมด แกไปเคารพเลื่อมใสกับอาจารย์ทอง บ้านดงน้อย คนสามผง ไปเทศนาว่าการแกเกิดความเชื่อความเลื่อมใสเลยขอถวายตัวเป็นลูกศิษย์ และขอบวชอยู่กับท่าน แล้วก็มาอยู่ที่สามผง แล้วก็มาเป็นไข้ป่าเลยมาตายอยู่ที่นั่น ออกจากนั้นก็ไปเกิดที่บ้านน้ำก่ำ เรื่องราวเป็นอย่างนั้น เราถามเรื่องราวแก แกเล่าละเอียดลออมากทีเดียวเรื่องภพเรื่องชาติของแกที่เกิดมา

แกบอกชัดเจนว่าเป็นลูกศิษย์อาจารย์ทอง เรามันไม่ใช่เล่น ถ้าอย่างนี้มันซอกแซกมากนะ ติดตามท่านอาจารย์ทองเอาจนได้ ไปกราบเรียนท่าน เพราะสนิทกันมาก่อนแล้วกับอาจารย์ทอง พอเล่าเรื่องเณรให้ฟัง อู๊ย รู้สึกว่าท่านตื่นเต้น ใช่แล้วๆ ท่านก็พูดอีกด้วยถึงเรื่องราวแต่ก่อน ตามที่เณรพูดก็เป็นอันเดียวกัน เวลานี้อยู่ที่ไหน เราบอกว่าอยู่บ้านน้ำก่ำ โอ๊ย สงสาร เณรนี้แต่ก่อนเป็นพระ ชื่อพระบัว เสกคาถาไล่ผีเก่ง อาจารย์ทองเล่าให้ฟังเรื่องพระบัวนี้ ไล่ผีเก่งนะ พวกปอบพวกผีเข้าคนนี้ พระบัวนี้เข้าไปเสกคาถาแล้วไล่แตกกระเจิงเลย ปอบกินคนไม่ได้ กลัวพระบัวนี้มาก แต่มาลาเรียไม่เห็นกลัว ไม่เห็นชำระได้ ท่านพูดตลกนะ อาจารย์ทองเล่าเรื่องลูกศิษย์ของท่าน ตายเพราะมาลาเรีย

พอรู้สึกตัวขึ้นมาว่าเกิด นี้เราไม่พูดละเอียดลออนะ เราจะพูดย่นๆ เข้าไปอย่างนี้แหละ แกเล่าละเอียดมาก แกตายที่สามผง เขาเผาศพแก แกสะพายบาตรแบกกลดแล้วยืนเฝ้าดูอยู่ โอ๋ นี่เราตายแล้วเขาเผาศพเรา คนเต็มวัด ว่างั้นแหละ พระก็เต็มวัด เราก็ไปยืนดู ไม่มีใครสักคนเดียวมองเห็นเรา เราดูเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอ๊อ เกิดมาก็ตายอย่างนี้ไม่เห็นอายุยืนนานอะไร เราจะอยู่ไปหาอะไร ไปแหละ ยังเป็นเพศพระอยู่นะเวลาตายแล้ว ความรู้สึกยังฝังใจอยู่ สะพายบาตรแบกกลดไปดู ท่านว่านะ จากนั้นก็ไป

พอออกจากนี้ก็ไปศาลาใหญ่หลังหนึ่ง อันนี้ที่สำคัญมาก ก่อนที่แกจะมาเกิดแกไปถึงศาลาใหญ่หลังหนึ่งก่อน ศาลานั้นใหญ่มากทีเดียว พวกคนที่ไปเต็มอยู่บนศาลามีแต่พวกผู้ต้องหาทั้งนั้นเลย ศาลาทั้งหลังใหญ่ๆ นั้นมีผู้เป็นคนดีมีศีลมีธรรมอยู่เพียง ๓ คน คนในศาลานั้นเต็มศาลามีแต่ผู้ต้องหา พวกนายเขาหรือพวกยมบาลอะไรก็แล้วแต่จะเรียก เขาเป็นคณะๆ แต่งตัวน่ากลัวมาก สีแดง มีลักษณะเหมือนยักษ์ ส่วนเราที่ไปนั่งอยู่ข้างๆ คนมากๆ นั้นเขาไม่ได้มายุ่งเรา เราก็สนุกดูที่เขาเรียกบัญชีผู้ต้องหา พอเรียกปั๊บมาปุ๊บๆ พอมาแล้วคณะนายบังคับเขามาเรียกไปเป็นระยะๆ คือเป็นพวกๆ แกก็นั่งดูอยู่อย่างนั้น คือเขาไม่มายุ่งกับแกแหละแกจึงสนุกดู

เขาจัดคนเต็มศาลา พวกนี้ทำบาปทำกรรมประเภทนั้นประเภทนี้ ตายแล้วจะต้องไปตกนรกหลุมนั้นๆ เขาเอาคณะกรรมการตามบังคับๆ แต่ละกองๆ มีสองคนคณะกรรมการ อยู่ข้างหน้าก็มีข้างหลังก็มี พอแล้ว พวกนี้กลัวตัวสั่นไปเลย สองคนนั่นเด็ดขาดมากนะจึงเรียกว่ายมบาล ยมบาลก็คือกรรมของพวกนั้นเองละ มาเป็นรูปภาพขึ้นมาเป็นยมบาล เหมือนพวกนั้นเป็นผู้ต้องหานั้นแล พอพวกนี้ไป เรียกปุ๊บๆ อย่างรวดเร็ว พอเรียกปุ๊บมาปุ๊บๆ คนในศาลา เป็นคณะๆ แล้วส่งไปๆ จนกระทั่งคนหมด มีหลายประเภทผู้ต้องหาในนั้น ไม่นานนะ

เวลาเรียกมาปุ๊บๆ ไม่มีใครที่จะมาคัดค้านต้านทานแม้เสียงเดียวก็ไม่มี มีแต่เขาที่เป็นอำนาจใหญ่นั่นแหละ สั่งอะไรๆ นี้มาทันทีๆ และมาด้วยความกลัวความหวาดระแวงทุกอย่าง สั่งออกไปเป็นพักๆ มีผู้ควบคุมไปพักละสองคนๆ นายควบคุมไป จนกระทั่งหมด ศาลานี้ว่างหมดเลย สักเดี๋ยวก็เรียกผู้ดีมา ฝ่ายผู้ดีนี้เรียกมาสุดท้ายนะ ฝ่ายคนเลวคนชั่วนี้มาก่อนทั้งหมด

ทีนี้พูดถึงเรื่องกรรม กรรมมีหลายประเภท นับตั้งแต่ประเภทอนันตริยกรรมลงมา อนันตริยกรรมนี้เรียกว่ากรรมอย่างหนักมาก มี ๕ ประการ ที่หนักมากในแดนสมมุตินี้ ไม่มีกรรมใดที่จะเกินกรรม ๕ ประการนี้ได้เลย กรรม ๕ ประการนี้คืออะไร

๑.ฆ่ามารดา

๒.ฆ่าบิดา

๓.ฆ่าพระอรหันต์

๔.ทำลายพระพุทธเจ้าแม้ไม่ตายก็ตาม

๕.สังฆเภท ยุยงให้สงฆ์แตกจากกัน

กรรมทั้ง ๕ ประเภทนี้หนักมากทีเดียว เรียกว่าอนันตริยกรรม กรรมไม่มีระหว่างที่ความทุกข์นั้นจะคลายออกไปชั่วระยะฟ้าแลบ ความสุขได้ปรากฏนิดหนึ่งขณะฟ้าแลบไม่มี เรียกว่าไม่มีระหว่าง ความทุกข์ติดกันไปเลย เป็นกรรมที่หนักมากที่สุด เรียกพวกนี้มา พวกนี้ไม่มากนะ ต่อจากนั้นก็มากไปๆ พวกทำกรรมไม่หนักมากนักนี้ยิ่งมากๆ เป็นลำดับจนกระทั่งหมด ทีนี้พระองค์นั้นท่านถามละซี แล้วอาตมาล่ะจะให้ไปที่ไหน เห็นแต่เรียกพวกนั้นไปๆ จนกระทั่งหมดแล้ว อาตมาจะให้ไปไหน

โห ท่านเป็นผู้ทำคุณงามความดี ไม่มีในบัญชีเหล่านี้ บัญชีเหล่านี้เป็นผู้ต้องหา สำหรับท่านจะไปทางไหนได้ ทางดีทั้งนั้น เอ้า ถ้าท่านอยากไปมนุษย์ ยมบาลเขาชี้บอก นายใหญ่เขาอยู่ที่นั่น ถ้าท่านต้องการไปสวรรค์ก็ให้ไปแดนนี้ คือมันมีสระหนึ่งอยู่นั้น แกเล่าอย่างละเอียดลอออาจหาญมาก สระนี้สำหรับรับคนดี แต่นี้ยังมีผู้หญิงอยู่ ๓ คนกำลังจะให้ลง ท่านคอยดูเสียก่อนนะ เชิญผู้จะไปสวรรค์เป็นผู้หญิงแหละมา เขาเชิญคุณแม่...ไม่รู้เขารู้ชื่อมาแต่เมื่อไร เชิญคุณแม่...มาที่นี่ ลงไปสระนี้แล้วรถทิพย์จะมาเอง เขาบอก

เราก็ยิ่งจดจ่อ ตั้งแต่บวชมาจนกระทั่งป่านนี้เราไม่เคยเห็นรถทิพย์ วันนี้เราจะได้เห็นรถทิพย์ว่างั้นนะ ท่านเล่าน่าฟัง พอเรียกปั๊บนี้ คุณแม่เข้ามาปั๊บ เชิญลงไปนี้ละ การแต่งเนื้อแต่งตัวไปนี้พอไปถึงสระนี้ให้เปลื้องออกให้หมด แล้วลงน้ำนี้ไป รถจะมาฝั่งนั้นแล้วขึ้นไป เครื่องแต่งเนื้อแต่งตัวของพวกเทพเขาเตรียมมาพร้อมหมด เรียกว่าเครื่องทิพย์เครื่องเทพ โอ๋ย คล่องตัวทุกอย่างนะ ผู้หญิงนั้นก็มา ผู้หญิงนี้ก็มา ผู้นี้ลงไปปั๊บ รถทิพย์มาแล้วๆ พอดีกับตัวเองๆ นะ

สามคนก็มีรถสามคัน ไม่ใช่ขึ้นคันเดียวกันอัดแอกันไปติดที่นั่นที่นี่ เหมือนอย่างรถในกรุงเทพฯของเรา รถในกรุงเทพฯของเรานี้ติดตามถนนหนทางแล้วยังไม่แล้ว เข้ามาในบ้านเจ้าของเองก็มาติดอยู่ตามทางเข้าบ้าน เข้าไปในครัวก็ไปติดอยู่ในครัว มีแต่รถติดๆ เข้าไปในหม้อแกงรถก็ไปติดอยู่ในหม้อแกง จะตักอาหารขึ้นในปากรถก็ติดอยู่ในปากในคอ นี่รถเมืองไทยเรามันติดตลอดเข้าใจไหม รถทิพย์มาเฉพาะๆ พอเรียกคุณแม่นั้นปั๊บคุณแม่นั้นมาทันที เพราะนั่งรออยู่แล้ว นั่งเงียบๆ

         พอเรียกปั๊บก็มาอย่างสุภาพอ่อนโยน พระท่านดูชัดเจนมากนะ พอปล่อยเครื่องนี้ปั๊บลงน้ำ พอขึ้นปั๊บเขาแต่งเนื้อแต่งตัวให้เรียบ ทีนี้กลายเป็นแดนสวรรค์ขึ้นมาในผู้หญิงคนนั้นๆ แล้วรถทิพย์ก็บึ่งขึ้นเลย ท่านดูจนกระทั่งขึ้น สูงแล้วก็เอี้ยวๆ แล้วสุดสายตา ผู้หญิงคนนี้มาอีกแบบเดียวกันสามคน ไปหมด สำหรับอาตมาล่ะที่นี่ย้อนมาอีก “เออ ท่านจะไปสวรรค์ก็ได้ ถ้าอยากไปสวรรค์ให้ลงที่นี่รถทิพย์จะมาทันที นั่นฟังซิน่ะ เพราะท่านมีบุญได้ทำไว้เรียบร้อยแล้ว รถทิพย์จะมารับท่านทันที ถ้าท่านอยากไปแดนมนุษย์ก็ให้ย้อนหลังคืนไปที่ท่านมา ทางไปมนุษย์ไปทางนี้ ทางไปสวรรค์ลงสระน้ำนี้”

        “อาตมาไม่อยากไปละ แดนสวรรค์ก็ยังไม่อยากไป มนุษย์ก็ไม่อยากไป เวลานี้กำลังหิวน้ำ จะไปหากินน้ำก่อน” เออ ก็ตามแต่อัธยาศัย พอลงไปจึงไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งเขามาตักน้ำกลางทุ่งนา บ้านที่ว่านี้ บ้านที่เณรนี้ไปเกิด เขาบอกให้ไปรออยู่บ้านหลังนี้ เขาชี้บอก ให้ไปรออยู่ที่นั่น เขาตักน้ำแล้วเขาจะไปที่นั่น พอไปถึงบ้านนั้นรู้สึกว่าเหนื่อย ไปถึงบ้านเขาแล้ว เขายังตักน้ำมาไม่ถึงนะเจ้าของบ้านเขาน่ะ เลยไปนั่งเคลิ้มหลับไป ครู่หนึ่งตื่นขึ้นมาเป็นเด็ก เขาเรียกเณรเลี่ยม “นี่กูเกิดได้ยังไงที่นี่” ปุ๊บเดียวเท่านั้น เคลิ้มหลับไปเข้าในครรภ์เกิดแล้ว


         พอออกมาความรู้สึกนี้มันติดอยู่กับตัวหมด เป็นพระอยู่ตลอดนะ ใครพูดอะไรรู้เรื่องหมด ตั้งแต่อายุพอรู้เดียงสา มันรู้ภาษามนุษย์มาแล้ว เพราะมันติดกันมา พูดอะไรก็เหมือนเมื่อวานกับวันนี้มันจะหลงลืมไปไหน ทีนี้พอโตขึ้นมาแล้วพอพูดได้บ้างเล็กน้อยก็มีแต่อาตมาๆ พ่อแม่กับลูกมันจะว่าอะไรก็มันชินกันใช่ไหม เรียกพ่อก็เรียกอาตมา กับแม่ก็อาตมา ทีนี้พ่อแม่และคนภาคอีสานเป็นนิสัยปากเปราะ และนิสัยพูดโฮกฮากเหมือนขวานผ่าซาก แต่เป็นนิสัยอย่างนั้นพูดไม่มีพิษมีภัย

         “นี่จะมาอาตมาๆ หีพ่อหีแม่มึงยังไง มึงก็เป็นลูกของกู” แม่ว่าให้  “มึงจะอาตมงอาตมาหาพ่อหาแม่มึงยังไง มึงก็เป็นลูกของกู กูเลี้ยงมึงมา” พอว่าอย่างนั้นปรากฏว่าความรู้สึกของเราลดวูบหมดเลย เพศของพระหายในขณะนั้น ปรากฏเป็นเด็กขึ้นมาแล้ว ก็เลยเล่าเรื่องให้ฟัง “นี้ไม่ใช่แม่ของผม แม่ของผมอยู่ที่บ้านนั้นๆ ผมบวชเป็นพระมาตายในเพศของพระ เพราะฉะนั้นผมจึงเรียกว่าอาตมาๆ ” พอแม่ได้ยินอย่างนั้นร้องห่มร้องไห้นะ ไม่ใช่เป็นเรื่องเจตนาพูดอะไรผิดๆ พลาดๆ ของเด็ก พูดเป็นเจตนาฝังลึกมาว่าเคยเป็นพระมาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงได้พูดว่าอาตมาๆ พอเล่าให้ฟังนี่ไม่ใช่แม่ของอาตมานะ แม่ของอาตมาอยู่นู้นๆ เลยเกิดความสลดสังเวช นี่โตสักหน่อยผมไปเยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่ของผม ทางนี้ออดอ้อนไม่ให้ไป อันนี้ก็แม่เลี้ยงมาจนแทบเป็นแทบตายจะไปยังไง นั้นก็พ่อนี่ก็แม่ นั่นผ่านมาแล้วนี่กำลังเลี้ยงสดๆ ร้อนๆ แม่ไม่ให้ไป นี่ละเรื่องราว เอากันเพียงยุติอย่างนี้เท่านั้นไม่เอามาก

         พูดถึงเรื่องระลึกชาติได้ เณรนี้เราเป็นผู้ซักอย่างละเอียดลออ แล้วไปหาท่านอาจารย์ทอง ให้ไปชี้ท่านอาจารย์ทอง ท่านอาจารย์ทององค์ไหน ถ้าว่าอาจารย์ทองเป็นอาจารย์ของเราจริง ก็อาจารย์ทองท่านมาในงานศพนี่น่ะ เอาไปชี้ตัว เอาจริงนะเราไม่ได้เหมือนใคร ถ้าลงจับแล้วจับให้ถึงตัว ทีแรกไม่ได้ไปหาอาจารย์ทอง ไปเที่ยวทดลองดูก่อน อาจารย์ใหญ่ๆ องค์ไหนไป องค์นี้ใช่ไหม บอกไม่ใช่ แล้วก็พาไปหาอาจารย์องค์นี้ ในงานนั้นน่ะ ไม่ใช่ๆ เรื่อยๆ ทีนี้ไปหาตัวจริง พอเดินฉากๆ เข้าไป นี่ใช่ไหม ใช่ทันทีเลย นั่นเห็นไหมล่ะ เราก็ยอมรับอาจารย์ทองกับเราคุ้นกันมาแต่เมื่อไร นี่ละเรื่องราว แกจำได้ขนาดนั้น เวลาท่านอาจารย์ทองเล่าเรื่องของเณรนี้ละเอียดแบบเดียวกัน กับท่านเล่าเรื่องของอาจารย์ทอง

         ให้พากันจำเอาถึงเรื่องระลึกชาติได้ นี่หมายถึงคนเราที่ระลึกชาติได้พูดไม่มีผิดมีพลาด เอาท่านอาจารย์ทองมาเครื่องยืนยัน เป็นอันเดียวกันไปเลย เป็นอย่างนั้นนะ ที่ระลึกชาติไม่ได้มันก็เหมือนไม่มีๆ อย่างนั้น วันนี้พูดเรื่องอะไรมันยาวพอแล้วละ ระลึกชาติย้อนหลัง ไปพวกอาตมาให้กลับไปบ้านนะ ได้ยินไหมล่ะเราเหนื่อยแล้ว ที่ขบขันดี คือเณรที่เล่าให้ฟังว่าอาตมาๆ แม่ดุลูก “อาตมาหีพ่อหีแม่มึงยังไง กูเลี้ยงมึงมาแทบเป็นแทบตายมึงไม่ใช่พระ มึงจะมาอาตมาอะไรกับกู กูเป็นแม่มึง” เณรนี่เล่าให้ฟัง โอ๋ยน้ำตาร่วง คือแม่ก็พูดตามภาษาของแม่ ไอ้เด็กก็รู้ตามภาษาของเด็กที่รู้มา พอเข้าใจกันแล้วแม่ร้องไห้เลยนะ เอาละพอ

         นี่สดๆ ร้อนๆ อย่างที่ว่าเณรนี่ เรียกเณรเลี่ยมนะ ตั้งแต่นั้นมาไม่พบกันอีกเลย มันจะสึกไปแล้วไปไหนก็ไม่รู้ ไม่ได้พบกันอีก แกเป็นข้อยืนยันได้เต็มบ้านเต็มเมือง ว่าเณรนี้ระลึกชาติได้ แกไม่อยากเล่านะ แกว่า พอเล่าถึงเรื่องความระลึกชาติได้ทีไรเป็นไข้ทุกที แกเข็ดแกบอก ไม่อยากเล่า เล่าทีไรเป็นทุกทีเป็นไข้สดๆ ร้อนๆ มันหากเป็นของมันเอง เราก็ยืนยันรับรอง เอาไม่ให้เป็นคราวนี้นะ มีเท่าไรเล่าให้หมด ไม่เป็น เอาเล่ามา เล่ามาหายแล้วไม่เป็นจริงๆ นะ ไม่เป็นเลย แกก็ยอมรับมีท่านอาจารย์นี้เท่านั้น ไม่เป็นไข้ นอกนั้นเป็นหมด นั่นซิมันกลัวอาตมา เราเลยพูดหยอก อาตมาเป็นพระมันก็ต้องกลัวซิไข้ มันจะอยู่ได้ยังไง

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ธันวาคม 2010, 15:01:37น. โดย yah

yah ออฟไลน์
  • พลังน้ำใจ: 31799
ตอบกลับ #9 08 ธันวาคม 2010, 08:50:40น.
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๒๕

การติ-คุณภาพของมนุษย์

 

การติ เวลาจะติก็ติอย่างนี้ คือเวลาเราดุด่าว่ากล่าวใคร ถ้าถูกติเราก็ต้องยอมรับฟังเขาผู้ติ เพราะเราหาเหตุผล การดุด่าว่ากล่าวจะเต็มไปด้วยเหตุผลทั้งนั้น ไม่ให้มีเรื่องของกิเลสมาแทรก แม้แต่เสียงจะแผดลั่นเมฆลั่นฟ้าก็ตาม จะไม่มีเรื่องของกิเลสตัณหาเข้ามาแทรกเลย จะมีแต่เรื่องธรรมล้วนๆ เท่านั้น เพราะสอนคนให้ดี จะเอาสิ่งเหล่านั้นมาแทรกทำไม สิ่งนั้นเป็นความเสียหายต่างหาก จะทำคนให้ดีได้อย่างไร

ต่อไปนี้จะอธิบายธรรมให้ท่านทั้งหลายได้ทราบโดยทั่วกัน ทำไมหลวงพ่อจึงได้บอกอยู่เสมอเรื่องการใส่รองเท้าใส่บาตร ทั้งนี้มันมีเรื่องธรรมเรื่องวินัย เรื่องความเคารพธรรมเคารพทานของเรามี ที่พระพุทธเจ้าและสาวกท่านไปบิณฑบาต ทั้งโลกทั้งธรรมก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพระพุทธเจ้าไปโปรดสัตว์ และสาวกท่านก็ไปโปรดสัตว์ พระท่านผู้มีศีล ตั้งอยู่ในอรรถในธรรม เป็นสุปฏิปนฺโน อุชุ ญาย สามีจิปฏิปนฺโน ไปบิณฑบาตก็เป็นลักษณะเดียวกัน คือ ท่านไม่ได้ไปด้วยความโลภโลเลในอาหาร ไปเป็นกิจวัตรของท่านจริงๆ แม้จะอดจะเป็นจะตายท่านก็ไม่ถืออะไรหนักแน่นยิ่งกว่าความเป็นธรรมของท่าน เวลาท่านไปบิณฑบาต ท่านก็เป็นผู้ทรงศีลทรงธรรมไป

เราผู้มาทำบุญกับท่าน เราก็มุ่งอรรถมุ่งธรรมมุ่งกุศลจากท่านจากธรรม ทำอย่างไรจึงจะเป็นบุญเป็นกุศลดังใจหวัง เป็นไงถึงจะถูกอรรถถูกธรรมตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าที่สอนไว้ เช่น พวกทหารเขาจะมาฟังเทศน์ มาใส่บาตร เป็นต้น พวกทหารเขาแต่งชุดทหารมา หรือพวกที่โพกศีรษะมาด้วยประเพณีของเขาก็ไม่ต้องถอด ให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่เสียความเคารพ ทางทหารก็เหมือนกันจะไม่ถอดรองเท้าก็ได้ นอกนั้นถ้าใส่หมวกก็ให้ถอด ใส่รองเท้าก็ให้ถอดเสีย เพื่อความเคารพธรรม เคารพทานของตน เคารพท่านผู้มีศีลซึ่งมีเพศสูงส่งกว่าเรา

การใส่บาตร เป็นการบำเพ็ญคุณงามความดี เป็นการน้อมรับธรรมส่วนกุศลของเราให้ได้เต็มที่ พร้อมกับเคารพธรรมด้วย เคารพครูบาอาจารย์ที่ท่านมีศีลมีธรรมด้วย เคารพในทานของเราด้วย ดังนั้น เราถึงได้บอกให้เข้าใจ เพราะเท้าและรองเท้ามิได้สูงกว่าธรรมพอจะส่งเสริมให้เป็นวัฒนเท้าในเวลาเช่นนั้น บางคนไม่เข้าใจเพราะไม่เคยมีใครบอก เนื่องจากท่านเหล่านั้นคงเกรงใจญาติโยมมากกว่าเกรงธรรม แต่เราเมื่อมีญาติโยมเข้ามาเพื่อธรรม ทำยังไง ญาติโยมมา มาเพื่ออะไร มาเพื่อความเข้าอกเข้าใจในอรรถในธรรม สิ่งใดที่จะเป็นผลประโยชน์แก่ญาติโยมไม่เป็นความเสียหายเราก็บอก เพราะเราเกรงธรรม เรามุ่งต่อธรรมด้วยกันเหมือนประชาชน จึงได้บอกเสมอ ฉะนั้น จึงควรพากันเข้าใจไว้ ส่วนมากท่านไม่ค่อยบอก เวลาบิณฑบาตท่านเกรงใจ นอกจากเจริญพรและคล้อยไปตามใจคนเสียเป็นส่วนมากต่อมาก ธรรม-ทาน และท่านผู้มีศีลและเพศที่ควรเคารพเลยกลายเป็นธรรมชาติที่ด้อยไปกว่าความเกรงใจกัน นี่เราทั้งหลายเป็นชาวพุทธ มีความเคารพธรรมอย่างฝังใจกว่าความสนใจเคารพเท้า จึงได้เตือนได้บอกโดยธรรมเพื่อเข้าใจทั่วกัน

ฉะนั้น หลวงตาบัวจึงไม่เจริญพรถ้าไม่ใช่สิ่งที่ควรเจริญพร แม้แต่ใครจะมาชมว่าหลวงตาบัวดีก็ต้องถามเขาว่าดียังไง ให้บอกมา แทนที่จะรับไม่รับนะ ดียังไงหาเหตุผลมาซิ ถ้าเหตุผลเป็นที่ยอมรับก็รับคนนี้เป็นคนดี เพราะคนนี้ชมคนมีเหตุผล ถ้าบอกว่าหลวงตาบัวไม่เป็นท่า ไม่เป็นท่าเพราะเหตุใด จะรับหรือไม่รับยกไว้ก่อน ไม่เป็นท่าเพราะเหตุไร ไม่เป็นท่าเพราะเหตุนั้นๆ อ้อ ไม่เป็นท่าเพราะเหตุนั้นจริงๆ ถูกต้องแล้วยอมรับทันที ว่าคนนี้ดี ตำหนิมีเหตุผล และคนนี้จะเป็นหลักเกณฑ์ได้อย่างสำคัญคนหนึ่ง เราเอาคนนั้นต่างหากไม่ได้เอาเรา แต่อาศัยเราเป็นเหตุได้ดูเหตุผลของคนนั้น

การติก็ตาม การชมก็ตาม ให้ดูเหตุผลกันเป็นสำคัญกว่าอื่น มันส่อจากตัวของเจ้าของนั่นแล ตำหนิก็ตำหนิดะไปเลย ชมก็ชมดะไปเลย นั่นไม่ถูกไม่ดี (ภาษาอีสานเขาเรียกนกอีหลอย คล้อยตามเลย ไม่ว่าอะไรดีนะๆ) ใช้ไม่ได้ คนหาเหตุผลไม่ได้ ดีไม่ดีเป็นเรื่องสอพลอประจบประแจงอีกด้วย ใช้ไม่ได้นะ ถ้าไม่ดีก็บอกว่าไม่ดี ดีก็บอกว่าดี ไม่ดีที่ตรงไหนบอกเหตุผลมา ผู้ที่หวังดีอยู่แล้วจะแก้ทันที คนนั้นแก้ทันทีไม่ถือโกรธ ถ้าคนนั้นไม่แก้คนนั้นก็ไม่ดีต่างหาก เราดีอยู่แล้ว บอกเขาในสิ่งที่ถูกต้องดีงามอยู่แล้วไม่เสียหาย เรื่องธรรมเป็นอย่างนั้น พระท่านสอนกันก็สอนอย่างนั้น

พระพุทธเจ้าสอนพระสาวกก็เหมือนกัน ถึงขั้นอเปหิก็มี โทษก็ตั้งแต่หัวขาดลงมาถึงโทษประหารหรือโทษตลอดชีวิต จากนั้นก็โทษ ๒๐ ปี ๑๕ ปีลงมาโดยลำดับ จน ๔ เดือน ๓ เดือน เหมือนกันนี่แหละ หลักพระวินัยเป็นอย่างนี้ ถ้าลงโทษปาราชิกแล้วก็ตัดคอขาด ทั้งฝ่ายธรรมฝ่ายวินัยบอกกันแล้วก็อเปหิ ขับหนีจากหมู่จากเพื่อน โทษรองลงมาก็ปรับรองลงมาโดยลำดับ จนกว่าคนนั้นจะยอมตน เมื่อหมดโทษแล้วถึงจะเข้าหมู่คณะได้ โทษประเภทเหล่านี้เป็นประเภทเนื้อร้ายต่อวงคณะ เอาไว้ไม่ได้ ต้องเอาออก ถ้าขืนปล่อยไว้ ส่วนดีทั้งหลายจะเสียไปด้วย ในหลักธรรมหลักวินัยท่านสอนท่านทำอย่างนั้นก็เพื่อดีต่างหาก อันไหนไม่ดีท่านตัดออกๆ ถ้าทำเบาๆ สิ่งนั้นจะไม่ออก ต้องทำให้หนักเพื่อจะรักษาส่วนใหญ่เอาไว้ ธรรมมีทั้งหนักทั้งเบา วินัยจึงมีทั้งหนักทั้งเบา ล้วนแล้วแต่เครื่องสอนคนให้เป็นคนดีทั้งนั้น ฉะนั้นการดุด่าว่ากล่าวด้วยเหตุผลอรรถธรรมเพื่อความเป็นคนดี จึงเป็นทางดำเนินของศาสนธรรมมาดั้งเดิม ไม่ใช่เรื่องอุตริทำเอาเองด้วยอำนาจโทสะกิเลส

ธรรมครูบาอาจารย์ที่มาสั่งสอนพวกเรา ให้เราคำนึง ตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าๆ เป็นศาสดาองค์เอก เอกด้วยการฝึกฝนทรมานพระองค์เอง ทรมานถึงขนาดเดนตาย สลบไสล พอพ้นจากนั้นก็ได้เป็นพระพุทธเจ้าเพราะการทรมานอย่างหนัก ทำไมถึงต้องทรมานอย่างหนัก เพราะกิเลสเป็นตัวสำคัญ เป็นตัวแสบที่สุด ไม่มีอะไรแสบเกินกิเลส ความโลภก็แสบ ความโกรธก็แสบ ความหลงก็แสบ ความรักก็แสบ ความชังก็แสบ ความเกลียดความโกรธแสบทั้งนั้น ไม่ใช่ของดี มีแต่ของแสบๆ คนเราอยู่โดยไม่มีสิ่งเหล่านี้กวนใจ บีบบังคับใจ มันแสนสบาย นี่ยกมาเทียบกันนะ ความรักก็กระเพื่อมขุ่นมัว เหมือนกับต่อยเข้าไปปึ๋งๆ ชังก็เปรี้ยงเข้ามาเจ็บๆ ความโลภ ความโกรธ ความหลง มีแต่ประเภทอาวุธต่อยกับเตะกับถีบทั้งสิ้น การไม่มีใครเตะใครต่อย อยู่สบายแสนสบาย ท่านเทศน์เพื่อทำลายสิ่งก่อกวนยุแหย่ทั้งหลายให้กระจายออกๆ ขับไล่มันออกไป ไล่มันออกไป ขับออกไปด้วยอรรถด้วยธรรมอย่างอื่นขับไม่ได้ ต้องเอาธรรมขับ กิเลสขับกิเลสก็เหมือนกับเพิ่มเชื้อไฟลุกส่งเปลวขึ้นจรดเมฆโน่น ถ้าเอาน้ำดับมันก็ดับลงได้

ธรรมเป็นน้ำดับไฟ ท่านสอนอย่างนั้น ไฟมันกองใหญ่ น้ำเพียงถังเดียวไม่พอ ต้องเอาน้ำเทลงไปให้มากกว่านั้น ไฟจึงจะดับ กิเลสแต่ละตัวมันหนักแน่นมั่นคงมาก มันผาดโผนมาก ยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในโลก เราจะใช้การแนะนำสั่งสอนแบบงูๆ ปลาๆ ว่ากันไปอย่างนั้นไม่ได้ ต้องเอาให้หนักเพื่อสิ่งนั้นจะได้พังลงไป ความหมายเป็นอย่างนั้นดับไฟอันนั้น อันนั้นแหละจะเป็นเหตุเป็นผลให้ไฟเกิด และก่อความฉิบหายวายปวงไปโดยไม่มีประมาณเลย ดังนั้นจึงให้รีบระงับดับกัน พากันทำความเข้าใจด้วยดี เพื่อธรรมจะได้เข้าสู่ใจ ใจจะสงบสบาย

มาวัดมาวาศึกษา ทำบุญให้ทาน ก็ได้บุญแล้ว นั้นเป็นประเภทหนึ่ง ส่วนใหญ่ที่สำคัญก็คือการฟังอรรถฟังธรรมเพื่อฝังลงในใจของเรา นี่ที่เป็นประโยชน์มากมาย เพราะใจเป็นโรงงานอันสำคัญ เมื่อได้สิ่งอันดีงามเข้าไปอยู่ภายในจิตใจแล้วจะระบายออกแต่สิ่งที่ดี ถ้าใจขาดการอบรมศึกษามาดีแล้วทุกอย่างก็เหลวไปหมด เหลวไปทั้งนั้น เพราะใจพาเหลวเสียอย่างเดียวเท่านั้นอะไรๆ ก็พลอยเหลวไปตามๆ กัน ใจจึงควรได้รับการศึกษาอบรมให้เหมาะสม นี่แหละการมีศาสนาก็ดี การมีครูมีอาจารย์ก็ดี ท่านคอยแนะนำสั่งสอนก็เพื่อให้เราเป็นคนดี

มนุษย์เราอยู่เฉยๆ มันดีไม่ได้ มนุษย์เราไม่เหมือนสัตว์ สัตว์เขาไม่ค่อยมีอะไร มากเหมือนมนุษย์เรา จะดีไม่ดีก็ตามประสีประสาของเขา เขาเป็นอยู่อย่างนั้น แต่มนุษย์เราจะอยู่อย่างสัตว์ไม่ได้ เพราะมนุษย์ไม่ใช่สัตว์ อยู่ด้วยกันเป็นจำนวนมากก็ต้องมีกฎมีระเบียบมีข้อบังคับปฏิบัติต่อกันเพื่อความสงบสุขต่อส่วนรวม ไม่เช่นนั้นไม่ได้ คิดดูซิ แต่ก่อนมีไหมกฎจราจร ไม่มี เพราะไม่มีรถ เมื่อมีรถเข้ามาและชนกันแหลกบ่อยๆ เข้าก็ต้องมีกฎจราจร มีข้อบังคับเพื่อความปลอดภัยกันเรื่อยมา มีข้อบังคับขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะมีความเสียหายเกิดขึ้นบ่อยๆ แต่ก่อนไม่มีกฎจราจรเพราะไม่มีเหตุมาแสดง ไม่มีผลมาแสดง เรื่องที่จะบัญญัติกฎข้อบังคับต่างๆ ขึ้นมาจะบัญญัติขึ้นมาหาอะไรเพราะไม่มีเรื่อง แต่ทุกวันนี้เป็นยังไง ก่อนที่จะขับรถต้องไปสอบเอาใบขับขี่เสียก่อน แต่ต้องระวังนะ เดี๋ยวจะได้ใบขับขี่ตาบอดเข้าหรอก เงินยัดเข้าไป ใบขับขี่ตาบอดทะลักออกมาเลย แล้วขับดะไป หลับตาขับชนดะไปเลย

ให้ระมัดระวังให้มาก อย่าถือว่าทางเราเป็นทางถูกถ่ายเดียวแล้วไม่หลีก นั่นเป็นอันตรายได้ ถูกก็ตาม ผิดก็ตามเถอะ อะไรที่จะปลอดภัยให้หลีก ให้มันปลอดภัยนั่นแหละเป็นความชอบธรรมและเป็นความฉลาดของผู้ขับ เราจะถือว่าเราเป็นทางถูก เขาเป็นทางผิด เวลาถูกชนแล้วมันตายด้วยกันทั้งนั้นแหละ ถ้าเหตุการณ์หนักควรจะตายนะ อย่าว่าแต่เขาจะตายเลย ดีไม่ดีเขาไม่ตายเราก็ตายได้ เขาเป็นรถใหญ่ เราเป็นรถเล็ก เราแหลกเขาไม่แหลกก็ได้ การหลบหลีกสำคัญมาก กฎอันใหญ่นั้นวางไว้ หากจำเป็นก็หลบหลีก หลีกหรือรอเพื่อความพ้นภัย นี่ก็เป็นเรื่องของปัญญามนุษย์ที่จะใช้ในเวลานั้น ต้องระมัดระวังไว้เสมอ นี่แหละกฎแห่งความปลอดภัย กฎหมายบ้านเมืองก็เป็นกฎแห่งความปลอดภัย มนุษย์จะอยู่ร่วมกันได้ผาสุกสบาย ก็เพราะต่างคนต่างรักษากฎแห่งความสงบของบ้านเมือง ถ้าฝืนกฎอันนี้ไปแล้วก็ต้องก่อเรื่องจนได้

หลักธรรมหลักวินัยก็คือกฎแห่งความปลอดภัยไร้ทุกข์นั่นแล จะเป็นยักษ์เป็นมารแก่พวกเราอย่างไรไป เรื่องธรรมด้วยแล้วยิ่งละเอียดมากทีเดียว ละเอียดยิ่งกว่ากฎหมายบ้านเมืองอีก ผู้ใดปฏิบัติตามธรรมแล้ว ไปไหนก็ไปเถิด ไม่มีอะไรหรอก ถ้าลงได้ดำเนินตามธรรมแล้ว คิดดูเผินๆ ทุกวันนี้ เรานั่งรถผ่านไปด่านตรวจที่ไหนเขาตรวจดะไปเลย ยิ่งมากลางค่ำกลางคืนด้วยแล้ว เขายิ่งตรวจอย่างเข้มงวดกวดขัน พอมาส่องไฟมองเห็นพระนั่งรถมาด้วยแล้ว เขาถอยออกทันทีเพราะความไว้ใจ ลงใจว่าพระมีธรรม เขาไว้ใจผ้าเหลือง เขาไว้ใจศาสนา เขาไว้ใจพระผู้มีศีลธรรม

ถ้าต่างคนต่างมีศีลธรรมก็ไว้ใจกันได้ทั้งนั้นมนุษย์เราน่ะ ไม่เคยเห็นหน้ากันก็ตาม พอมองเห็นกันก็เป็นความสนิทต่อกันเลย เพราะความสนิทอยู่กับธรรม ไม่ได้สนิทอยู่กับกิเลส กิเลสไม่สนิทกับใครง่ายๆ ฆ่ากันได้สบายๆ แม้แต่พ่อกับแม่ก็ยังฆ่ากันได้ ลูกกับพ่อกับแม่ยังฆ่ากันได้ เราอย่าว่าคนอื่นคนไกลที่ไหน กิเลสมันไม่ไว้หน้าใคร เมื่อมันแสดงขึ้นหน้าแล้วมันทำได้หมดไม่ไว้หน้าใคร ส่วนธรรมนี่ทำไม่ลง อ่อนนิ่มไปหมด ไม่ว่าลูกใครหลานใครชื่อว่าเป็นมนุษย์แล้ว ไม่เคยเจอกันก็ตาม เห็นกันสนิทกันด้วยอรรถด้วยธรรมทันที ธรรมอยู่ที่ไหนสนิทกันหมด ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าเห็นตา รู้โคตรรู้แซ่กันและกัน ถ้ามีธรรมแล้วสนิทกันหมด นี่ธรรมเป็นเครื่องประสาน ประสานให้อ่อนนิ่มใส่กันเลย ถ้าเป็นกิเลสไม่ได้ เห็นเขี้ยวเห็นฟันกันไม่นานเลย คอยแต่จะกัดกัน งั้นโลกมันถึงร้อนถึงแหลกด้วยการทำลายทรัพย์สินและหัวใจกัน ชีวิตของกัน

ในหนังสือพิมพ์มีอยู่ตลอดเวลา มีแต่เรื่องกัดกันทำลายกัน ทั้งลักทั้งปล้นทั้งจี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเต็มไปหมด นี่แสดงเรื่องอะไร ก็แสดงเรื่องกิเลสทำหน้าที่อย่างออกหน้าออกตานั่นเอง เพราะเวลานี้กิเลสอยู่ที่คนซึ่งชอบส่งเสริมมันมากทวีคูณ ไม่มีใครเห็นโทษของมันบ้างเลย เมื่อไม่เห็นโทษของมันความฉิบหายวายปวงไม่ต้องสงสัย นี้เป็นจำนวนน้อย ยังจะมากยิ่งกว่านี้ไปอีก ถ้าส่งเสริมมันให้มีกำลังมากเท่าไร มันจะยิ่งก่อความฉิบหายให้ยิ่งกว่านี้ไปอีก เพราะกิเลสไม่เคยทำใครให้มีความเจริญรุ่งเรืองเลย นอกจากธรรมเท่านั้นจะทำให้มีความเจริญรุ่งเรือง
ไม่ว่าคนมั่งคนมี ไม่ว่าคนทุกข์คนจน ไม่ว่าคนโง่คนฉลาด ถ้าต่างคนต่างมีธรรมแล้วอยู่ด้วยกันได้อย่างสนิทตายใจ มนุษย์เราทำไมไม่ให้อภัยกัน ไม่เห็นใจกัน ต้องให้อภัยกันได้ทั้งนั้นแหละ ถ้าใจเป็นธรรมเป็นอย่างนั้น ไม่ดูถูกเหยียดหยามซึ่งกันและกัน เพราะมนุษย์เราเกิดมาทีแรกก็เกิดในท้องแม่เหมือนกัน ใครนำเอากองทรัพย์สมบัติมา ใครเอาตู้คัมภีร์เอาความเฉลียวฉลาดมา ใครหาบตู้อำนาจวาสนามา มันมีในหัวใจของทุกคนนั่นแหละ เพราะฉะนั้น ท่านจึงไม่ให้ประมาทกัน หัวใจเวลาเสวยกรรมต่ำก็เสวยไว้ก่อน แต่สิ่งที่ดีมีบรรจุไว้ในหัวใจ พอพ้นจากวาระนี้แล้วก็ดีดผึงไปได้สบาย กรรมของสัตว์มันต่างกัน ท่านจึงไม่ให้ประมาทกัน ให้อภัยซึ่งกันและกัน ให้นำธรรมนี้ไปปฏิบัตินะ

เฉพาะอย่างยิ่งผัวกับเมียนั่นแหละ ส่วนมากผัวจะไม่มีหนังหุ้มห่อตัวนะ ถูกหยิกถูกข่วนเพราะเมียมือไวปากไว แต่ถ้าผัวไม่ดีก็เอาให้หนัก อย่าให้มีหนังติดกระดูก ผู้ชายมันอายเป็นเหมือนกันนั่นแหละ ผู้หญิงผิดก็เหมือนกัน ตีให้แหลก ผู้ชายผิดก็เอาให้แหลกเหมือนกัน สิ่งที่มีอยู่ทำไมไม่ยินดี ไปยินดีอะไรกับยาพิษอย่างนั้น เมียเขาผัวเขามันเป็นของดีหรือมันเป็นยาพิษ ลูกเขาไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของตนมันเป็นพิษ ยาพิษอย่าไปแตะ อย่าไปนำมาทำลายตน เพราะเท่ากับทำลายครอบครัวของตัวด้วย ไม่ใช่ของดีเลย ถ้าต่างคนต่างมีศีลมีธรรมแล้วไปไหนก็ไปกันได้ ไม่มีอะไรจะอบอุ่นเท่าคู่ครองไว้ใจกันได้ สามีภรรยาพึ่งเป็นพึ่งตายกันได้ จงรักภักดีต่อกัน อะไรจะดียิ่งกว่านี้ เงินทองข้าวของ เครื่องใช้สมบัติมากน้อยก็เข้ามาส่งเสริม ถ้าอันนี้เป็นหลักดีแล้ว สิ่งทั้งหลายก็ดีหมด ถ้าอันนี้เสียเสียอย่างเดียว สิ่งเหล่านั้นก็เป็นยาพิษเข้ามาเป็นเครื่องสังหารหมด จงพากันจำไว้

อะไรก็ตาม ท่านทั้งหลายอย่าลืมศีลลืมธรรม อย่าเห็นความโลภ ความโกรธ ความหลง ราคะตัณหา ความไม่มีเมืองพอ ว่าจะส่งเสริมท่านทั้งหลายให้เป็นคนดิบคนดี คนมีหน้ามีตา คนมีวาสนา คนมีความสุขความเจริญ อย่าหวัง ตายก็ตายไปเปล่าๆ นั่นแหละ ถ้าไม่มีธรรมแล้วไปไม่รอด ถ้ามีธรรมเอาเถอะ ไม่ว่าคนมีคนจน ต่างคนต่างมีธรรม เฉพาะอย่างยิ่งสามีกับภรรยาเป็นใจอันเดียวกันแล้ว ไปไหนไปเลย เย็นที่สุด ไม่มีอะไรเย็นยิ่งกว่าสามีภรรยาซึ่งเป็นคู่ครองกัน ไว้ใจกัน จงรักภักดีต่อกัน เป็นอวัยวะเดียวกัน ฝากเป็นฝากตายต่อกัน นี่เป็นกองความสุขอันพึงใจที่สุดเลย พากันจำเอาไว้นะ ปฏิบัติตัวให้ดี

อย่าเห็นอะไรดีกว่าศีลกว่าธรรม ไม่ดี ไม่ถูก เหล่านั้นส่วนมากเป็นฟืนเป็นไฟ ถ้าไม่มีธรรมเข้าเคลือบแฝง ธรรมแลเป็นเครื่องประกันคุณภาพของมนุษย์เรา และประกันคุณภาพของครอบครัวผัวเมียลูกเล็กเด็กแดงตลอดสังคมทั่วไป ให้มีความเหนียวแน่นมั่นคงต่อกันจนวันอวสานแห่งชีวิต ตายอย่างตาหลับสนิท ไม่แบกหามอารมณ์และกองทุกข์มาทำลายน้ำตาให้ไหลรินแบบไม่เกิดประโยชน์ จงสงวนน้ำตาไว้ด้วยธรรมการประคองตัวเองและครอบครัวผัวเมียด้วยดี จะเป็นสิริมงคลไม่มีประมาณ

ส่วนมากไม่เลือกชาติชั้นวรรณะ ฐานะมีจน คนโง่คนฉลาด ถ้าไม่มีธรรมเครื่องป้องกันตัวบ้าง จิตใจ กาย วาจา มักไปคว้ากิเลส ความโลภ ความโกรธ ความลุ่มหลง ราคะตัณหา ตัวอยากๆ หิวโหยไม่มีเมืองพอเข้ามาทำลายน้ำตาให้ไหลรินไม่เว้นแต่ละวันเวลา ให้นั่งจมทุกข์ นอนจมทุกข์ ยืนจมทุกข์ เดินจมทุกข์ไม่มีวันเวลาปลงวางลงได้ นอกจากนั้นก็น้ำตาตกใน พูดไม่ออก บอกใครไม่ได้ แต่สุมอยู่ภายในใจราวกับไฟไหม้กองแกลบ

การเตรียมดับทุกข์ดังกล่าวมาต้องเตรียมธรรมเข้าสู่ใจ เช่น สังวรธรรม ความสำรวม ความมีขอบเขตเหตุผล สติธรรม ระลึกรู้ตัวอยู่เสมอ อย่าลืมตัวว่าตนฉลาดมาก เงินทองหาได้ง่าย แม่หนู พ่อหนูข้างถนนหาง่ายจ่ายสบาย ปัญญาธรรม ความฉลาดรอบตัวทั้งสิ่งดีและชั่ว สิ่งควรละ ควรหลีกเว้นเพราะไม่ดี ทั้งสิ่งดีมีคุณค่าพยายามแสวงหาให้เกิดให้มีในตน ขันติธรรม ใช้ความอด ความทนต่อวาทะไม่ดีและหน้าที่การงานที่เป็นประโยชน์ วิริยธรรม เพียรในงานอย่าเกียจคร้าน สมบัติเงินทองและคุณธรรมจะตามมา สมาธิธรรม มีใจมั่นคง ไม่เหลาะแหละต่อกิจการต่างๆ อันเป็นทางดี การอบรมจิตให้สงบเย็นเป็นเวลาตามโอกาส สวดมนต์ไหว้พระทุกเช้าเย็นอย่าให้ขาด นี่แลคือธรรมเครื่องดับทุกข์ทั้งหลาย เมื่อมีธรรมเหล่านี้ ทุกข์ที่เคยมีอยู่ในหัวใจจะค่อยเบาบางลงและหมดสิ้นไป จึงกรุณาพากันนำไปประดับตน จะเป็นมงคลทั่วหน้ากัน

เอาละ

ถอดจากเทปบันทึกเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๒๕

                                              โดย คุณกุศลิน ศรียาภัย
 

  • พลังน้ำใจ: 1
ตอบกลับ #10 28 มีนาคม 2011, 17:50:36น.
ขออนุโมทนาครับ
Monavieธุรกิจมาแรงที่สุด
หน้าขาวใส ด้วย ครีมหน้าขาว ขายดีอันดับ 1 ขาวใสมากๆ
รับทำ SEO ราคาถูก เพื่อทำอันดับการค้นหาติด Google

สมาชิกระดับอาจารย์ C6 *****
  • พลังน้ำใจ: 51775
ตอบกลับ #11 22 สิงหาคม 2011, 23:16:10น.
yah
Webmaster
Super Hero

พลังน้ำใจ: 10789


 T|g T|g T|g T|g
<a href="http://www.swfcabin.com/swf-files/1379918811.swf" target="_blank" class="new_win">http://www.swfcabin.com/swf-files/1379918811.swf</a>

yah ออฟไลน์
  • พลังน้ำใจ: 31799
ตอบกลับ #12 06 กุมภาพันธ์ 2012, 12:21:25น.
<a href="http://www.youtube-nocookie.com/v/c5_KCmJvwc8?<br />version=3=amp;hl=en_US&amp;amp;color1=FF66CC&amp;amp;color2=FF66CC&amp;amp;border=1&amp;autoplay=1&amp;loop=1" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube-nocookie.com/v/c5_KCmJvwc8?<br />version=3=amp;hl=en_US&amp;amp;color1=FF66CC&amp;amp;color2=FF66CC&amp;amp;border=1&amp;autoplay=1&amp;loop=1</a>

  • พลังน้ำใจ: 426
ตอบกลับ #13 26 เมษายน 2012, 09:48:39น.
yah
webmaster
Super Hero

พลังน้ำใจ: 16538



 

เว็บไซต์ในเครือข่ายอภิโชค : apichokeonlin.com | apichoke.net | apichoke.biz | apichoke.me | apichoke.org | apichoke.info
"ศาสตร์ของการคำนวณหวย สถิติหวยความน่าจะเป็น บนเว็บนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน-นักคำนวณ และบุคคลทั่วไปตลอดจนเลขจากไสยศาสตร์ต่างๆ การที่ใครจะถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือถูกหวย รวยด้วยหวย ก็เป็นเพียงแต่ การเสี่ยงโชค เสี่ยงดวง เท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ และไม่ควรงมงาย หากต้องการเสี่ยงโชค ซื้อหวย เล่นหวย ก็ขอให้ เสี่ยงโชคแต่พอเพียงตามกำลังของตนเอง อย่าซื้อเกินกำลังอาจทำให้เดือนร้อนได้"
คำเตือน : อย่าหลงเชื่อหากมีผู้อ้างตนเป็นอาจารย์ดังสามารถให้หวยถูก100%หรือให้ถูกทุกงวดแน่นอน หรืออวดอ้างว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่กองสลาก แล้วเรียกเก็บเงินจากท่าน
ข้อมูลในเว็บนี้ใช้ประกอบเสี่ยงโชคสำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ไม่สนับสนุนหวยที่ผิดกฏหมาย